ความเดิม
"คืองี้ครับ เราต้องเข้าทางน้องเอ๋ยครับ ดูท่าแล้วลูกสะใภ้ของคุณพ่อจะสตรองไม่เบาเลยนะครับจากที่คนของผมติดตามดูมาเป็นปี ๆ เธอมั่นคงในความคิดและการกระทำพอประมาณ แถมกินอยู่ประหยัด กินก็น้อย ทำงานก็เยอะ งานจ้างอีเว้นทุกอย่างนางทำหมดเพื่อให้ได้เงินมาส่งเสียลูกสาวและค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถน่ะครับ" ปกรณ์ร่ายยาว แอบใส่สีใส่ไข่ไปบ้างเพื่อความสมูท
ส่วนคนฟังยิ่งสะท้อนใจสงสารลูกสะใภ้และภรรยาจนพากันน้ำตาซึมทั้งพ่อทั้งลูก
........................................
ด้านกรพัฒน์สะกิดสีข้างลูกชายเบา ๆ เป็นการปรามว่ามึงอย่าดราม่าจนเกินงามกุสงสารพี่กับหลานกู ส่วนปกรณ์หันไปสบตากับผู้เป็นบิดาพักหนึ่งแล้วพยักหน้ารับเป็นอันเข้าใจกัน
"แล้วเราต้องเริ่มจากตรงไหนก่อนดีล่ะพ่อหลานชาย ลุงมองไม่เห็นหนทางเลย" เปรมชัยแม้จะมีสถานะเป็นบิดาของเพื่อนปกรณ์แต่ก็มักจะเผลอแทนตัวเองว่าลุงอยู่เนือง ๆ
"เราต้องเริ่มจากคนที่เป็นดิไอดอลของหนูเอ๋ยครับ ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่าดิไอดอลคนนั้นคือใคร💡" ปกรณ์พูดอย่างหมายมั่น
"แล้วเราจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าดิไอดอลของหลานปู่น่ะคือใคร" เปรมชัยซัก แถมคิ้วผูกโบว์ยิ่งกว่าเดิม แอบหงุดหงิดอยู่ลึก ๆ แต่รักษาอาการเอาไว้
"เรามีตัวช่วยครับเฮียชัย ผมมีเฮียเขต แล้วก็หนูเหมียวครับ" เป็นกรพัฒน์ที่มาพยุงสถานการณ์การสนทนาเอาไว้เสียเองเพราะเริ่มจับอาการของพี่ชายที่นับถือได้ว่ากำลังจะหงุดหงิดเข้าให้แล้ว
"ฮ้าเขตแดนน่ะเหรอ หนูเหมียวนี่เฮียยังพอเข้าใจ แต่นายเขตแดนนี่ป๊าของนายดามเพื่อนเจ้านัสใช่มั๊ย" เปรมชัยซักต่อ ส่วนคนที่เพิ่งฟื้นฟูจากอาการป่วยหลอดเลือดสมองก็มองคนโน้นทีคนนี้ทีอย่างใจจดใจจ่อ ฟังทันบ้างไม่ทันบ้างก็ฟังอย่างตั้งใจจนกรพัฒน์รู้สึกสงสาร
"จะไปพักผ่อนหรือยังล่ะหลานกิจ นั่งฟังอยู่นานแล้วไม่เหนื่อยไม่เบื่อบ้างหรือไง" กรพัฒน์ถามอย่างห่วงใยเพราะเห็นความเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าในแววตาของหลานชาย
"ไม่เหนื่อยครับอามังกร ผมอยากฟังครับ เผื่อผมจะช่วยอะไรได้" เปรมกิจพูดออกไปอย่างชัดเจนแม้จะช้าไปบ้างแต่ดีขึ้นกว่าทุกครั้ง
"พ่อว่ากิจไปพักบ้างเถอะ นี่ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กายภาพเลยไม่ใช่หรือไง เดี๋ยวพ่อเรียกพยาบาลนพให้" จากนั้นคนชราก็กดยุกยิก ๆ ที่โทรศัพท์มือถือ สักพักพยาบาลมานพก็เดินออกมาเพื่อมารับผู้ป่วยขึ้นไปพักผ่อน
"ได้เวลาพักแล้วครับ นอนสักตื่นค่อยลุกมากายภาพนะครับ สัปดาห์หน้านักกายภาพจะมาพากายภาพหนักหน่วงอยู่นะครับ แล้วสัปดาห์ต่อไปคุณหมอก็จะมาตรวจการบ้านนะครับ เดี๋ยวจะไม่มีการบ้านส่ง แต่ตอนนี้คนป่วยต้องขึ้นไปพักผ่อนก่อนนะครับ" พยาบาลหนุ่มพูดยิ้ม ๆ อย่างน่าเอ็นดูในสายตาของผู้ฟัง
"ก็ได้ครับคุณพยาบาล ไม่ต้องพยุงผมนะครับ ผมจะลุกเอง และเดินขึ้นบันไดเอง อันนี้เป็นการบ้านส่งคุณหมอได้มั๊ยครับ" เปรมกิจถามพยาบาลหนุ่มยิ้ม ๆ
"ได้ครับ หึหึ เดี๋ยวผมขออนุญาตอัดคลิปวิดีโอไว้ด้วยเลย" พยาบาลหนุ่มตอบกลั้วหัวเราะและเดินตามคนป่วยไปอย่างคอยระวังระไวให้
.........................................
"ดูเฮียกิจมีกำลังใจฮึ๊ดสู้มากเลยนะครับ" ปรกรณ์กล่าวหลังจากที่คนป่วยเดินไปจนสุดบันไดและกำลังเดินไปที่ห้องนอนของตัวเองแล้ว
"อือ รักชนะทุกอย่างจริง ๆ พ่อกร นึกแล้วก็โมโหตัวเองไม่หาย ถ้ารู้อย่างงี้ลุงจะไม่พูดคำนั้นออกมาเลย มันยังอยู่ในนี้" คนชราชี้ไปที่ศีรษะและหน้าอกข้างซ้าย
"พอเถอะเฮียชัย ผมว่าก่อนที่เฮียทำอะไรลงไปเฮียต้องให้อภัยตัวเองก่อน คนอื่นให้อภัยเฮียหมดแล้วเหลือแต่เฮียแล้วหละว่าเฮียจะสู้กับมันได้แค่ไหน เรายังมีศึกใหญ่ที่ต้องต่อสู้ฝ่าฟันเพื่อให้ได้ครอบครัวที่อบอุ่นของหลานกิจกลับคืนมานะเฮีย ศึกนั้นมันคือความน้อยอกน้อยใจ ทิฐิมานะของลูกสะใภ้ของเฮียต่างหากล่ะ ถ้าเฮียยังเป็นอยู่อย่างนี้คิดอยู่อย่างนี้เฮียจะไม่มีวันได้ลูกสะใภ้กลับคืนมานะ" กรพัฒน์พูดเสียยืดยาวกว่าทุกครั้งในรอบปี
"ใช่ มันเป็นเพราะเฮียเอง เฮียไปพูดจาดูถูกเค้า คิดว่าเค้าจะมาเกาะลูกชาย ที่ไหนได้ ลูกชายเราเสียเองที่ไปเกาะแกะเค้าจนมีหนูเอ๋ย พอเค้าได้ยินคำพูดนั้นแหละ เค้าปฏิเสธครอบครัวเฮียเสียงแข็งเลย นี่แหละมันคือปมที่ยังขมวดอยู่จนถึงทุกวันนี้" เปรมชัยพร่ำพูดไปนัยน์ตาพร่ามัวเพราะมีน้ำใส ๆ มาเอ่อคลอเต็มไปหมด
"พ่อครับ ทำใจให้สบายนะครับ เข้มแข็งเข้าไว้ แล้วผมจะช่วยพ่อกับเฮียกิจเองครับ รักษาสุขภาพไว้นะครับ อย่าล้มไปอีกคนเพราะเฮียกิจต้องมีผู้ช่วยนะครับอีกอย่างผมยังอยากเป็นหลานเขยของคุณพ่อแล้วก็ลูกเขยของเฮียกิจอยู่นะครับ" ปกรณ์พูดหักมุมในตอนท้ายทำให้บรรยากาศไม่ดูตึงเครียดหรือเศร้าสร้อยจนเกินไป
"หึหึ ก็เอาซิ ถ้าทวงครอบครัวที่อบอุ่นให้เจ้ากิจมาได้พ่อจะให้เจ้ากิจยกลูกสาวให้เลย" เปรมชัยพูดยิ้ม ๆ
"พ่อพูดแล้วนะครับ ทุกคนเป็นพยานนะครับ" ปกรณ์พูดในจังหวะกระชั้นนัยน์ตาเป็นประกาย แล้วรอยยิ้มก็ผุดขึ้นบนใบหน้าของผู้ร่วม สนทนาเรื่องแผนการณ์ทวงครอบครัวที่อบอุ่นให้เปรมกิจซึ่งตอนนี้ได้ขึ้นไปพักผ่อนข้างบนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
__________________________
ตัดมาที่อัญญารินทร์
@บ้านกาลเวหล
วันนี้เป็นอีกวันที่น่าเบื่อหน่ายของวันปิดเทอมใหญ่แลจบการศึกษาซึ่งผลการเรียนก็ออกมาคะแนนอยู่ในเกณฑ์ดีระดับหนึ่งของสายชั้นและเธอก็อ่านหนังสือจนเบื่อจึงคิดอยากหากิจกรรมทำหลังจากอ่านหนังสืออย่างคร่ำเคร่งพอประมาณจึงนึกสนุกชวนเจ้าสุนัขตัวอ้วนไปปลูกต้นไม้สวย ๆ ไว้ดูเล่นกัน
ต่อไปนี้เป็นบทสนทนาของอัญญารินทร์กับสุนัขเกินอวบเพศเมียนะคะ
...บุญเก็บเรามาปลูกต้นไม้กันเถอะ พี่เอ๋ยเห็นตรงนู้นมีที่ว่างพอจะปลูกดอกไม้ได้บ้าง พี่มีปุ๋ยหมัก ปะ ไปกัน.....(เด็กสาวคุยกับเจ้าสุนัขขนปุยแล้วชี้นิ้วมือไปยังที่มุมหนึ่งข้าง ๆ บ้าน)