ตายแล้ว

1684 คำ
“นางเป็นถึงผู้ถือครองธาตุน้ำรึ” ฮ่องเต้พระองค์ใหม่เอ่ยถามขึ้นอย่างประหลาดใจ หากหวงซีซวนรู้ว่าฮูหยินของตนเองเป็นผู้มีลมปราณต้องก่อกวนนางแน่นอน “ในเมื่อนางอยากอยู่ข้างนอก ก็ต้องส่งเสริมถือว่าของขวัญจากข้าต้อนรับน้องสาว เจ้าจงไปจัดการสร้างฐานะใหม่ให้นางเป็นไป๋เจียเจียอย่างสมบูรณ์” ในเมื่อหวงซีซวนไม่อยากหย่าก็ไม่ต้องหย่า หวงซีซวนผู้นี้ นิสัยจองหองอวดเก่งเป็นพวกไร้มโนธรรม ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์แบบนี้ควรได้รับการสั่งสอนเสียบ้าง หลังได้รับคำสั่งผู้นำสูงสุดของดินแดน เจินไป๋เจียในระบบทะเบียนก็ตายแบบเงียบ ๆ ไม่มีใครสนใจ ในขณะเดียวกัน จิงจวินก็กำลังนั่งจิบชาอยู่กับหวงซีซวน “ท่านนัดข้ามาเพื่อคุยเรื่องในครอบครัวของข้าอย่างนั้นรึ” หวงซีซวนพูดด้วยน้ำเสียงยียวน “ถือว่าข้าขอร้องท่าน ปล่อยนางไปเถอะ” แม้จะดูเสียศักดิ์ศรีอดีตฮ่องเต้ผู้ที่เคยเปี่ยมบารมีและมีอำนาจ เพื่อน้องสาวถึงกลับเอ่ยปากขอร้อง “ฮ่า ฮ่า ความสัมพันธ์ของข้ากับท่าน ตั้งแต่ต้นก็เป็นเพียงขุนนางกับกษัตริย์ เป็นท่านที่ยัดเยียดนางมาให้ข้าไม่ถามไถ่ข้าสักคำ ข้าเองก็ยังตบแต่งอย่างยินดี ทว่าตอนนี้กลับอยากให้ข้าหย่าก็จะมาสั่งให้ข้าหย่า สวรรค์ช่างเมตตาข้านักในที่สุดข้าก็ได้เอาคืนพวกท่าน” คำพูดของหวงซีซวนไม่มีไมตรีน้ำเสียงเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย “ข้าทำไม่ถูกต้องจริง ๆ" จิงจวินเอ่ยยอมรับ “แต่ข้าก็ต้องขอบคุณท่านนะ เพราะนางงดงามยิ่งนัก โดยเฉพาะตอนที่โดนข้ากดอยู่ใต้ร่างยิ่งตระการตา ฮ่า ฮ่า" ฉับพลันสีหน้าของจิงจวินก็เปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียม รอบกายของหวงซีซวนเกิดเปลวเพลิงขึ้นทันที ทว่าเปลวไฟนั้นก็ไม่ทำให้เขารู้สึกร้อนแต่อย่างไร “ท่านคงลืมไปแล้วว่าข้าแข็งแกร่งกว่าท่านมากนัก อย่ามาขอร้อง หากแกร่งและเก่งกว่าก็มาจัดการข้าได้เลย” หวงซีซวนก็หายไปทันที ไม่ใส่ใจจิงจวินที่เดือดดาลจนกระอักเลือดสีหน้าของเขาไม่เหลือความละมุน เป็นเขาที่โง่เองไม่คาดคิดว่าคนผู้นี้จะชั่วช้าได้ถึงเพียงนี้ เจินไป๋เจียไม่รับรู้ว่าตอนนี้มีผู้คนมากมายกำลังยุ่งวุ่นวายกับเรื่องของนาง นางกำลังเดินตามอันหวงด้วยท่าทางสงบเสงียมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ตรงหน้าเป็นหอโอสถที่สูงใหญ่ปลายยอดเสียดฟ้ามองไม่เห็น ผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตจะไม่สามารถเดินเข้ามาข้างในได้ เมื่อมาถึงประตู ท่านลุงวางมือลงบนแท่นหินและมีรังสีสีขาวผุดขึ้นประตูหอก็เปิดออก ห้องโถงขนาดใหญ่ตระการตา คล้ายสนามบินขนาดใหญ่ ทว่าสิ่งที่ประดับอยู่รอบ ๆ กลับเป็นแปลงสมุนไพรแบบออแกนิค ตรงกลางมีลักษณะคล้ายลิฟท์แก้ว พอทุกคนก้าวเข้ามาเรียบร้อย ลิฟท์ก็พุ่งทะยานขึ้นไปอย่างรวดเร็ว นางคาดว่าลิฟท์จะไปหยุดที่ชั้นสูงสุดทว่ากลับหยุดเพียงชั้นเกือบกึ่งกลางของหอ “นี้เป็นห้องปรุงโอสถ ท่านปรมาจารย์โอสถอยู่ที่นี่” ลุงอันหวงอธิบายให้นางฟังเล็กน้อย แล้วก้าวเดินไปยังกลุ่มชายชรา สามสี่คน ที่กำลังจ้องมองหม้อโอสถอยู่ เมื่อไม่ถึงก็ไม่เอ่ยวาจา เพียงยืนนิ่งโค้งตัวต่ำ สักพักชายชราที่มีเกศาและหนวดเคราขาวใบหน้าอบอุ่นหันชำเลืองมองเอ่ยถามขึ้น “เหลนคนนี้รึ” เสียงทุ้มต่ำทรงอำนาจเอ่ยถามพร้อมปรายสายตาสำรวจกดดันเจินไป๋เจียอย่างพินิจ ทำให้หัวใจของนางสั่นระรัวเกิดอาการประหม่าเล็กน้อย “ในเมื่อมาแล้ว เจ้าลองใช้ลมปราณปรุงยาหม้อนี้ดู” ชายชราที่อยู่ด้วยกันหลายเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง เจินไป๋เจียจ้องมองไปยังหม้อต้มโอสถนางเอามือไปแตะที่ขอบหม้อแล้วเพ่งพลังลงไป น้ำเริ่มไหลวนปราณอ่อน ๆ เริ่มก่อตัวแล้วกลั่นออกมาเป็นหยดโอสถลงในจอกยา “ฮืมม ดียิ่ง” คำชมจากปรมาจารย์โอสถไม่ใช่ว่าใครก็สามารถได้รับ ตั้งแต่มีอายุมาเกือบ 100 ปี นี่เป็นครั้งแรกที่ลุงอันหวนได้ยินท่านปู่บอกว่า ดียิ่ง “ท่านพ่อ ลูกจะรีบนำหยดโอสถไปทดสอบ” นั่นไปท่านตาอันลู่หรงของเจินไป๋เจีย นางจำท่านตาได้ถึงแม้จะเจอกันแค่ครั้งเดียวตอนงานแต่งของนางเท่านั้น “หลานเจินไป๋เจีย คารวะท่านปรมาจารย์โอสถและอาจารย์โอสถทุกท่าน” ทุกคนที่อยู่ในห้องปรุงโอสถล้วนเป็นคนในตระกูลอัน ท่านทวดที่มีตำแหน่งสูงสุดมีพลังลมปราณธาตุดินใช้ในการปลูกพืชสมุนไพร ส่วนผู้อาวุโสท่านอื่นล้วนมีลมปราณธาตุไฟใช้ในการควบคุมไฟ ในดินแดนเทพประกายมีผู้ถือครองธาตุน้ำเพียง 5 คนเท่านั้น ทว่าพวกเขาล้วนไม่ใช่คนตระกูลอัน “ข้ารู้เรื่องของเจ้าหมดแล้ว ที่ผ่านมาข้าจะไม่พูดถึงต่อไปนี้ให้เจ้ามาฝึกฝนเป็นผู้ปรุงโอสถที่นี่" “เจ้าค่ะ ท่านปรมาจารย์” เจินไป๋เจียรู้สึกตื่นเต้นยินดี แววตาสดใสเปล่งประกาย พลันนึกถึงบางอย่างจึงเอ่ยขึ้น “หลานยังมีเรื่องต้องรายงานอีกเรื่องเจ้าค่ะ” อันหวนกำลังจะเอ่ยห้าม เรื่องวุ่นวายอื่น ๆ ให้เขาจัดการเอง แต่เจินไปเจียไม่สนใจแววตาทักท้วงนางพูดขึ้นทันที เมื่อได้สิ่งที่เจินไป๋เจียเอ่ยก็ทำให้อันหวนเบิกตากว้างอย่างคาดไม่ถึง ่ังลมปราณธาตุดินใช้ในการปลูกพืช่งหนึ่ง จียก็โด่งดังทันที สดชื่นขึ้น “ความจริงแล้วหลานถือครองธาตุดินและธาตุน้ำเจ้าค่ะ” เพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน เพื่อความรุ่งโรจน์ของวงศ์ตระกูลเมื่อนางเชื่อว่านางจะได้รับการปกป้องอย่างสูงสุด แววตาที่นิ่งสงบมาตลอดของปรมาจารย์โอสถก็มีระลอกสั่นไหว เขาเดินเข้ามาเอื้อมมากุมมือของหลาน ร่างกายยังสั่นเทาให้เห็นชัดเจน ท่าทีผิดแปลกเช่นนี้ทำให้หลายคนในนั้นตกตะลึงถึงแม้จะตกใจเรื่องที่เจินไป๋เจียบอกแต่ท่าทางของปรมาจารย์กลับสะพรึงยิ่งกว่า “หลานรัก เจ้าพูดจริงรึ” หลานรัก หลานรัก ไม่ใช่แค่ท่าทีที่ประหลาดคำพูดก็ประหลาดด้วย “จะ จะ เจ้าค่ะ …หากท่านไม่เชื่อข้าพิสูจน์ให้ท่านดูด้วยก็ได้” แววตาของปรมาจารย์โอสถ คล้ายคนไร้สติอยู่ชั่ววูบเขาก็ยืดตัวขึ้น “ไม่น่าเชื่อว่าคำทำนายนั้นจะเป็นจริง” ใน 1000 ปีจะมีเด็กสาวที่ถือครองธาตุน้ำและธาตุดิน 1 คน และตอนนี้ก็เหลือเพียง 300 ปี เด็กสาวผู้นั้นจะนำพาตระกูลให้ยิ่งใหญ่ เป็นถึงเซียนโอสถ เซียนที่สามารถชุบชีวิตคนตายได้ “ท่านพ่อ คำทำนายที่ว่า…ระ…หรือว่านางจะเป็นเซียนโอสถในตำนาน” เสียงอันหรง เอ่ยขึ้นยิ่งทำให้ทุกคนสติกระเจิง แขนขาอ่อนแรง เจินไป๋เจียจับใจความได้เพียงว่า นางคือคนในตำนานและในตำนานนางจะกลายเป็นถึงเซียนโอสถ “ต่อไป เจ้าจะต้องได้รับการคุ้มครองสูงสุด ส่งองค์รักษ์เงาประจำตระกูลดูแล” อันลู่หรงรับคำทันที “ก่อนที่จะเจ้าจะสามารถบรรลุขั้นพลังลมปราณได้ เรื่องนี้ข้าขอให้เก็บไว้เสียก่อน เพื่อไม่ให้เจ้ากลายเป็นเป้าโดนโจมตี เราไม่สามารถรับมือจาก 4 ตระกูลใหญ่ได้” “เจ้าค่ะ หลานรับทราบ” หลังจากคุยรายละเอียดการฝึกตน เจินไป๋เจียก็เดินทางกลับจวนแม่ทัพด้วยความรู้สึกสบายใจ ใบหน้าระรื่นยินดี ถึงแม้นางไม่ใช่คนในตำนานแต่นางก็จะเป็นให้ได้ เมื่อเข้ามาถึงเรือนก็เจอกับแม่นมมู่ “แม่นมข้าชนะการแข่งขัน ตอนนี้ข้ากลายเป็นผู้ปรุงโอสถแล้วนะเจ้าค่ะ” แม้กระทั่งแม่นมมู่เจินไป๋เจียก็ไม่ได้เล่ารายละเอียด “ฮูหยินของบ่าว บ่าวเชื่ออยู่แล้วว่าท่านต้องทำได้.. เมื่อตอนบ่าย… มีคนส่งสารมาให้ท่านเจ้าค่ะ” แม่นมมู่ส่งแผ่นบางคล้ายซองใส่เอกสาร ให้เจินไป๋เจีย เมื่อแผ่นนั้นสแกนใบหน้าผู้รับก็เปิดออกหายไปเหลือเพียงสิ่งของที่อยู่ข้างใน “เอ้!! ตราประจำตัว” แผ่นบัตรประจำตัวสามารถคลี่ออกอ่าน ในนั้นเป็นรายละเอียดประวัติส่วนตัว กดอ่านข้อมูลได้ ไป๋เจียเจีย อายุ 16 ปี เกิดใน…..ข้อมูลมากมายเรียบเรียงอย่างไม่มีข้อตำหนิ “รวดเร็วดีจังเลย สมกับเป็นตระกูลใหญ่ ต่อไปนี้ข้าชื่อไป๋เจียเจียเป็นบุตรบุญธรรมของท่านพ่ออันหวน" นางหันไปบอกเหล่าบ่าวรับใช้คิดว่าสิ่งเหล่านี้คือผู้อาวุโสตระกูลอันจัดการให้ แม่นมมู่หัวเราะยิ้มแย้มดีใจที่สุดท้ายตระกูลอันก็ไม่ทอดทิ้งองค์หญิงของนาง “คุณหนูแล้ว …กับจวนแม่ทัพ ท่านจะจัดการอย่างไร” ถึงแม้คนในตระกูลหวนจะไม่มาสนใจทั้งที่คุณหนูนางไม่อยู่หลายวัน ทว่าหากไม่จัดการเรียบร้อยนางก็กลัวจะมีปัญหาตามมาภายหลัง เหล่าผู้อาวุโสล้วนเห็นพ้องกันว่า นางควรจะอยู่ที่นี่ไปก่อน ที่ที่อันตรายที่สุดย่อมปลอดภัย ตอนนี้หากข่าวเรื่องนางหลุดออกไปอย่างน้อยพวกเขาก็คงไม่ตามหาที่จวนแม่ทัพหวง “ข้าจะยังคงเป็นเจินไป๋เจียสักระยะ” หรือจนกว่าจะสำเร็วพลังลมปราณขั้นปรมาจารย์ โชคดีที่เมื่อก่อนนางเป็นองค์หญิงมีเพียงคนในเครือญาติและคนในราชวงศ์ แม้กระทั่งเหล่าขุนนางก็ไม่เคยเจอ และที่ไม่ต้องกังวลอะไรเพราะท่านปรมาจารย์ได้ให้ยาแปลงโฉมนางมาด้วย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม