ความเดิม "ก็สัญญาว่าจะมาเอาคำตอบจากเด็กน้อยคนนี้ไง" ปกรณ์พูดยิ้ม ๆ
.......................................
"อ้อจริงด้วย" เด็กสาวเอ่ยยิ้ม ๆ
"หนูมีคำตอบให้อาหรือยังคะ?" ปกรณ์ถามซ้ำเพื่อกระตุ้นเตือน
"คุณหมอคะ...หนูตัดสินใจแล้วว่าหนูจะรับทุนจากคุณหมอค่ะ"
"เหรอ..รู้ใช่ไหมว่าเธอจะเปลี่ยนใจไม่ได้แล้วนะ..นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป" ปกรณ์ถามย้ำเพื่อความแน่ใจ แต่แอบดีใจจนรู้สึกว่าหัวใจเต้นเป็นไม่เป็นจังหวะเอาเสียเลย
"ค่ะ หนูจะบอกคุณแม่เองว่าหนูขอรับทุนนี้ เพื่อว่าคุณแม่จะได้เหนื่อยน้อยลง ทำงานน้อยลง อยู่กับหนูให้นานกว่านี้" อัญญารินทร์พูดมันออกมาจากความรู้สึกข้างใน
"ดีมากค่ะสาวน้อย หนูไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายนะคะ เดี๋ยวอาจะเป็นคนจัดการที่มหาวิทยาลัยเอง สบายใจเถอะ ตั้งใจเรียนอย่างเดียวพอ" ปกรณ์พูดยิ้ม ๆ พร้อมกับยกมือไปวางบนศีรษะคนตัวเล็กแล้วโยกเบา ๆ ด้วยความเอ็นดูและสงสารในคราวเดียวกัน ชายหนุ่มได้แต่คิดในใจ
ด้านอัญญารินทร์เห็นว่าชายหนุ่มนิ่งเงียบไปและวางมืออยู่บนศีรษะของตนอยู่นาน จึงเอ่ยเรียกเพราะรู้สึกหนัก ๆ และเมื่อยต้นคอขึ้นมาบ้างแล้ว
"คุณอาคะ คุณอาเป็นอะไรไปหรือเปล่าคะ ทำไม.." เด็กสาวหยุดพูดไว้แต่เพียงแค่นั้นเพราะไม่รู้จะอธิบายออกเป็นคำพูดอย่างไรดี
"หืม.....ว่าไงครับเด็กน้อย" ปกรณ์ลดสายตาลงมาสบตากับเด็กสาวด้วยหัวใจที่พองโต
"คุณอาคะ คุณลุงกิจเคยเป็นคนรักของคุณแม่เหรอคะ น้องเอ๋ยได้ยินไม่ผิดใช่มั๊ย" เด็กน้อยถามขึ้นอย่างอยากได้คำตอบ
"จริงครับ คุณลุงกิจคือพ่อของน้องเอ๋ยครับ" ปกรณ์ตอบเด็กน้อยอย่างตรงไปตรงมา
"แล้วทำไม คุณพ่อกับคุณแม่ถึงไม่อยู่ด้วยกันละคะ" อัญญารินทร์ถามขึ้นอย่างค้างคาใจ
"มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่น่ะ น้องเอ๋ยรู้แค่ว่าตอนนี้ทุกคนต้องการน้องเอ๋ยกันทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นคุณปู่ พ่อกิจ หรือแม้แต่อานัท" ปกรณ์พูดยิ้ม ๆ แต่นึกสงสารคนตัวเล็กอยู่ในอก
"อานัทคือใครเหรอคะ" เด็กน้อยถามต่ออย่างใคร่รู้
"อานัทคือน้องชายของพ่อกิจ คืออาแท้ ๆ ของน้องเอ๋ยไงคะ อีกหน่อยคงได้เจอกันแล้วค่ะ มีอะไรสงสัยอีกมั๊ยคะ" ปกรณ์อธิบายอย่างใจเย็น และยิ้มอย่างเป็นสุข และมีพูดจาหยอกเย้าเด็กน้อยบ้างเพื่อไม่ให้การสนทนาดูเครียดจนเกินไป
"ไม่มีแล้วค่ะ คุณอาก็กลับไปได้แล้วค่ะ น้องเอ๋ยฝากไปบอกคุณลุง เอ๊ยพ่อกิจด้วยนะคะว่าน้องเอ๋ยคิดถึง ขอให้กลับมาแข็งแรงเร็ว ๆ นะคะน้องเอ๋ยจะรอ " เด็กสาวพูดยิ้ม แต่แววตาดูเศร้าเหลือเกิน ทำเอาชายหนุ่มต้องกลืนก้อนสะอื้นอยู่นาน
