PART PANTAREE
รถยนต์สัญชาติยุโรปคันหรูกำลังมุ่งไปข้างหน้าตามถนนเส้นทางอย่างไม่เร่งรีบนัก ซึ่งมีจอร์เจียที่เป็นเจ้านายของฉันหรือจะเรียกอีกอย่างว่าภรรยาอย่างถูกต้องตามกฎหมายของแฟนหนุ่มฉันมันก็คงจะพูดได้อย่างเต็มปากนั้นรับหน้าที่เป็นสารถี
เธอขับรถอย่างอารมณ์ดีไร้ความหม่นหมองไม่เหมือนกับภรรยาที่ถูกนอกใจเลยแม้เพียงแต่น้อย ซึ่งมันทำให้ฉันเองก็เริ่มที่จะตงิดใจแล้วว่าแท้จริงแล้วเธอรับรู้เรื่องที่ฉันเป็นชู้ของสามีเธอหรือไม่อย่างไร
“โอ้ะ! เพลงโปรดฉันเลยค่ะ”
คนด้านข้างพูดอย่างอารมณ์ดีเมื่อเพลง K-POP ที่เจ้าหล่อนเปิดในวิทยุของรถยนต์นั้นได้ถูกบรรเลงขึ้น
ซึ่งฉันก็ไม่ได้สนใจกับเพลงที่กำลังเล่นอยู่แต่อย่างใด เพราะตอนนี้สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของฉันได้มากยิ่งกว่า...ก็คงจะเป็นผู้หญิงคนข้างกายของฉันที่กำลังร้องและเต้นไปอย่างอารมณ์ดีไร้ความกังวลใด ๆ ให้ฉันรับรู้ได้เลยว่าอุปนิสัยแท้จริงของเธอนั้นเป็นคนร่าเริงสดใส
บ่งบอกได้ว่าเจ้าหล่อนได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดีจากครอบครัวของตน...ผิดกับฉันมากโขที่อยากจะได้รับความใส่ใจจากครอบครัวบ้าง แต่ฉันก็ไม่เคยได้รับมันดั่งใจหวังเลยสักครั้ง
ไม่นานเกินคอยรถยนต์ก็จอดลงยังหน้าร้านอาหารอิตาเลียนเปิดใหม่ที่แฟนหนุ่มของฉันบอกว่าจะพามาทานแต่ก็ดันส่งข้อความมาหากันในเวลาต่อมาว่าวันนี้ติดธุระสำคัญไม่สามารถพามาได้แล้ว
ซึ่งฉันเองก็ไม่ได้ติดใจเอาความอะไรเขามากนัก เพราะหลังจากที่จอร์เจียวางสายลงจากสามีของเธอ ก็มีข้อความส่งมาหาฉันในทันทีทันใด...บ่งบอกได้ถึงความสำคัญที่คนเป็นชู้อย่างฉันจะต้องเข้าใจมันให้ได้โดยไร้ข้อสงสัย
แต่สิ่งที่ฉันสงสัยในตอนนี้ไม่ใช่เพราะว่าลูเทอร์...แต่เป็นเพราะคนข้างกายของฉันมากกว่าว่าเธอกำลังคิดที่จะกระทำสิ่งใดกันแน่
การบอกว่าจะพาฉันไปเจอกับสามีของตัวเองก็ว่าน่าแปลกแล้ว...แต่นี่เธอกลับบอกว่าฉันจะเป็นภรรยาในอนาคตของเธอเหมือนกับที่เธอบอกฉันในห้องเก็บเอกสารไม่มีผิดเพี้ยน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ฉันไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเธอกำลังคิดที่จะทำอะไร
จะบอกว่าเธอชอบผู้หญิงมันก็ไม่น่าใช่...ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ แล้วเธอจะมาแต่งงานกับผู้ชายทำไม?
“ลงมาได้แล้วค่ะ”
ฉันได้สติหวนกลับเมื่อคนที่เคยนั่งอยู่ข้างกันทางฝั่งคนขับรถกลับมาเปิดประตูให้กันด้วยรอยยิ้มสดใส
ฉันส่งยิ้มตอบกลับเธอเล็กน้อยเพราะความคิดยังตีกันรวนในสมองไปมา แต่ก็เลือกที่จะก้าวขาลงจากรถตามเธอไปติด ๆ เพราะไม่อยากเสียมารยาทให้เธอต้องมายืนคอยเก้อ
เราสองคนเดินเข้าไปด้านในโดยได้รับการต้อนรับที่ดีจากเหล่าพนักงาน บริกรชายหนุ่มพาเราเข้าไปยังห้องที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ซึ่งถูกจองเป็นชื่อของหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่มีรีรอ ซึ่งเราสองคนก็ก้าวเดินตามไปทันทีโดยที่ตอนนี้จอร์เจียเดินนำหน้าของฉัน
แผ่นหลังของผู้หญิงคนนี้ช่างดูสวยสง่าแม้เธอจะแต่งการด้วยชุดสูทหรูตามสไตล์ของสาวเท่ ร่างโปร่งสูงเพรียวของหล่อนน่ามองแม้จะเป็นเพียงจากทางด้านหลังให้ฉันเผลอห่อไหล่อย่างไม่มั่นใจในตัวเองขึ้นมาฉับพลัน
พลางความคิดทั้งหลายก็หลั่งไหลเข้ามาในหัวสมองว่าเหตุใดสามีของเธอช่างโง่เขลาที่กล้านอกใจ หากฉันเป็นชายที่โชคดีคนนั้นคงจะยกย่องเทิดทูนเธอเอาไว้ข้างกายมิให้บุบสลายหายไปอย่างแน่แท้
แต่บ้าจริง...ทำไมอยู่ ๆ ฉันก็มีความคิดแบบนี้กันนะ!
“นี่เป็นห้องที่คุณผู้ชายจองเอาไว้เป็นชื่อของคุณผู้หญิงนะครับ เชิญเลือกดูรายการอาหารก่อน อีกสักครู่กระผมจะเข้ามารับรายการอาหารครับ”
และบริกรหนุ่มก็เดินจากออกไปให้ในห้องนี้เหลือเพียงเราสองคนตามลำพัง
เธอนั่งลงยังเก้าอี้ตัวที่ว่างให้ฉันมองอย่างไม่มั่นใจว่าตัวเองควรจะไปนั่งลงอยู่ที่ตรงไหน ก่อนในนาทีต่อมาเธอจะหันหน้ามาหากันและตบเก้าอี้ตัวข้าง ๆ ของตนให้ฉันรับรู้ว่าฉันสามารถนั่งลงเคียงข้างกับเธอได้
ฉันเดินไปนั่งลงข้างเธอในทันใดและมันเป็นที่ ๆ นั่งหันหลังให้กับประตูห้อง ซึ่งแน่นอนว่าหากมีคนเข้ามาจะยังไม่มีใครสามารถรับรู้ได้เลยว่านี่คือฉันหากว่าฉันยังไม่หันหลังกลับไปสบมอง
“คุณปัญฑารีย์เลือกได้เลยนะคะว่าอยากจะทานอะไร”
เธอพูดอย่างใจดีให้ฉันยกยิ้มเป็นเชิงขอบคุณ
อาหารเหล่านี้มีราคาแพงอย่างที่พี่แพรได้บอกเอาไว้จริง ๆ แต่สำหรับฉันแล้วมันก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก จริง ๆ แล้วฉันไม่ต้องทำงานก็อยู่ได้ทั้งชาติแบบไม่ขัดสน
ฉันได้แต่พลิกหน้าเมนูไปมาอย่างไม่รู้ว่าควรจะทานอะไรดี คนข้างกายของฉันก็อมยิ้มตลอดเวลาที่เปิดดูหน้าเมนูอาหารให้ฉันนึกหงุดหงิดใจเล็กน้อยที่เธอยังอยู่ในทีท่าสงบเสงี่ยมเช่นนั้น ตนเองจึงคิดอะไรขึ้นได้เพื่อตั้งใจที่จะยั่วยุใครอีกคนนั้นให้นึกโมโห
หากเมื่อไรที่หล่อนลงมือตบตีฉันเมื่อนั้นภารกิจของฉันก็คือสำเร็จลุล่วง ยิ่งเป็นคนรวยมีชาติตระกูลอย่างจอร์เจียนั้นก็ยิ่งแล้วใหญ่...ฉันเชื่อว่าคราวนี้คงมีคนได้คลั่งจนหัวใจวายตายแน่ ๆ หากภารกิจของฉันสำเร็จ
“อืม เฟตตูชินีผัดพริกแห้งกับเบคอน หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์อบชีส ขาหมูบิสโต อะไรอีกน้า...”
“คุณชอบทานเมนูที่กล่าวมาเหรอคะ?”
ฉันยกยิ้มมุมปากเมื่อแผนการเรียกร้องความสนใจของฉันสามารถดึงความสนใจของเธอได้จนสำเร็จ
ฉันทำทีเป็นยกมือขึ้นมาปิดปากเป็นทีท่าตกใจที่เผลอพูดอะไรแบบนั้นออกไป ก่อนจะวางเมนูอาหารลงที่โต๊ะและจดจ้องมองใบหน้าของเธออย่างต้องการที่จะยั่วยุซึ่งฉันค่อนข้างมั่นใจว่ามันจะสำเร็จ
ฉันเล่นสนุกกับผู้ชายคนนี้มานานเกินพอแล้ว...การที่ฉันเข้ามาทำงานที่นี่ก็เป็นเพราะว่าเธอคนนี้ยังไม่ยอมลงมือทำอะไรกับฉันเสียทีนั่นแหละ
“เป็นอาหารที่แฟนหนุ่มของฉันชอบทานน่ะค่ะ...จริง ๆ แล้วฉันไม่ค่อยชอบทานอาหารอิตาเลียนเท่าไร”
เจ้าหล่อนที่ยกยิ้มอยู่ในคราแรกค่อย ๆ ผ่อนรอยยิ้มของตัวเองลงจนในที่สุดบนใบหน้าของเจ้าหล่อนก็ไม่มีรอยยิ้มอยู่อีก
รอยยิ้มของฉันค่อย ๆ ประดับขึ้นมาจนเต็มใบอีกครั้งเมื่อเห็นทีท่าของคนตรงหน้า ซึ่งตอนนี้ฉันเตรียมพร้อมสำหรับรับแรงกระแทกแล้ว...คราวนี้ฉันจะซัดให้หนำใจจนหล่อนต้องประกาศกร้าวว่าจะเอาเรื่องฉันให้ถึงที่สุดเป็นแน่แท้
“โอ้! บังเอิญจังเลยค่ะ”
รอยยิ้มของฉันค่อย ๆ หุบลงอย่างสงสัย
“อาหารที่คุณพูดมาทั้งหมดน่ะ...เป็นเมนูโปรดของฉันเลย”
“…”
“นี่ฉันอุตส่าห์ดีใจไปแล้วนะคะว่ามีคนชอบทานอิตาเลียนเหมือนกัน...ปกติสามีของฉันเขาไม่ค่อยชอบทานอาหารอิตาเลียนเท่าไรน่ะค่ะ”
และเธอก็ยกยิ้มออกมาจนเต็มใจอีกครั้งให้ฉันได้แต่อ้าปากค้างเพราะทำอะไรไม่ถูก
ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาลูเทอร์หรือสามีของเธอมักจะพาฉันไปทานอาหารอิตาเลียนอยู่เสมอ ๆ ครั้งหนึ่งฉันเคยถามเขาว่าชอบทานมันเป็นพิเศษหรือ ซึ่งแน่นอนว่าเขาตอบรับทั้งรอยยิ้มว่าชอบทานมันมากกว่าอาหารชาติอื่น แล้วทำไมอยู่ ๆ เรื่องมันถึงได้กลับตาลปัตรเป็นอย่างนี้ไปเสียได้!
“คุณปัญฑารีย์เป็นอะ...”
“อ่า ผมมาแล้ว ๆ ขอโทษนะครับที่ให้รอนาน”
เสียงร้อนรนจากคนหน้าประตูห้องดึงความสนใจของคนข้างกายฉันไปจนหมดสิ้น
และตอนนี้ฉันกำลังผ่อนลมหายใจของตัวเองให้เป็นปกติจากความโกรธ ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าตัวเองเป็นฝ่ายที่พ่ายแพ้แม้ว่าสามีของเธอจะมานอนกับฉันแทบจะทุกคืนก็ไม่รู้
“ผมขอกอดหน่อยครับ”
“กรุณาอย่ามารุ่มร่ามกับฉันค่ะ”
“โถ่เจีย...ผมเป็นสามีของคุณนะ”
“แต่ตอนนี้ฉันไม่ได้มองว่าคุณเป็นแบบนั้นค่ะ”
เสียงเย็นยะเยือกของเธอพาลทำให้ฉันต้องหันไปสบมองใบหน้าของเธออย่างตื่นตระหนก
ยามปกติที่เธออยู่ที่ทำงานและได้เจอกับผู้คนรวมไปถึงฉันเธอจะเป็นคนที่สดใสร่าเริงอย่างเปิดเผย แต่ทำไมพอกับสามีของเธอเองแล้ว...ถึงได้แปรเปลี่ยนจากหน้ามือไปเป็นหลังเท้าแบบนั้นกันนะ
“ผมรู้ว่าคุณโกรธผม แต่ว่าตอนนี้ผมก็ไม่ได้มีใครแล้วนะครับ”
ลูเทอร์ยังคงพูดต่อโดยไม่ได้รับรู้การมีอยู่ของฉันเลยแม้เพียงแต่น้อย
และตอนนี้ฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาทั้งสองคนกำลังแสดงกิริยาเช่นไรอยู่เพราะฉันไม่ได้หันไปสบมอง เป็นเพราะอารมณ์เดือดดาลของฉันที่กำลังพยายามทำให้สงบอยู่นั่นแหละฉันถึงได้แต่นั่งนิ่งอยู่แบบนี้ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงฉันควรจะทำอะไรสักอย่างแล้ว
“ว่าแต่เธอคนนั้นหรือเปล่าครับที่คุณอยากให้ผมรู้จัก คุณบอกว่าเธอจะเป็นอะไรกับคุณนะ?”
เขาถามขึ้นมาอย่างสงสัยอีกครั้งให้ฉันเกิดสนใจกับประโยคคำถามนั้น
“ภรรยาในอนาคตของฉันค่ะ”
เธอยังยืนยันในคำตอบของตัวเองอยู่เลย
แล้วทำไมฉันต้องรู้สึกตื่นเต้นด้วยก็ไม่รู้ที่เธอเปิดเผยต่อหน้าของคนอื่น ๆ แบบนี้...หรือเป็นเพราะปกติฉันไม่เคยได้รับการเปิดเผยกับใครเลยกันแน่ก็ไม่อาจจะแน่ใจได้นัก
“นี่คุณกำลังล้อเล่นอะไรกับผมครับเจีย...”
“คุณปัญฑารีย์มาแนะนำตัวหน่อยสิคะ”
“อ๋า...ค่ะ”
ฉันตอบรับและลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง
ฉันค่อย ๆ หันหน้าไปทางชายผู้นั้นที่ยังยืนอยู่ ก่อนจะยกยิ้มออกมาจนเต็มใบผิดกับเขามากโข...ที่กำลังเบิกตาโพล่งใส่ฉันอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง
“ฉันปัญฑารีย์ค่ะ...เป็นพนักงานฝ่ายบัญชีในบริษัทของคุณจอร์เจีย”
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารมาคุอย่างเห็นได้ชัด...
ชายที่พูดจ้ออยู่เมื่อครู่ก็เงียบลงทันทีเมื่อพบเห็นใบหน้าของฉัน ทั้งเขาก็ยังทำทีเป็นส่งสายตาดุ ๆ มาให้ตลอดทั้งการรับประทานอาหารอย่างไม่พอใจที่ฉันเข้าไปก้าวก่ายกับภรรยาของเขา
คนที่ดูจะมีความสุขกับมื้ออาหารนี้ที่สุดก็คงจะไม่พ้นจอร์เจียที่นั่งทานอาหารทุกอย่างอย่างอารมณ์ดีด้วยรอยยิ้ม เธอแบ่งปันอาหารใส่จานของฉันตลอด และตอนนี้มันยิ่งทำให้ฉันหงุดหงิดมากไปกันใหญ่ที่อะไรมันก็ไม่เป็นไปดั่งใจของฉันสักอย่าง
“ทานอันนี้สิคะคุณปัญฑารีย์”
“ขอบคุณค่ะ”
ฉันรับคำและตักอาหารที่เธอเอามาวางใส่จานให้เพื่อที่จะนำเข้าปาก
แต่อยู่ ๆ ฉันก็เกิดนึกสนุกขึ้นมาได้และค่อนข้างมั่นใจว่าการกระทำของฉันต่อจากนี้อาจจะทำให้เธอเกิดอารมณ์ขึ้นมาบ้าง คนเรามันไม่มีใครอดทนไปได้ตลอดหรอกนะ...ยิ่งกับคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของตนเองแล้วน่ะ
“คุณลูเทอร์เองก็ทานสิคะ...ฉันเห็นคุณไม่ค่อยทานอะไรเลย”
ชายหนุ่มที่นั่งฝั่งตรงข้ามเงยหน้าขึ้นมาสบมองกันทันใดด้วยแววตาจ้องเขม็ง
เพราะฉันนำอาหารที่จอร์เจียตักมาให้นั้นนำไปใส่ในจานของเขา ก่อนที่ฉันจะหันไปสบมองใบหน้าของเธอหวังจะเย้ยหยัน...แต่เธอกลับยังยกยิ้มราวกับมองว่าฉันเป็นนางฟ้านางสวรรค์ที่แบ่งปันอาหารให้กับสามีของเขาทานอย่างไรอย่างนั้น
หงุดหงิดเป็นบ้า!
“เดี๋ยวฉันขอตัวไปห้องน้ำสักครู่นะคะ”
“ให้ฉันไปเป็นเพื่อนดีไหมคะ...เผื่อคุณไม่รู้ทาง”
แล้วไอหน้าตาแสนดีไร้พิษสงแบบนั้น...ฉันล่ะเกลียดมันเป็นบ้า ให้ตายเถอะ!
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอตัวนะคะ”
และฉันก็เดินจากออกมาจากทั้งสองคนในทันที
ฉันเข้ามาในห้องน้ำและอ้าปากกรี๊ดออกมาแบบไม่มีเสียงเพราะกลัวว่าคนอื่น ๆ จะแตกตื่น
นี่มันบ้าอะไรกัน...ฉันทำขนาดนี้แล้วทำไมเธอยังเอาแต่ยิ้มไม่สะทกสะท้านอะไรใด ๆ ราวกับว่าไอผู้ชายคนนั้นมันไม่ใช่สามีของเธอแต่อย่างใด
ฉันจ้องมองใบหน้าของตัวเองผ่านกระจกที่ได้รับการทำความสะอาดมาอย่างดีเยี่ยมด้วยความคิดหลากหลาย ฉันจะไม่ยอมปล่อยผู้ชายคนนั้นไปโดยเปล่าประโยชน์...อย่างน้อยมันจะต้องมีใครสักคนที่ชักดิ้นชักงอกับการมาเป็นชู้ของฉัน
แต่ถ้าหากไม่มีหลักฐานอะไรใด ๆ จนเป็นข่าว...มันจะต้องไม่มีใครเชื่อฉันแน่ ๆ เพราะลูเทอร์มักจะเทิดทูนภรรยาของตนออกสื่ออยู่เสมอจนคนอื่นมองว่าเขาเป็นผู้ชายที่แสนดีหนักหนา
ผิดกับความเป็นจริงทุกสิ่งอย่างเพราะเขามันก็แค่ผู้ชายมักมากไม่รู้จักพอคนหนึ่ง!
ฉันทึ้งศีรษะของตัวเองอย่างคนที่นึกคิดอะไรไม่ออกแล้ว ทำไมฉันถึงได้รู้สึกพ่ายแพ้อย่างนี้ พ่ายแพ้ทั้งกับจอร์เจีย...พ่ายแพ้ทั้งกับคนนั้นที่ฉันอยากจะเอาคืนเขามากที่สุด
“นี่คุณทำอะไร?”
ฉันหันไปตามเสียงก็พบว่าเป็นลูเทอร์ที่เดินเข้ามาในห้องน้ำอย่างไม่ได้สนใจเลยว่ามันเป็นห้องน้ำผู้หญิง
“คุณไปยุ่งกับเจียทำไม ผมบอกให้คุณอยู่...”
“เพราะภรรยาของคุณอยู่เฉย ๆ ไม่มาหาเรื่องฉันสักทีไง ฉันถึงได้ทำแบบนี้!”
“คุณพูดบ้าอะไรของคุณ!”
เขาตวาดกลับมาอย่างมึนงงกับความคิดของฉัน
จริง ๆ มันควรจะเป็นเรื่องดีที่ภรรยาของเขาไม่คิดจะมาเอาเรื่องกับชู้...ถ้าหากว่าชู้นั้นเป็นมันคนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน
แต่สิ่งที่ฉันต้องการคือการให้เธอมาหาเรื่องฉันจนกลายเป็นข่าวฉาว...นี่แหละที่ชู้อย่างฉันต้องการ!
“ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ!”
“นี่คุณว่าอะไรนะ!”
“โอ้ย!”
อยู่ ๆ เขาก็พุ่งเข้ามาบีบแขนของฉันอย่างแรงจนฉันรู้สึกปวดระบม
ใบหน้าของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความหงุดหงิดทั้งเรื่องที่ฉันมาที่นี่และเรื่องที่ฉันพูดอะไรไม่เข้าหู ซึ่งนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาทำกับฉันรุนแรงแบบนี้
“ปล่อยฉันนะ!”
“คุณไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับ...”
“ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้นะ!”
เป็นเสียงทรงพลังของคนด้านหลังที่ราวกับดึงสติของทุกคนให้หวนกลับ
จอร์เจียเดินเข้ามาหาฉันและขวางหน้าของฉันเอาไว้ไม่ให้ผู้ชายตรงหน้าเข้ามาทำร้ายฉันได้อีก
และนี่เป็นอีกครั้งที่ฉันเผลอชื่นชมว่าแผ่นหลังของเธอสง่างาม...แม้จะเป็นแผ่นหลังของผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ฉันกลับรู้สึกว่าเธอสามารถปกป้องฉันจากภัยอันตรายใด ๆ ทั้งปวงได้อย่างสิ้นเชิง
“จอร์เจียครับ คือว่าผม...”
“อย่ามาแตะต้องภรรยาในอนาคตของฉันอีก...ไม่อย่างนั้นคุณอย่าหาว่าฉันไม่เตือน!”