บทที่ 2/3 ผู้ชายเถื่อนๆ

1165 คำ
“อย่าด่าฉันเชียว ถึงจะเป็นลูกเมียน้อยแต่ฉันไม่ได้สนิมสร้อยนะ คุณด่ามาฉันด่ากลับ คุณตบมา ถ้าฉันเตะถึง ฉันก็เตะนะ” ตอบเขายิ้มๆ ราวกับเรื่องที่เอ่ยอยู่เป็นเรื่องแสนธรรมดา เธอพยายามอธิบายอย่างใจเย็นที่สุดแล้ว ด้วยหวังว่าการไปที่ไร่ของศราวิลในคราวนี้ พวกเธอจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ไม่มีเรื่องให้ต้องบาดหมางใจ “ตัวเท่ามดกล้ามาขู่ฉันได้ยังไง เธอนี่เหลือเชื่อจริงๆ” “ฉันไม่ได้ขู่ แค่กำลังอธิบายให้คุณฟังอย่างใจเย็นที่สุดเท่าที่ฉันจะทำได้น่ะ” ตอบเขาแล้วยิ้มเหยียด ยกแก้วกีวี่ปั่นขึ้นมาดูดอึกใหญ่ๆ มันช่วยให้เธอตาสว่าง ช่วยให้หายคลื่นไส้ได้มากโข เมื่อเช้ามัวแต่ตื่นเต้นจนกินอะไรไม่ลง แถมการนั่งรถนานๆ ก็ทำให้เลือดลมในกายไหลเวียนไม่ปกติ มึนหัวไปหมด “ปากดีจริงๆ” “ฉันดีทุกอย่างค่ะ ยกเว้นปาก” อาทิตายิ้มอย่างผู้ชนะให้กับมุกตลกของตัวเอง เธอเพิ่งนึกออกเอาเดี๋ยวนั้น แล้วดูเขาเถิด คงอยากเขมือบหัวเธอแล้วเคี้ยวให้แหลกเลยละมั้ง ศราวิลกัดฟันกรอดๆ ยกถ้วยกระดาษขึ้นกระดก กาแฟดำรสขมช่วยลดความไม่พอใจที่มีต่ออาทิตาลงได้ หล่อนเหมือนบูมเมอแรงไม่มีผิด บูมเมอแรงที่ไม่ว่าจะเหวี่ยงออกไปไกลแค่ไหน มันก็ยังย้อนกลับมาที่จุดเริ่มต้นอยู่ดี อาทิตามองมือใหญ่ที่กำลังขยำถ้วยกระดาษราวกับว่ามันคือทิชชู่ใช้แล้ว เธอพอใจที่เห็นเขาจนแต้ม ไม่อาจต่อกรกับวาจาของเธอ “บางทีฉันก็เกลียดเธอจนอยากตาย เธอเข้าใจไหม ความรู้สึกเกลียดแต่ฆ่าเธอไม่ได้ ฉันเลยอยากตายซะเอง” “หรือคะ อยากตายก็ตาย ฉันจะได้ครอบครองทุกอย่างที่เป็นของคุณ ตายตอนนี้ก็ได้นะ เอาสิ เริ่มชักกะแด่วตอนนี้เลย เอาเลย!” บอกอย่างนึกสนุก ราวกับอยากให้อีกฝ่ายสิ้นลมหายใจไปจริงๆ ศราวิลได้แต่นับหนึ่งถึงสิบซ้ำไปซ้ำมา ปากของหล่อนนี่นะ น่าเฉือนทิ้งเหลือเกิน “อาทิตา!” “ขา...พี่ฉัตร...” ตอบแล้วยิ้ม ยิ่งเห็นใบหน้าเขาเริ่มแดงเพราะความโกรธก็ยิ่งสนุก “อย่าสะเออะมาเรียกฉันแบบนั้นนะ!” “เอ้า...นึกว่าชอบไม่ใช่หรือคะพี่ฉัตรขา...” ตอบแบบหน้าซื่อตาใส ศราวิลลุกยืนก่อนที่จะโมโหไปมากกว่านี้ “ตอนนี้ไม่แล้ว อย่าเรียกฉันอย่างนั้นนะ ยัยบ้าเอ๊ย!” “นายไม่ชอบเหรอ ก็ได้...งั้นฉันจะเรียกแบบนี้แหละ” “อาทิตา!” “ขา...พี่ฉัตร!” ศราวิลกัดกรามกรอดๆ นี่เขากำลังแพ้ทางอาทิตาใช่ไหม หล่อนทำได้ยังไงกันนะ ลอยหน้าลอยตาล้อเลียนเขาอยู่นั่น ไม่กลัวบ้างหรืออย่างไร “เรียกให้ตลอดล่ะ ถ้าเรียกอย่างอื่นละก็ เธอโดนดีแน่...น้องซัน!” อาทิตาอ้าปากค้าง ตาเบิกโต คำว่าน้องซันทำเอาเธอช็อก มีสิทธิ์อะไรเรียกเธออย่างนั้นล่ะ บ้าบอ โอ๊ย...ขนลุก! “อยากตายหรือไง เรียกซันเฉยๆ ก็พอ” “ไม่พอหรอกน้องพี่ พี่น่ะ...