เด็กหญิงตาแป๋ว

1316 คำ
"อย่าบอกนะว่าพาเพื่อนหนีออกจากบ้านมา?" โจนาสเห็นแก้วเจ้าจอมยืนอุ้มตุ๊กตาหมีที่ชื่อโจนาสอยู่หน้าบ้านของตน ข้างกายหญิงสาวมีรถจักรยานสีชมพูหวานแหววจอดอยู่ "เปิดประตูให้หน่อยสิ" ตาใสแป๋วแหว๋วจ้องมองเจ้าของบ้านไม่วางตา "หาบ้านเจอได้ยังไงเนี่ย" เขาเปิดประตูให้ และยังช่วยจูงจักรยานคันสีชมพูของเธอเข้ามาในบ้านของตนอีกด้วย "ตามมา" "อะไรนะ ตามมา?" โจนาสเบิกตากว้างด้วยความตกใจ มันเป็นเวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้วที่เขามาถึงบ้าน แล้วเธอไปอยู่ที่ไหนมากันแน่ "อย่าบอกนะว่ายืนเฝ้าอยู่หน้าบ้านเป็นชั่วโมงเลย" จิตแพทย์หนุ่มเลิกคิ้วถาม "เปล่า ไม่ได้โง่ขนาดนั้นเสียหน่อย ตามมาดูบ้านก่อนแล้วก็ไปกินขนม กินเสร็จแล้วค่อยมาที่นี่" เธอยิ้มแห้งและก้มหน้าไม่กล้าสบตาเขา "อร่อยมั้ยล่ะ" โจนาสถาม แล้วจึงรู้สึกแปลกใจที่ตนถามคำถามหยอกเย้าเด็กสาวไปเช่นนั้น "อร่อย แต่ว่า...ยังไม่ได้จ่ายตังค์เลย นายช่วยไปจ่ายให้หน่อยได้ไหม?" แก้วเจ้าจอมจำปากจู๋จนริมฝีปากบนเกือบชนกับจมูก แถมยังตีหน้าเศร้าอีกต่างหาก "หึ หรือจะบ้าจริงๆ วะเนี่ย" เขาส่ายหน้าน้อยๆ พลางกอดอกพึมพำ "ฉันไม่ได้บ้านะ แต่ฉันแค่ไม่ได้พกเงินสดออกมาสักบาท เพราะนายนั่นแหละ" "เกี่ยวอะไรกับผมล่ะ?" โจนาสขมวดคิ้วสงสัย "ก็...ฉันต้องรีบตามนายออกมา ไหนจะหลบคนในบ้านเพื่อหนีออกมาอีก เลยไม่ได้หยิบเงินมา" เธออธิบาย "โอเคๆ จะไปจ่ายค่าขนมให้ แต่..." "แต่อะไร?" ใบหน้าจิ้มลิ้มบูดบึ้ง "เรียกผมว่าพี่หรือคุณหมอ แล้วก็แทนตัวเองให้น่ารักกว่านี้หน่อย ผมอายุเยอะกว่าคุณตั้งสิบสามปีนะ" แก้วเจ้าจอมมองคนตรงหน้าอย่างขัดใจ ทว่าเธอก็ยอมพยักหน้าทำตามคำขอของเขา "คุณหมอไปจ่ายค่าขนมให้หยีหน่อยนะ" เสียงเล็กฟังดูอ่อนโยนมากขึ้น "ค่ะ...ไปจ่ายที่ไหน" "ร้านค้าถัดจากนี่ไปไม่กี่สิบก้าวหรอก" "โอเค" ชายหนุ่มตอบ แต่กลับยืนนิ่งและเอาแต่จ้องมองดวงตากลมโตของคนตรงหน้า "ไปสิ" มือเรียวเอื้อมมาจับชายเสื้อของโจนาสและกระตุกสองสามที "ไปตอนนี้เลยเหรอ?" "ก็ใช่สิ หรือว่าอยากให้เขามาทวงหนี้ถึงที่บ้านล่ะ?" "อย่ามาทำตาแป๋วเรียกร้องความสงสาร ถึงเขาทวงเขาก็ต้องไปทวงที่บ้านคุณไม่ใช่บ้านผม" "หือ...ไม่ใช่" คนตัวเล็กส่ายหน้าไปมา "หือ...ไม่ใช่อะไร?" "ก็...หยีบอกให้เขามาเก็บค่าขนมที่บ้านคุณหมอรักษาคนบ้า เจ้าของร้านเขาก็เชื่อจับใจเลยเพราะเขาคิดว่าหยีบ้าจริงๆ" เธอพูดด้วยท่าทางใสซื่อ "ยาหยี...คุณจะออกไปเที่ยวป่าวประกาศให้คนอื่นเขาคิดว่าคุณบ้าไม่ได้นะ" โจนาสบอกพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ "เจ้าของร้านเขายังด่าคุณหมออีกด้วยว่าปล่อยให้คนบ้าออกมาเดินเพ่นพ่านได้ยังไง" "หยี..." "แล้วหยีก็บอกเขาไปอีกว่าคุณหมอของหยีหล่อมาก เป็นฝรั่งตาน้ำข้าวด้วย" แก้วเจ้าจอมยิ้มแป้นออกมา และดึงชายแขนเสื้อของเขาเดินไปยังร้านค้าหมู่บ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก "หยี...เดี๋ยวครับหยี" "คะ?" คิ้วเรียวขมวดยุ่ง "ตัดสินใจดีแล้วเหรอที่จะทำให้คนอื่นเขาเข้าใจว่าเราเป็นบ้า มันจะเป็นภาพที่ติดตาพวกเขาไปตลอดชีวิตนะครับ และคนที่จะเสียใจที่สุดก็คือตัวหยีเองนะ" โจนาสพยายามที่จะเตือนสติหญิงสาว "ทำไมล่ะคะ หรือว่าคุณหมออายที่จะเดินกับคนบ้าอย่างหยี" เธอถามเขาเสียงตัดพ้อ ใบหน้าจิ้มลิ้มบึ้งตึง ดวงตากลมแป๋วหรี่ลงเล็กน้อย "ไม่ใช่แบบนั้น ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลย ที่พูดมาทั้งหมดก็เพราะเป็นห่วงหยีนั่นแหละ คิดดูดีๆ นะ" "ไม่เห็นต้องแคร์เลย เราจะแคร์ในสิ่งที่คนอื่นมองเราทำไมคะ ในเมื่อเขาไม่ได้รู้ความจริงว่าเราเป็นยังไง" โจนาสอึ้งไปขึ้นเล็กน้อยกับคำพูดของหญิงสาว สิ่งที่เธอพูดมันก็เป็นเรื่องจริง เพราะชีวิตคนเราไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจเรื่องที่คนอื่นคิด จิตแพทย์หนุ่มมองแก้วเจ้าจอมด้วยความรู้สึกสบายตา "งั้นขอถามอะไรหน่อยสิ เวลาว่างชอบทำอะไร?" เขาถามขึ้นระหว่างที่ทั้งสองเดินผ่านบ้านหลังอื่นๆ ไปยังร้านค้าในชุมชน "อ่านหนังสือ วาดรูป ฟังเพลงแล้วก็ดูหนัง" เธอตอบออกมาด้วยแววตามีความสุข "ชอบอยู่คนเดียวเหรอ?" "ชอบอยู่แบบสงบมากกว่า" "จริงๆ แล้วหยีคงเป็นพวกโลกส่วนตัวสูง ซึ่งก็ใกล้เคียงกับคำว่าบ้านั่นแหละ จะบอกว่าบ้าผมก็ไม่ปฏิเสธหรอก ฮ่าๆๆ" โจนาสพูดหยอกคนข้างกาย หญิงสาวจึงยิ้มแป้นออกมาอย่างมีความสุขในรอบหลายเดือน "บ้าจริงก็ดีสิคะ จะได้ไม่เครียดกับเรื่องบ้าบอมากมาย" แม้ดวงตาของเธอจะสดใส ทว่าแววตากลับฉายแววเศร้าชัดเจนเสมอ "เราเกิดมาโชคดีกว่าคนอื่นๆ นะครับ ลองเปิดใจกับโลกที่กว้างใหญ่ แล้วลองแก้ปัญหาที่ต้นเหตุดู หยีจะได้ไม่เป็นทุกข์" แม้ว่าเด็กสาวจะมีนิสัยเอาแต่ใจ ทว่าเขากลับรู้สึกเอ็นดูเธอเป็นอย่างมาก "น่าสงสารจังเลย เป็นถึงลูกเศรษฐีคนมีเงินแต่ดันมาสติแตกเสียก่อน" "อายุก็ยังน้อยๆ อยู่เลย แม่คุณเอ๊ย" "นั่นหมอรักษาคนบ้าคนใหม่เหรอ?" "บ้าขนาดนี้แล้วจะรักษาหายเหรอ สงสารก็แต่พ่อแม่" แก้วเจ้าจอมได้ยินเสียงนินทาชนิดเผาขนชัดเจนทุกคำ เธอได้แต่แสยะยิ้มให้ราวกับไม่รู้เรื่องรู้ราว 'นินทาคนปกติไม่พอ ยังจะนินทาคนบ้าอีก เฮ้อ...." หญิงสาวคิดในใจ โจนาสจึงถือวิสาสะโอบไหล่เธอไว้แทนคำปลอบใจ "ร้านนี้เหรอ?" จิตแพทย์หนุ่มหยุดชะงักฝีเท้าเมื่อแก้วเจ้าจอมชี้มือเข้าไปยังร้านค้าชุมชนที่เธอติดค้างค่าขนมเขาไว้ จากนั้นทั้งสองจึงเดินไปหาเจ้าของร้าน "เท่าไรครับ" คุณป้าเจ้าของร้านมีสีหน้าตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าหนุ่มฝรั่งตาน้ำข้าวพูดไทยได้ชัดเจนมากับแก้วเจ้าจอม "สามร้อยจ้า" โจนาสล้วงเงินในกระเป๋าออกมา "ขนมบ้าอะไรตั้งสามร้อยป้า หนูกินห่อละยี่สิบบาทไปสามห่อก็เท่ากับหกสิบบาทสิ เห็นว่าบ้าก็อย่ามาโกงกันนะ" แก้วเจ้าจอมโวยวาย วินาทีนี้ลืมไปเสียสนิทว่าตนกำลังแกล้งบ้าอยู่ โจนาสหัวเราะน้อยๆ กับท่าทางสู้คนของเธอ "อ้อ...แหม ป้าก็หลงๆ ลืมๆ น่ะ หกสิบก็หกสิบจ้า" นางปรายตามองหญิงสาวด้วยความรู้สึกแปลกใจ "นี่ครับ ไม่ต้องทอนนะครับ กลับกันได้แล้ว ป่ะ" โจนาสยื่นธนบัตรใบละหนึ่งร้อยบาทให้เจ้าของร้าน จากนั้นดึงมือเรียวของแก้วเจ้าจอมออกมาจากบริเวณร้านค้าไป "ปล่อยนะ" เธอสะบัดมือเขาออกเมื่อเดินกลับมาถึงหน้าบ้าน "แสบนะเรา" "ป้าร้านค้านั่นต่างหากที่แสบ เขาคิดจะโกงเงินเรานะ" "เด็กน้อย" โจนาสส่ายหน้าทั้งรอยยิ้ม แล้วจึงพาเธอเดินเข้าไปในบ้าน เพราะหากมีใครมาเห็นทั้งสองอยู่หน้าบ้าน มีหวังได้เอาเรื่องของแก้วเจ้าจอมไปนินทาถึงไหนตอนไหนอีก น้องมาอวดความน่ารัก แล้วค่อยจะกลายเป็นนักล่า ขอคอมเมนต์มาเป็นกำลังใจให้ปันหยีด้วยนะคะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม