“แก้ตัวมา ก่อนที่ฉันจะกดมีดลงที่คอของคุณ” อาทิตาบอกด้วยเสียงที่กำลังข่มความโกรธ ถ้าเธอไม่รู้สึกตัวเสียก่อนคงถูกเขาขโมยจูบอย่างหน้าด้านๆ ศราวิลเป็นผู้ชายแบบไหนกัน ไหนบอกว่าเกลียดกันไม่ใช่หรือ
“ฉันต้องทำแบบนั้นด้วยเหรอ ถ้าแก้ตัวออกไปเธอจะเชื่อหรือไง”
อาทิตามุ่นคิ้ว แล้วจู่ๆ มีดเล่มจ้อยในมือก็ถูกแย่งไปซึ่งๆ หน้า
“นี่คุณ! เอาของฉันคืนมานะ!”
“คิดว่าไอ้นี่จะช่วยเธอได้หรือไง!” ถามแล้วโยนมีดไปที่เบาะข้างหลัง
อาทิตามองตามอย่างเสียดาย นั่นที่พึ่งสุดท้ายของเธอแล้วนะ
“ถ้าคุณคุกคามฉัน ฉันจะแจ้งตำรวจ”
เขายักไหล่ “เอาสิ ใครจะเชื่อเธอ ที่นี่แดนดงนะ ขนาดผู้กำกับยังต้องยกมือไหว้ฉันเลย” เขาตอบอย่างสบายอารมณ์ ดึงผมช่อเล็กๆ ของหล่อนมาม้วนเล่นด้วยปลายนิ้ว สีหน้าท่าทางเจ้าเล่ห์อย่างบุรุษผู้ช่ำชองเรื่องอิสตรี
อาทิตาชักหวั่นใจ หันมองรอบกายก็เจอเพียงถนนลูกรังเส้นเล็กๆ กับต้นอ้อยขึ้นเป็นพรืดไปจนสุดสายตา ที่นี่ที่ไหน บ้านป่าเมืองเถื่อนหรืออย่างไร ทำไมเธอไม่เห็นบ้านคนเลยแม้แต่หลังเดียว
“คิดจะทำอะไรกันแน่ นี่แผนคุณเหรอ คุณหลอกฉันมาที่นี่ใช่ไหม”
“จุ๊ๆๆ อย่าพูดอย่างนั้นสิครับน้องซัน เป็นน้องนะที่หอบผ้าหอบผ่อนตามพี่มา มามะ มาให้พี่ชายชื่นใจหน่อยเร็ว” ศราวิลวาดลวดลายอย่างตัวร้ายในละครหลังข่าว เขากำลังขู่ขวัญหล่อนด้วยสิ่งที่หล่อนมิกล้าแม้แต่จะคาดเดา
อาทิตาขยับหนีแต่จะหนีไปไหนได้ นี่บนรถนะ แล้วเขาก็คว้าตัวเธอไว้ ก่อนที่เธอจะผลักประตูให้เปิดออกด้วยซ้ำ
“ปล่อยฉันนะ! คิดจะทำอะไร ปล่อย!”
“หึ! กลัวเหรอ ฉันชอบจัง ฉันคงโรคจิต เวลาเห็นเธอตื่นกลัวแล้วฉันมีความสุขชะมัด อ๊า!” พูดยังไม่จบประโยคดี ฟันคมๆ ของอาทิตาก็ฝังลงที่ท่อนแขน “ปล่อยฉันนะ! เจ็บ!”
พลั่ก!
ร่างของอาทิตาถูกผลักจนชนกับประตูรถอย่างแรง ศราวิลกำหมัดแน่น เลิกแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นดูตรงที่ถูกกัดก็เห็นมีรอยฟันกับเลือดซึมซิบๆ
“ยัยบ้าเอ๊ย! เป็นหมาหรือไง!”
อาทิตายิ้มเยาะอย่างสะใจ มือเสยผมที่ไหลมาปิดใบหน้า ให้ศราวิลได้เห็นแววตาเยาะเย้ยของเธอชัดๆ
“ใช่...ฉันเป็นหมา หมาที่กัดไม่เลือกด้วยนะ อื้อ...” สะใจได้ไม่เท่าไหร่ อาทิตาก็ถูกเอาคืน สองแขนเรียวถูกรวบไว้ด้วยมือหนา ในขณะที่ริมฝีปากถูกเขาครอบครองอย่างจงใจ ศราวิลกำลังจูบเธอ จูบ! จูบแบบที่เธอไม่เคยพบเจอ มิได้มีความอ่อนหวานนุ่มนวลชวนให้เคลิบเคลิ้ม มีแต่ความดุดันโกรธเกรี้ยวที่แฝงมากับจูบนั้น ลิ้นร้อนๆ ที่ตวัดในโพรงปากเธอก็เช่นกัน มันเกี่ยวกระหวัดลิ้นเธออย่างตะกละตะกราม ราวกับอดอยาก ราวกับอยากสั่งสอนให้เธอรู้สำนึก สำนึกเรื่องอะไรเล่า เธอไม่ได้ทำอะไรผิดสักนิด ไม่ได้ทำเลย!
“แฮ่กๆ แฮ่กๆ” เสียงหอบของอาทิตาดังอยู่ภายในห้องโดยสาร ปากสั่นมือสั่น หน้าแดงราวกับคนจับไข้ ศราวิลไม่ได้จูบเธอแล้วก็จริง แต่มือข้างหนึ่งยังวางอยู่ข้างแก้มเธอ ทั้งลูบไล้ด้วยนิ้วหัวแม่มือ ราวกับการกระทำอันช่ำชองของชายผู้ชำนาญ ใช่กระมัง เขาคือมืออาชีพ ส่วนเธอน่ะพวกมือสมัครเล่น ถ้ายืนอยู่ตอนนี้ รับรองว่าเธอเป็นลมล้มพับแน่นอน
“เป็นไงครับน้องซัน ถึงกับพูดไม่ได้ไปไม่เป็นเลยใช่ไหม อา...น่าสงสารจังน้องพี่ ก็เห็นปากดีแต่ดูท่ายังอ่อนหัดนัก คราวนี้ก็รู้แล้วสินะว่าถ้ามาอยู่ใกล้พี่ ต้องเจออะไร คิดผิดคิดใหม่ได้นะน้อง ยังทันนะซัน ยังทัน หึๆๆ”
สองมือของอาทิตากำหมัดแน่นอยู่บนหน้าตัก มองริมฝีปากคมที่กำลังขยับขึ้นลงเพื่อเอ่ยวาจายั่วโมโหเธอ เขาคงได้ใจสินะ การปล้นจูบจากหญิงสาวผู้ไร้เดียงสาคงทำให้เขาภาคภูมิใจกระมัง แต่ไม่มีทางเสียหรอก ถ้าเธอจะอยู่ที่นี่อย่างปกติสุข เธอต้องสู้ ถ้าเธอสู้ก็ยังมีหวังว่าจะชนะไม่ใช่หรือ
ศราวิลมองดวงตาของหล่อนแล้วให้ประหลาดใจ แววตาเช่นนั้นคืออะไร มุ่งมั่นเกินไปไหม มุ่งมั่นในสิ่งใด เหตุใดจึงน่ากริ่งเกรงเช่นนี้ แล้วไม่กี่อึดใจถัดมาเขาก็ได้รู้คำตอบ เมื่ออาทิตาขยับเข้ามาหา พาใบหน้าและริมฝีปากจู่โจมเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว ปากน้อยๆ ของหล่อนประทับจูบเขาอย่างเงอะงะ ร่างอรชรอ้อนแอ้นปีนขึ้นคร่อมเขาบนเบาะที่อยู่หลังพวงมาลัย นี่...อะไรกัน มันเกิดอะไรขึ้น ผู้หญิงคนนี้เป็นบ้าหรืออย่างไร นี่หล่อนจูบเขาก่อนหรือ บ้าไปแล้ว!
อาทิตาสมใจนักที่เห็นสองมือของศราวิลกางออกอย่างไม่รู้จะพามันไปวางตรงไหนดี เขากำลังตกใจ ตกใจที่เธอเป็นฝ่ายรุก สองมือเธอยังโอบประคองแก้มทั้งสองของเขา ในขณะที่ริมฝีปากยังตะบี้ตะบันบดจูบลงไปอย่างรุนแรง ให้มันรู้ไปสิว่าริมฝีปากของผู้หญิงจะทำให้ผู้ชายอ่อนระทวยไม่ได้ อย่าคิดว่าจะเอาชนะเธอด้วยเรื่องพรรค์นี้ หมานะ...เวลามันจนตรอกมันก็สู้ได้ทุกทางนั่นแหละ เธอเองก็เช่นกัน ถึงไม่เคยทำเรื่องอย่างว่ามาก่อน แต่ใช่ว่าทำไม่เป็น!