อุตส่าห์เอ็นดู๊เอ็นดูน้อง จะให้เรียกซันเฉยๆ ได้ยังไง” ศราวิลโต้คืน เอื้อมมือแข็งๆ ไปลูบบนศีรษะของอาทิตาราวเอ็นดูนักหนา แต่แรงที่วางลงบนกระหม่อมแทบจะดันศีรษะทุยให้แหงนเงย “เอามือออกไปจากหัวฉันนะ กล้าดียังไงฮะ!” “จุ๊ๆๆ เป็นน้องเป็นนุ่งพูดจาไม่น่าฟัง เดี๋ยวพี่จับตีก้นนะ อยากโดนตีก้นหรือครับน้องซัน...” ท้ายประโยคเอ่ยเสียงลอดไรฟัน สองตามองตรงยังอาทิตา รอยยิ้มที่เผยออกมาดูประหลาด มันไม่ใช่ยิ้มอย่างเอ็นดู แต่เป็นรอยยิ้มของเสือหิวเจ้าป่าที่กำลังไล่ต้อนเหยื่อของตัวเอง อาทิตาผลักมือใหญ่ออกไปอย่างเคืองๆ พวงแก้มเธอเห่อร้อนเพราะสัมผัสจากมือร้อนๆ เธอไม่ปลื้มที่เขาทำแบบนี้ ไม่ใช่ว่าไม่เคยให้ผู้ชายแตะเนื้อต้องตัว แต่ผู้ชายคนนั้นต้องไม่ใช่เขา เธอรู้มาไม่น้อยว่าผู้ชายบ้านนี้เสน่ห์ล้นเหลือเพียงใด เธอจะไม่ยอมให้ศราวิลทำแบบนั้น เขาคงนั่งหัวเราะเยาะ ตอนล่อลวงให้เธอตกบ่วงเสน่ห์ของเขาจนสำเร็จ เธอเห็นมารดาเป็นคนโง่มาทั้งชีวิตแล้ว เธอจะไม่ยอมเป็นแบบนั้นเด็ดขาด “ฉันจะไปรอบนรถ” เธอบอกเสียงเรียบ แล้วลุกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ แตะหลังมือกับแก้มตัวเองอย่างประหม่า ศราวิลยิ้มที่มุมปาก เริ่มรู้ทันอาทิตา ผู้หญิงปากกล้าคนนี้ ยังไร้เดียงสานัก “น่าสนุกแฮะ ผู้หญิงปากร้ายแต่ใสซื่อเรื่องผู้ชาย” เขามองตามร่างบางๆ ของหล่อน ถ้าหล่อนไม่ใช่ลูกเมียน้อยของพ่อเขา เรื่องมันจะออกมารูปแบบไหนนะ “มาดูกันว่าจะไปได้สักกี่น้ำ ฉันจะทำให้เธอเก็บกระเป๋ากลับกรุงเทพฯ แทบไม่ทันเลย หึๆๆ” เวลาเดียวกันนั้น ข้างรถยนต์ของศราวิล อาทิตากำลังยืนหายใจแรงๆ สองมือโบกลมเข้าหาใบหน้า ด้วยรู้สึกร้อนราวกับเอาหน้าจุ่มลงไปในกาน้ำร้อน นี่มันอะไรกัน ทำไมเธอรู้สึกแบบนี้กับการกระทำของเขา เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ “ไม่ๆๆ เขาเจ้าชู้ ฉันก็แค่ไร้เดียงสา ไม่มีอะไรหรอกน่า” อาทิตาบอกตัวเองซ้ำๆ หันมาเปิดประตูรถ แต่เปิดไม่ออก ใช่...เธอไม่มีกุญแจ ปิ๊บๆ ปิ๊บๆ เสียงสัญญาณรถยนต์ดังขึ้นติดๆ กัน ศราวิลนั่นเอง เขาตามเธอมา “ฉันแค่อยากหลับสักงีบ คุณไม่ต้องตามมาก็ได้” เธอบอกเขาดีๆ ด้วยไม่อยากหาเรื่องให้ตัวเองเดือดร้อน “ฉันไม่ได้ตามเธอ ฉันแค่จะมาหยิบของ” บอกหน้าตายแล้วอ้อมขึ้นไปนั่งบนรถฝั่งคนขับ สตาร์ตเครื่องแล้วเปิดแอร์เย็นๆ ให้คนที่นั่งข้างๆ ได้เย็นด้วย เขาไม่ได้มาหยิบอะไร แต่ตั้งใจมาพักบนรถเหมือนกัน อาทิตานั่งเงียบๆ มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อแจ็กเกต คลำคลึงเจ้าสิ่งที่อยู่ในนั้นราวกับมันคือของวิเศษที่เธอต้องเฝ้ารักษา “เธอคิดจะทำอะไรที่นั่น” จู่ๆ เขาก็ถามขึ้น เอนหลังพิงเบาะ แต่ไม่ได้หลับ “ที่ไหน” “แดนดง” “หือ?” อาทิตาเป็นงง หันมองเขาด้วยคิดว่าได้ยินไม่ชัด “ไร่ฉันไง อำเภอแดนดง จังหวัดมหาสารคาม” อาทิตาส่ายหน้า เธอไม่รู้จะทำอะไรได้บ้าง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเคยมีชื่ออำเภอนั้นอยู่ในประเทศนี้ด้วย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม