ตอนที่ 6

957 คำ
และเมื่อคุณหลวงในร่างของแม่อ่ำปลดผ้าแถบรัดอกของหล่อนออก พร้อมทั้งใช้จมูกซุกไซ้ไปตามเนินอกอวบก่อนจะสูดดมและดูดดึงปลายยอดชูชัน แม่พิศก็แทบจะแอ่นความเป็นหญิงให้ท่านเชยชมเสียเดี๋ยวนี้ อยากจะกรีดร้องเรียกชื่อคุณหลวงออกมา แต่ดีที่ว่าสายตาเห็นหัวของแม่อ่ำลอยเด่นอยู่บนหน้าท้องของตนเองเสียก่อน คำร้องออกมาจึงเป็น “โอว... พี่อ่ำจ๋า... ฉันมีความสุขเหลือเกิน โอว... จะหาใครให้ความสุขกับฉันได้เท่าพี่ พี่อ่ำจ๋า... อูย... พี่อ่ำ... อื้อ... พี่อ่ำจ๋า... พี่อ่ำ...” ริมฝีปากพ่นคำหวานเพื่อให้แม่อ่ำติดตรึงใจมากที่สุด สะโพกส่ายร่อนไม่หยุดเมื่อเจอลิ้นร้อนของแม่อ่ำเข้าไปกระทบที่กลีบดอกบอบบาง ดอกไม้เบ่งบานจากนิ้วมือและปลายลิ้นของแม่อ่ำที่ซุกไซ้ให้แม่พิศต้องดิ้นพล่านไม่หยุด ปากก็ร่ำร้องแต่ชื่อของแม่อ่ำอย่างทิ้งทวน “พี่อ่ำจ๋า... พี่อ่ำจ๋า... พี่อ่ำ...” ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับการ ‘เล่นเพื่อน’ เพราะในค่ำคืนครั้งหน้าคงเป็นการเล่น ‘ผัวเมีย’ เท่านั้นที่หล่อนต้องเรียนรู้ และหวังว่าการเล่นครั้งใหม่จะทำให้หล่อนขึ้นสวรรค์ได้หลายๆ ครั้งอย่างที่แม่อ่ำทำให้ หรือจะให้ดี หากร่างกายของหล่อนจะเบาบางราวกับโบยบินขึ้นไปบนยอดเขาพระสุเมรุได้อย่างที่นางพนักงานรุ่นพี่บอกเล่า ก็จะดีมาก เพราะหล่อนก็อยากลองทะยานขึ้นไปดูสักครั้งว่าจะมีความสุขจริง หรือเป็นเพียงคำร่ำลือ                   ทันทีที่เรือจอดเทียบท่าน้ำ ฝ่ามือใหญ่ที่ผายมาเบื้องหน้าก็ทำให้แม่พิศชะงัก แต่ก็ยอมวางมือของตนไว้ในฝ่ามืออบอุ่นของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของตนเองอย่างขวยเขิน นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ได้ถูกเนื้อต้องตัวกับผู้ชายที่มิใช่ญาติพี่น้อง และนับจากคืนนี้ไปก็คงจะไม่ใช่แค่ฝ่ามือ แต่คงจะเป็นตลอดทั้งเรือนร่างนี้ ยิ่งคิดแม่พิศก็ยิ่งสะท้านจนแทบจะขืนตัวเองให้ก้าวเดินไม่ไหว                 หลวงสรเดชมนตรีใช้เรือนร่างสูงใหญ่ของตนเองคอยพยุงนางพนักงานที่แสนจะงดงามให้ก้าวเดินขึ้นจากเรือ ดวงตาคมเข้มสุขุมทอดมองใบหน้าระเรื่อไปด้วยเลือดฝาดอย่างเสน่หา                 ในยามนี้ตนรับแม่พิศมาเป็นแม่ศรีเรือนด้วยความภาคภูมิใจ ด้วยความงามของแม่พิศนี้ระบือไกลจนใครๆ ก็พากันอิจฉา เพราะหาได้มีเพียงเขาคนเดียวไม่ที่หมายปองอยากได้แม่พิศมาร่วมเรือน ทว่าที่สุดแล้วแม่พิศก็เลือกที่จะออกเรือนกับเขา เรือนหมู่ 5 หลังที่ปลูกสร้างจากไม้สักทองหันหน้าเข้าชนกันโดยมีชานแล่นเป็นตัวเชื่อม สร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่แม่พิศยิ่งนัก อีกทั้งอาณาบริเวณที่กว้างขวางก็ทำให้แม่พิศต้องยิ้มด้วยความสุขใจอย่างที่สุด คิดไม่ผิดจริงๆ ที่เลือกออกเรือนกับคุณหลวงครั้งนี้ ด้วยฐานะที่คุณหลวงมีแต่ดั้งเดิมจักนำพาให้พ่อแม่สบายจริงตามที่หล่อนต้องการเสียที “ไปเถอะแม่พิศ ขึ้นไปดูบนเรือนกันเถิด พี่จัดหาข้าวของไว้ตามแต่เห็นสมควร แต่ไม่รู้ว่าจะถูกใจแม่พิศหรือไม่ หากแม่พิศไม่ชอบใจก็สั่งบ่าวไพร่ให้มันจัดเตรียมให้ใหม่เถิด” หลวงสรเดชฯ กล่าวพลางโอบประคองร่างสะท้านน้อยๆ ในทุกครั้งที่เขาแตะต้องให้เดินเข้าสู่ตัวเรือนด้านใน ดวงตาคมเข้มมองสำรวจดวงหน้าที่เจือสีชมพูระเรื่อของเมียสาวอย่างแสนจะหลงใหล ตามประสาชายที่มีเมียมามากทั้งเมียบ่าวและเมียทาสในเรือน แต่ก็ไม่เคยมีใครที่จะทำให้เขาหัวใจเต้นแรงได้เท่านี้ อาจเพราะความงดงามดูเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้วของแม่พิศ รวมทั้งจริตจะกร้านกิริยาที่บ่มเพาะมาจากในรั้วในวัง จึงทำให้เขาสนิทเสน่หาหล่อนมากยิ่งขึ้น นึกอยากให้ถึงเวลาเข้าหอโดยเร็ว เพราะอยากจะเชยชิดและพิศความงดงามด้านในร่มผ้าให้ได้มากกว่านี้ ‘ภายนอกยังงดงามได้เท่านี้แล้วภายในเล่าจะงดงามได้ขนาดไหน’ ความคิดเร่าร้อนที่มาพร้อมกับความแข็งขืนกึ่งกลางกายทำให้หลวงสรเดชฯ ออกอาการเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันตัวเอง เพราะเขากำลังสงบสติและอารมณ์เตลิดของตัวเองไว้ไม่ได้ ยิ่งได้กลิ่นหอมรัญจวนจากเรือนกาย ความเป็นชายก็ยิ่งเร่งเร้าให้กระทำเสียในเวลานี้ “เอ่อ... คุณหลวงเจ้าคะ” แม่พิศเอียงหน้าอย่างเขินอายพลางทอดสายตามองข้าวของมากมายในลำเรือที่หล่อนนำติดตัวมาด้วย ทั้งผ้าแพรพรรณ ทั้งเครื่องประทินผิว รวมทั้งหีบเครื่องประดับที่สะสมจากแม่อ่ำก็ตั้งมาก จะให้ไว้ใจค้างอยู่บนเรือได้อย่างไรเล่า แต่เมื่อหันมาเห็นดวงตาวาววาบของผู้ได้ชื่อว่าเป็นสามี แม่พิศก็ต้องก้มหน้าเอียงอายอีกครั้ง เพราะดวงตาของเขานั้นกำลังจะ ‘กิน’ หล่อน “แม่พิศขึ้นเรือนกับพี่เถิด ทางนี้ให้บ่าวไพร่มันจัดการไป เข้ม จัดการให้ด้วย” หลวงสรเดชฯ เอ่ยกับเมียรักด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนจะใช้เสียงทรงอำนาจกับ ‘เข้ม’ บ่าวรับใช้ที่คอยติดตาม ซึ่งเจ้าเข้มก็รับคำและหันไปสั่งการคนเรือกับเหล่านางทาสที่ต่างวิ่งกรูกันออกมาช่วยหยิบจับข้าวของ “เจ้าค่ะคุณหลวง”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม