1
เจ้าหนี้
รถกระบะสี่ประตูจอดอยู่หน้าบ้าน ตาของเธอยืนตัวค้อมก้มหน้ามีอาการตัวสั่นเล็กน้อยอยู่ใต้ต้นมะตาด ส่วนยายกับเธอนั้นถูกกันให้ยืนมองอยู่ใต้ถุนบ้าน มีชายฉกรรจ์สามคนยืนจ้องตาเหมือนมีเรื่องคอขาดบาดตายที่จะต้องสะสางกัน
“ยายพวกเขาจะทำอะไรตาไหม” บุญสิตาหญิงสาวในวัยสิบแปดถามยายศรีจันทร์ที่ยืนอยู่ด้วยกัน
“ไม่หรอกบุญ กำนันสมบูรณ์เขาคงไม่ทำอะไรตาเผือกของเอ็งหรอก” แม้ปากจะพูดเพื่อปลอบใจหลานสาว แต่ภายในใจแล้วยายศรีจันทร์ย่อมรู้ดีว่าเงินมักไม่เข้าใครออกใคร โดยเฉพาะอดีตกำนันอย่างนายสมบูรณ์ผู้ที่ร่ำรวยด้วยเงินทองและบารมีในละแวกนี้
“แต่ทำไมตาตัวสั่นแบบนั้นล่ะยาย ยกมือขึ้นไหว้กำนันสมบูรณ์ด้วย” หญิงสาวเรียกขานชื่อกำนันสมบูรณ์ตามคนอื่นๆ แม้จะเกษียณจากตำแหน่งกำนันไปแล้ว แต่ทุกคนในอำเภอนี้ก็ยังเรียกว่ากำนันสมบูรณ์อยู่เหมือนเดิม
“สมน้ำหน้ามัน ยายเตือนแล้วก็ไม่ฟัง ไปเอาเงินเขามาแล้วหมดไปกับไก่ชนเท่าไหร่แล้ว ไหนจะเล่นพนันอีก ถ้ามันฟังยายสักนิดคงไม่เป็นแบบนี้หรอกบุญ” สองยายหลานทำได้แค่ยืนใจเต้นตึกตักอยู่ใต้ถุนบ้าน
ใต้ร่มเงาต้นมะตาด กำนันสมบูรณ์กำลังชำระความเรื่องหนี้สินของตนกับตาเผือกอยู่ ในอดีตนั้นนอกจากจะเป็นกำนันแล้วยังปล่อยเงินกู้ให้ชาวบ้านเพื่อเก็บกินดอกเบี้ยอีกด้วย ซึ่งกำนันสมบูรณ์ก็ทำมาจนถึงทุกวันนี้ด้วย
“ว่ายังไงตาเผือก เงินห้าแสนนี่เอ็งจะหามาให้ข้าได้เมื่อไหร่ เอ็งไม่จ่ายดอกมาเป็นปีแล้วนะ ข้าจะไม่ทวงอยู่แล้วเชียวแต่เอ็งดันขายนาไปเล่นไฮโลไปตีไก่อีก แล้วหนี้ข้าเอ็งจะหาที่ไหนมาคืนนาก็ไม่มีแล้ว”
“ขอเวลาผมหน่อยนะกำนัน”
“เวลาอะไรของเอ็ง”
“ก็แบบว่า ถ้ากำนันให้กู้อีกสักก้อนผมจะไปถอนทุนคืน ได้เงินมาแล้วจะให้กำนันแน่นอน” ตาเผือกยกมือขึ้นไหว้กำนันสมบูรณ์พร้อมกับบอกถึงสิ่งที่ตนคิดไว้ในใจ
“หน็อยแน่! ตาเผือก แค่ห้าแสนเอ็งยังไม่มีปัญญาจ่าย นี่เอ็งยังจะกล้ามาขอกู้ต่ออีกเหรอ ถ้าข้าให้เอ็งนี่ข้าก็ไม่ใช่กำนันสมบูรณ์แล้ว”
“โธ่กำนันก็ตอนนี้ผมไม่เหลืออะไรแล้ว ไม่รู้จะหาจากไหนมาคืน”
“เออ ข้ารู้ ตอนแรกข้าเล็งที่นาเอ็งเอาไว้ แต่เอ็งนี่ฉลาดนักนะแอบเอาไปขายให้ไอ้ผู้ใหญ่บุญมีมันเฉยเลย ทั้งที่ข้านี่อยู่หมู่บ้านใกล้ๆ กับเอ็งแท้ๆ ข้ายังไม่รู้เลยว่าเอ็งขายนาแล้วถ้าไม่มีคนมาบอก แล้วไอ้ที่นาราคาไร่ละแสนนี่เอ็งขายไปได้ยังไงไร่ละห้าหมื่น เอ็งบ้าหรือเปล่าตาเผือก!” กำนันสมบูรณ์ชี้หน้าด่าโกรธจนมือไม้สั่นไปหมด
“ก็ผู้ใหญ่บุญมีเขามาขอซื้อ”
“ไอ้โง่เอ๊ย! เอ็งไม่ขายเสียอย่างใครจะทำอะไรเอ็งได้ แต่นี่เอ็งถือโฉนดไปโอนให้เขาที่อำเภอเลย มันเอาปืนจี้เอ็งไปหรือไง” พอพูดมาถึงตรงนี้กำนันสมบูรณ์ก็ชะงัก เพราะตาเผือกหน้าซีดลงกว่าเดิม
“หรือว่าจริง ไอ้ผู้ใหญ่บุญมีมันบังคับเอ็งเหรอตาเผือก”
“ก็ไม่ถูกทีเดียวครับกำนัน ผมติดหนี้ผู้ใหญ่บุญมีไว้ห้าหมื่น พอไม่มีให้ผู้ใหญ่บุญมีเลยมาขอซื้อที่แทน แลกกับการยกหนี้ให้”
“กะอีแค่ห้าหมื่นเอ็งถึงกับขายนาให้เขา แล้วข้าล่ะ ข้าห้าแสนเชียวนะ เอ็งคิดบ้างไหมตาเผือก” กำนันสมบูรณ์โกรธจนหน้าดำหน้าแดงกันไปข้างหนึ่ง
“ก็ทางโน้นเขามากันหลายคนนี่กำนัน” ตาเผือกก้มหน้าก้มตาตอบ ผู้ใหญ่บุญมีในสายตาของชายชรานั้นน่ากลัวกว่ากำนันสมบูรณ์เป็นไหนๆ
“ข้าก็มาหลายคนเหมือนกันนะ นี่น่ะยืนหัวโด่หัวเด่อยู่นี่เอ็งเห็นไหม” กำนันผายมือไปทางลูกน้องสามคนที่ยืนล้อมวงตาเผือกอยู่ ตาเผือกค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองลูกน้องกำนันสมบูรณ์ทีละคนเหมือนกำลังประเมินความน่ากลัวของทุกคนอยู่
“แต่ทางโน้นน่ากลัวกว่าเยอะนะกำนัน” ตาเผือกตอบประสาคนซื่อไร้ซึ่งเล่ห์เหลี่ยม
“เออดี งั้นพวกเอ็งกระทืบมันคนละทีสองทีแล้วกันจะได้น่ากลัวเท่ากับคนของไอ้ผู้ใหญ่บุญมีมัน” ตาเผือกได้ยินก็ตาลีตาเหลือกเข้าไปกอดขากำนันสมบูรณ์เอาไว้
“อย่าทำผมเลยกำนัน! ผมผิดไปแล้ว เดี๋ยวผมจะรีบไปเล่น เอ๊ย ไปหางานทำเอาเงินมาคืนกำนันนะ”
“แก่จนจะลงโลงอยู่แล้วนะตาเผือก ยังมาปั้นเรื่องโกหกข้าอีก ถ้าเอ็งทำงานแล้วมีเงินจริง เอ็งคงเอาไปลงกับไฮโลหมดแล้วล่ะ ข้าจะเอาอะไรจากเอ็งมาใช้หนี้ดีล่ะนี่หา! ตัดแขนสักข้างดีไหมจะได้คุ้มราคาหน่อย เอ๊ะ ไม่ดีสิ สองข้างเลยแล้วกัน”
“โถๆ กำนันอย่าล้อผมเล่นสิ คนยิ่งกลัวๆ อยู่”
“ไม่รู้ล่ะตาเผือก เอ็งจะเอาอะไรมาใช้หนี้ข้าห้าแสนบาท!”
“ผมไม่มีจริงๆ นี่กำนัน ทั้งเนื้อทั้งตัวก็มีแค่บ้านอยู่หลังเดียว” บ้าน! ชายชรารีบหันทางไปทางบ้านไม้สองชั้นเก่าทรุดโทรมตามกาลเวลาที่ก่อสร้างมานานนับสี่สิบปี มองเห็นภรรยากับหลานสาวยืนกอดกันเหมือนคอยลุ้นว่าตนเองจะเป็นอย่างไร ทั้งคู่ถูกห้ามไม่ให้เข้ามายุ่งกับเรื่องนี้จึงได้แค่ยืนอยู่ใต้ถุนบ้านอยู่อย่างนั้น
“ว่ายังไงตาเผือก จะเอายังไงข้าไม่มีเวลามากนักนะ รีบๆ พูดมาจะเอาอะไรมาใช้หนี้ข้า” ตาเผือกคิดนิดหนึ่งก่อนตอบออกมาว่า
“บ้านพร้อมที่ดิน”
“หือ” กำนันสมบูรณ์หูผึ่งขึ้นมาในทันที หันไปมองบ้านที่ว่าแล้วก็ส่ายหน้าหนี
“ซากไม้จะพังแหล่มิพังแหล่นั่น เอ็งจะเอามาใช้หนี้ให้ข้านี่นะ”
“ก็พร้อมที่ดินไงกำนันมันก็น่าจะพออยู่น้า”
“ที่ดินนั่นน่ะตีราคาก็แค่สองสามแสน ส่วนบ้านข้าไม่เอาโว้ย ร้านขายของเก่าก็ไม่รู้จะรับไหม” กำนันสมบูรณ์คิดเลขเร็วอยู่ในหัว
“งั้นเอ่อ งั้น” สายตาของชายชรามาหยุดอยู่ที่หลานสาวเพียงคนเดียวของตนเอง บุญสิตาเป็นสาวทั้งสวยขึ้นทุกวัน ขณะที่ตนกับภรรยาก็แก่เฒ่าลงไปในแต่ละวันเหมือนกัน อนาคตจะอยู่อย่างไรหากไร้ซึ่งตายายคู่นี้แล้ว แม้เรื่องอื่นจะไม่เป็นโล้เป็นพาย แต่เรื่องหลานสาวคนนี้ตาเผือกย่อมอยากให้ได้รับแต่สิ่งดีๆ ในชีวิต
“กำนัน”
“อะไร”
“ถ้าเพิ่มบุญมันไปสักคนจะพอใช้หนี้ไหมกำนัน”
“บุญ! หลานสาวเอ็งนี่นะ” กำนันสมบูรณ์รีบหันไปมองหน้าของบุญสิตาในทันที แววตาหรี่ลงเหมือนคนกำลังคิดบางสิ่งบางอย่างอยู่ในใจ
“ใช่แล้วกำนัน ผมมันทำตัวไม่ดีมีแต่หนี้สินรุงรัง ดีไม่ดีอาจมีคนมาเอาตัวบุญมันไปใช้หนี้แทนก็ได้ ผมอยากให้กำนันช่วยดูแลมันหน่อย จะให้มันเป็นเมียน้อยเมียเก็บผมก็ไม่ว่าหรอก โอ๊ย!” ไม่ทันได้พูดจบฝ่าเท้ากำนันสมบูรณ์ก็ถีบเข้ากลางอกของตาเผือก
“จัญไรนักนะเอ็งตาเผือก”
“ตา!” แรงถีบนั่นทำให้บุญสิตาวิ่งออกมาจากใต้ถุนบ้าน โดยมียายศรีจันทร์วิ่งตามหลังมาติดๆ ทั้งคู่คุกเข่าช่วยกันพยุงตาเผือกให้ลุกขึ้นยืน ส่วนกำนันสมบูรณ์นั้นเพิ่งได้มีโอกาสเพ่งพิศใบหน้าของบุญสิตาตรงๆ ก็คราวนี้ ใบหน้ารูปไข่สวยหวาน รูปร่างก็กลมกลึงได้ส่วน ผิวพรรณยังขาวผุดผาดผิดเด็กสาววัยรุ่นแถวนี้
“ตาเผือกเอาเป็นว่าตกลงอย่างที่เอ็งพูดก็แล้วกัน หนี้ห้าแสนกับที่ดินผืนนี้และก็หนูบุญของเอ็ง” คำประกาศกร้าวของกำนันทำให้ทุกคนตกตะลึง ลูกน้องหันไปมองหน้าด้วยความสงสัย เพราะไม่เคยมีสักครั้งที่กำนันสมบูรณ์จะล้างหนี้ด้วยวิธีนี้
“บุญไปเกี่ยวอะไรด้วยล่ะตา” หญิงสาวตกใจจนต้องรีบหันไปถามผู้เป็นตา ชายชราอ้ำอึ้งอยู่นานก่อนจะพูดออกมาได้