"ได้เลยค่ะ งั้นอากลับก่อนนะคะ ปิดบ้านดี ๆ อย่าไว้ใจคนแปลกหน้านะคะ คนของอากรจะดูแลหนูอยู่ห่าง ๆ ถ้าเกิดอะไรไม่ชอบมาพากลให้ร้องเรียกดัง ๆ เลยนะคะ อาไปนะ" ปกรณ์สั่งเสียยืดยาวเพราะเกิดเป็นห่วงเด็กสาวขึ้นมาจับใจอยากจะหอบผ้าหอบผ่อนมาอยู่ด้วยให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
"ค่ะ ได้ค่ะ สวัสดีค่ะคุณอา" เด็กสาวยกมือกระพุ่มไหว้อย่างนอบน้อม เธอเองก็เพิ่งรู้ไม่นานมานี้เองว่าชายหนุ่มส่งคนมาดูแลเธอและมารดาที่บ้านนี้อยู่ตลอด รู้สึกขอบคุณชายหนุ่มอย่างมากเช่นกันที่คอยปกป้องคุ้มครองเธอและมารดามาตลอด และรีบปิดประตูล็อคกุญแจรั้วบ้านแล้วรีบเดินเข้าบ้านปิดประตูอย่างแน่นหนาอย่างรีบอยู่ในทีโดยมีสุนัขเกินอวบเดินตามคอยระแวดระวังอยู่ไม่ห่าง
__________________________
อีกด้านของนายแพทย์เปรมมนัส
เขาขับรถวนเวียนอยู่พักใหญ่เพื่อหาทำเลเหมาะ ๆ ที่พอจะทำเป็นคลินิกด้านนรีเวชฯ เขาและปกรณ์แอบตกลงกันว่าจะเปิดคลินิกร่วมกันโดยเขาจะเป็นตัวเสริมเพราะต้องจับงานด้านบริหารเสียส่วนใหญ่ และจะจ้างแพทย์รุ่นน้องมาช่วยผลัดเปลี่ยนบ้าง เขามัวแต่ขับรถดูทำเลไปเรื่อย ๆ จนไม่ทันมองว่ามีเด็กผู้หญิงตัวผอม ๆ ซีด ๆ กำลังจะเดินข้ามถนนไปอีกฟากซึ่งเป็นร้านขายยา จึงรีบบีบแตรเป็นการป้องปรามไว้ก่อน
..ปริ๊น..
โอ๊ะ!!!
"แล้งน้ำใจจริง ๆ เลย ชลอให้หน่อยไม่ได้หรือไง คันอื่นก็ชลอให้หมดเหลือแต่นายนี่แหละ คนยิ่งปวดท้องอยู่ ฮึ่ย ไปซิ จะรีบไปไหนก็รีบไป" เด็กสาวตัวผอมซีดสาดใส่อารมณ์อย่างไม่สนโลกแถมเหวี่ยงอีกต่างหาก
"อ้าว นี่เธอ ดูท่าทางก็ยังเด็ก ทำไมพูดจาไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่เลยล่ะ ขอโทษที่ไม่ได้มอง แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้ตกใจก็มัวแต่ดูทางมันเหยียบเบรกไม่ทันก็เลยบีบแตรไว้ก่อน แล้วเราล่ะจะไปไหน" ชายหนุ่มนึกสนุกที่ได้ต่อปากต่อคำกับยัยเด็กตัวผอมซีดคนนี้
"จะไปซื้อยาแก้ปวดประจำเดือน พอใจหรือยัง พอใจแล้วก็รีบไปซ๊ะจะได้ข้ามถนนซ๊ะที" เด็กสาวบอกหน้าบึ้งแล้วเดินตัวงอรีบสับเท้าข้ามถนนไปอย่างรวดเร็ว
..หึหึ แสบนักนะยัยผีดิบ ถ้าจะปวดท้องหนักนะนั่น เดินตัวงอเชียว นี่คงจะกินตามในปากไม่ดูแลตัวเองละซิ ไปเผลอกินของเย็นหรือเปล่าก็ไม่รู้..ชายหนุ่มได้แต่พึมพำกับตัวเอง แอบนึกแปลกใจว่าทำไมถึงได้ไปต่อปากต่อคำกับคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักมักจี่กันตั้งนานสองนาน ถ้าจะเป็นเอามากล๊ะนายเปรมมนัสเอ๊ย ซึ่งปกติเค้าจะเป็นคนเงียบไม่พูดคุยกับใครถ้าไม่รู้จักหรือสนิทสนมด้วย