สุดท้ายเรือนของแม่ทัพหวงก็เหลืออนุไม่ถึง 10 คน และนั้นก็ไม่กระทบต่อหวงซีซวนเพราะเขาเองก็ไม่ใส่ใจสตรีเหล่านั้นมาหลายเดือนแล้ว เพราะช่วงนี้มีการจัดการหลายอย่างราชสำนักกำลังปั่นป่วน
พลบค่ำในแต่ละคืนเขาก็ดื่มกับหญิงงามคนใหม่ไปเรื่อย ๆ หลังสั่งห้ามองค์รักษ์รายงานเรื่องเกี่ยวกับเจินไป๋เจียเขายิ่งไม่รู้ถึงความผิดปรกติของนาง
เรือนไผ่หยก
“ข้าจะฝึกพลังลมปราณ พวกเจ้าออกไปเถอะ”
“เจ้าค่ะคุณหนูเจียเจีย”
บ่าวไพร่คนสนิทตอนนี้ ให้หันมาเรียกนามใหม่ของนางตอนนี้สำหรับพวกนางเจินไป๋เจียได้ตายไปแล้ว
หลังจากวุ่นวายมาทั้งวัน พอจัดการตบตาผู้คนในระดับหนึ่งแล้ว หลังจากได้รับการชี้แนะจากปรมาจารย์โอสถ
ไป๋เจียเจียก็เริ่มฝึกพลังจิตควบคุมลมปราณ
รุ่งเช้า
เหล่าอนุที่ไม่เคยมาคารวะก็ต่างมาเฝ้ารอไป๋เจียเจียที่หน้าเรือน
“เรียนนายหญิงทุกท่าน ตอนนี้ฮูหยินยังไม่ตื่น ข้าจะเรียนในฮูหยินทราบว่าพวกท่านมาคารวะ ตอนนี้พวกท่านกลับไปเสียก่อนเจ้าค่ะ”
แม่นมมู่เป็นผู้ออกมารับหน้า
เหล่าอนุต่างไม่ติดใจแยกย้ายกันกลับเรือน
ในขณะนั้น ไป๋เจียเจียก็ลืมตาขึ้น
“ไม่ง่ายเลย การเพิ่มระดับการควบคุม ทั้งที่ได้รับการชี้แนะทว่าวันนี้ยังไม่คืบหน้า มิน่าท่านปรมาจารย์ถึงบอกเอาไว้ ว่าอีกหลายวันค่อยกลับมาพบเขา”
การฝึกฝนไม่ใช่เรื่องที่สามารถเร่งรีบได้ นางไม่สามารถใจร้อนได้ จึงเอ่ยเรียกบ่าวไพร่เข้ามา
“เข้ามา” นางจะไปดูแลหอไผ่หยกชา เมื่อขึ้นเกี้ยวหญิงสาวก็หยิบโอสถขึ้นมาฉับพลันใบหน้าของนางก็ปรับเปลี่ยนทันที
หอไผ่หยกชา เป็นสวนไผ่ขนาดใหญ่ กลางสวนเป็นสระน้ำตกที่เต็มไปด้วยดอกบัว ศาลากลางน้ำสูงเสียดฟ้า เรือนเล็ก ๆ ไว้รับแขกรอบ ๆ สร้างด้วยไม้ไผ่ กลิ่นไผ่ กลิ่นน้ำ กลิ่นดอกไม้และเสียงน้ำตกและปลากระโดดแหวกว่าย กระฉ่อนคลอคล้ายยกภูเขาขนาดเล็กมาไว้กลางเมืองหลวง ธรรมชาติผสมผสานกันอย่างละมุนละไม
“ข้าคิดว่า หากได้มาฝึกที่นี่น่าจะทำให้พลังจิตรุดหน้าได้เร็วมากกว่าที่จวน”
“ในเมื่อคุณหนูมีองค์รักษ์เงาคุ้มครอง ข้าน้อยคิดว่าฝึกที่นี่ย่อมเป็นความลับดีกว่าเจ้าค่ะ”
ชิงอีและชิงอิงต่างเห็นด้วย ไม่นานเหล่าอนุที่ออกจากจวนไปก็เข้ามาคารวะ แต่กลับได้เจอไป๋เจียเจียแทน
“พี่สาวเจินบอกให้ข้ามาช่วยดูแลพวกเจ้าที่นี่" ไป๋เจียเจียอธิบายเพียงเท่านั้น
เหล่าอดีตอนุหวงซีซวนล้วนมีหน้าตางดงาม กิริยาอ่อนหวานพราวเสน่ห์ เพียบพร้อมทั้งรูปโฉมและความสามารถเกือบจะทุกเรื่อง ไป๋เจียเจียได้บุคลากรที่มีคุณภาพเช่นนี้ นางย่อมยินดียิ่ง
“ที่นี่ ข้าจะสร้างเป็นสถานที่บริการอาหารและความสุนทรี เป็นนัดพบของเหล่าบัณฑิตที่รวมตัวกันประชันศาสตร์ทั้ง 4 เริ่มแรกก็็คงต้องขอร้องพวกท่านให้ช่วยเสริมบรรยากาศเช่นนั้น”
เหล่าสาวงามก็ตั้งใจฟังที่ไป๋เจียเจียอธิบาย พวกนางจะได้ซุ้มจัดแสดงคนละจุด ใครใคร่บรรเลงพิณก็บรรเลงพิณ ใครใคร่วาดภาพก็วาดภาพ ใครใคร่เย็บปักก็เย็บปัก
และพิเศษสุดที่ไม่เหมือนใครของหอไผ่หยกชาคือ
น้ำชาที่ใช้ชงเป็นน้ำที่มีพลังลมปราณ
หลังจากเปิดกิจการไม่นาน ผู้สูงศักดิ์ในเมืองหลวงต่างเยื้อแย่งกันจองคิวเพื่อมาดื่มด่ำธรรมชาติและกลิ่นอายของน้ำตกธาตุน้ำ
เมื่อได้ยินว่ามีหญิงงาม ข่าวก็ถึงกลุ่มบุรุษของหวงซีซวน
“ข้าได้ยินว่า ไป๋เจียเจีย คนนั้นเป็นบุตรบุญธรรมของอาจารย์โอสถอันหวน”
บุรุษเจ้าสำราญคนหนึ่งเอ่ยขึ้น ในขณะที่มือยังล้วงเข้าไปสาบเสื้อของหญิงข้างกาย
“ไม่รู้ว่าตระกูลอันไปหาหญิงสาวธาตุน้ำคนนี้เจอที่ไหน เป็นถึงตระกูลแห่งโอสถแม้กระทั่งหลานสืบสกุลที่มีธาตุน้ำก็ต้องใช้บุญบุตรธรรมแทน”
เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ไม่เคยเกิด สำหรับพวกเขาก็เป็นเรื่องธรรมดา
“เขาว่านางหน้าตารูปร่างของนางงดงามยิ่งนัก"
“หวงซีซวนเจ้าไม่ลองเกี้ยวดูหน่อยหรือ” เหล่าบุรุษสำราญ ต่างยิ้มรู้กันไม่มีหญิงสาวในแคว้นคนใดที่ต้านทานเสน่ห์เหลือร้ายของแม่ทัพหวงไปได้
“น่าสนใจ ช่วงนี้ข้าก็เบื่อๆ เช่นกัน”
เพราะอนุใหม่ที่เข้ามาก็อายุน้อยเกินไปทำให้เสียอารมณ์ และเพราะเดือนที่ผ่านมามีเรื่องวุ่นวายในวังทำให้เขาละเลยเรื่องนี้ไปบ้าง ตอนนี้คงต้องกลับมาให้ความสำคัญบ้าง
เจินไป๋เจียออกไปหอไผ่หยกชาทุกวัน บางวันก็ค้างคืนไม่กลับมา ทำให้เหล่าไทไท ต่างไม่พอใจ
“ทำไมซีซวนไม่หย่านางไปซะ ทั้งพฤติกรรมล้วนทำให้เสื่อมเสียถึงจวนแม่ทัพ มีฮูหยินบ้านไหนกันวิ่งออกเล่นนอนนอกจวนเกือบจะทุกคืน”
“ท่านแม่ทัพก็ลำบากใจ เรื่องในวังก็เพิ่งจะคลี่คลายหากหย่านางตอนนี้ก็กลัวผู้คนจะครหาจวนของเรารังแกซ้ำเติมนางเจ้าค่ะ”
ล้วนเป็นสิ่งที่ฮูหยินรองแต่งขึ้น หวงซีซวนเคยสนใจเรื่องชื่อเสียงเมื่อไรกัน ทว่าเอ่ยชมบุตรชายมารดาคนใดก็ต้องชื่นชอบ ความจริงนางก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำไมนายท่านไม่หย่าทั้งที่ดูเหมือนจะเกลียดทว่า ทำไมยังเก็บไว้
“สงสารบุตรชายของข้าที่ได้ตบแต่งฮูหยินเช่นนี้”
ฮูหยินรองยกน้ำชาดื่ม ยิ้มอย่างจนใจทว่าภายในใจก็แย้ง
หวงซีซวนน่าเห็นใจเรื่องอันใดกัน
เมื่อตั้งใจแล้วหวงซีซวนก็เริ่มวางแผน เขามาที่หอไผ่หยกชา แม้จะเจอเหล่าอนุก็ไม่ได้ชายตาแลและสนใจ เขามองผ่านไปคล้ายคนแปลกหน้า เมื่อก้าวเดินเข้าไปเขามองไปยังรอบ ๆ การตกแต่งที่นี่ต้องยอมรับว่าแปลกใหม่และให้ความรู้สึกผ่อนคลายสบายใจอย่างมาก
เมื่อเดินมาถึงศาลากลางน้ำ ไม่นานเขาก็มองเห็นแผ่นหลังอันอรชร มือที่โผล่ออกมาจากชายเสื้อขาวเนียนละเอียดดังหยกชิ้นดี ต้นคอเนียนงามระหงเพียงเท่านั้นก็ทำให้หวงซีซวนลอบกลืนน้ำลาย
ไม่ต้องเขาก็รู้ทันทีว่า แม่นางผู้นี้ต้องเป็นไป๋เจียเจียแน่นอน
ในขณะที่หญิงสาวกำลังหันกายมา หวงซีซวนก็รู้สึกตื่นเต้น ใจของเขาสั่นสะท้านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อมองเห็นใบหน้างดงามองศาที่หมดจดไร้ที่ติ รูปโฉมพิลาสล้ำเหนือหญิงใดใดในใต้หล้า ความงามนั้นดังมนต์สะกดให้หวงซีซวนชะงักอยู่กับที่
นางส่งยิ้มแพรวพราวประกายเจิดจ้า เขารู้สึกตาพร่ามัวไปหมด หวงซีซวนกำลังจะคารวะทักทายอย่างยินดีที่หญิงสาวยิ้มหวานโปรยเสน่ห์ให้กับเขา เรื่องไม่ยากอย่างที่คิดต้องเป็นเช่นนั้น จะมีหญิงใดต้านทานเขาได้
ทว่ายังไม่ทันเอ่ยปากก็ได้ยินเสียงบุรุษข้างหลังที่เขาเองก็เพิ่งรู้ตัว
“แม่นางไป๋เจียเจีย ขอภัยที่ข้ามาช้า”
เป็นน้ำเสียงจิงจวินอดีตฮ่องเต้ ไม่มีทางที่เขาจะจำไม่ได้ เขารีบหันขวบกลับมาทันที
เมื่อสบตากันจิงจวินไม่เพียงไม่ทักทายซ้ำยังทำเหมือนไม่รู้จักกัน
“พี่ชายจวินท่านมาเสียที ดีที่ท่านรู้ตัวว่ามาช้า ไม่เช่นนั้นข้าจะโกรธแล้ว”
ไป๋เจียเจียไม่ปิดปังความสนิทสนมในน้ำเสียงแม้แต่น้อย จิงจวินเองแม้จะแปลกใจตั้งแต่วันที่ไป๋เจียเจียไปเชิญให้เขามาทำงานที่นี่ ทว่าเขาก็รู้สึกสนิทไว้ใจอีกฝากอย่างประหลาดและสิ่งที่หญิงสาวเสนอให้เขาเองก็สนใจจึงได้ติดตามมา
เขาก้าวเดินเข้าไปนั่งยังที่จัดเตรียมเอาไว้ ไป๋เจียเจียจึงหันมาพูดกับหวงซีซวน
“ท่านลูกค้าท่านนี้ ตรงนี้ไม่ว่างข้าขออภัย ขอเชิญท่านที่ซุ้มอื่น เด็ก ๆ มาต้อนรับแขก”
จากนั้นก็หันกลับไปยิ้มแย้มพูดคุยกับจิงจวินด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน แตกต่างจากน้ำเสียงเย็นชาที่ใช้พูดกับหวงซีซวน
พอได้สติหวงซีซวนก็รู้สึกขายหน้าเป็นอย่างมาก เขาไม่เคยโดนสตรีเมินเช่นนี้มาก่อนแม้จะรักษาอาการอย่างไร อย่างน้อยก็ตกตกตะลึงกับรูปร่างหน้าตาของเขาบ้าง
แต่นี่กลับ กลับ ถึงมองผ่าน มองเลยไป