เพิร์ธจำใจต้องเลี้ยวรถกลับคอนโดมิเนียมของตน เพราะจะโทรไปขอที่อยู่ของนิวเยียร์จากเจ้านายมันก็ดึกเกินไป
พอไปถึงก็หยิบกระดาษทิชชูที่มีติดรถไว้มาเช็ดคราบที่เปรอะเปื้อนเต็มหว่างขา จากนั้นก็ลงจากรถเดินอ้อมไปเปิดประตูฝั่งที่หญิงสาวนั่ง ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้วอุ้มเธอออกจากรถ พร้อมกับคว้ากระเป๋าสะพายของเธอออกมาด้วย
เขาพาเธอเข้าไปในลิฟต์แล้วกดชั้นที่พักอยู่ เมื่อขึ้นไปถึงห้องก็อุ้มคนที่นอนหลับสบายเข้าไปวางบนเตียงขนาดคิงไซซ์อย่างเบามือ จากนั้นก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่
เพิร์ธเข้าไปนั่งที่ขอบเตียงแล้วเขย่าแขนเรียก แต่นิวเยียร์ก็ไม่ยอมตื่น พอทำอะไรไม่ได้ก็คงต้องปล่อยให้นอนค้างที่นี่สักคืน เขาจึงลุกไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็ก นำไปชุบน้ำแล้วบิดหมาดมาเช็ดใบหน้าที่แดงระเรื่อและลำคอของคนเมา
“อือ” นิวเยียร์รู้สึกเย็นวาบจนสะดุ้งแต่ก็ยังไม่ลืมดวงตาที่หนักอึ้ง ได้แต่ส่งเสียงร้องประท้วงในลำคอ พร้อมกับปัดป่ายแขนไปมาเนื่องจากถูกรบกวน
“เช็ดตัวก่อนครับ”
เขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับจับแขนของเธอให้อยู่นิ่งแล้วใช้ผ้าเช็ดทั้งสองข้าง พลางส่งสายตามองไปยังช่วงหน้าอกและแผ่นหลังที่อยู่นอกร่มผ้า ก่อนจะเบี่ยงสายตามองไปทางอื่นพร้อมกับลมหายใจติดขัด เรือนร่างตรงส่วนนั้นคิดว่าคงไม่ต้องเช็ดก็ได้ รวมทั้งเรียวขาขาวทั้งสองข้างที่ดิ้นไปมาจนกระโปรงตัวสั้นร่นขึ้นมากองอยู่บนต้นขา
เพิร์ธนำผ้าขนหนูไปซักที่ห้องน้ำแล้วนำไปตากไว้ที่ด้านนอกของระเบียงห้อง พอกลับมาที่เตียงก็พบว่าหญิงสาวได้ละเมอลุกขึ้นนั่ง แล้วถอดเสื้อแขนยาวสีดำของเธอแล้วโยนมันลงข้างเตียง เผยให้เห็นผิวขาวเนียนละเอียดของเรือนร่างภายใต้ร่มผ้า และตอนนี้เธอก็กำลังจะเอื้อมมือไปปลดตะขอเสื้อชั้นใน
“ขะ คุณนิวเยียร์”
แม้จะรู้สึกหายใจติดขัดและร้อนใบหน้าขึ้นมาเสียดื้อ ๆ แต่เพิร์ธก็ตัดสินใจรีบเข้าไปห้ามพร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวของเธอ ที่ตอนนี้มีแต่บราลายลูกไม้สีดำปกปิดเจ้าก้อนเนื้อทั้งสองก้อนที่ใหญ่จนเกินตัวของคนหุ่นเล็ก
“ร้อนจัง”
“นอนเถอะครับ เดี๋ยวผมจะปรับแอร์ให้” เขาบอกกับคนเมา แล้วใช้ผ้าห่มพันตัวของเธอไปหลายรอบ ก่อนจะประคองลงนอน
นิวเยียร์ดิ้นขลุกขลักอยู่ในผ้าห่ม แต่ด้วยเรี่ยวแรงอันน้อยนิดบวกกับความเมาทำให้เธอไม่สามารถที่จะหลุดออกจากผ้าผืนหนาที่พันอยู่รอบตัวได้ จำต้องนอนนิ่งราวกับคนสิ้นฤทธิ์
เพิร์ธเดินไปหยิบรีโมตขึ้นมากดปรับอุณหภูมิของแอร์จากเดิมที่เปิดเพียงแค่ยี่สิบห้าองศา เปลี่ยนเป็นสิบแปดองศา เพื่อให้คนที่ถูกห่อตัวได้นอนหลับสบายขึ้น แล้วเขาก็ขึ้นไปนอนอยู่ข้างกันแต่หันหลังให้
ทั้งคืนเพิร์ธนอนขดตัวด้วยความเหน็บหนาว ผ้าห่มอีกชุดก็เพิ่งจะส่งซักเมื่อเช้ายังไม่ได้ไปเอา เขาเลยไม่มีอะไรปกคลุมเพื่อคลายความหนาวเย็น ทำได้แค่ลุกขึ้นไปหยิบเสื้อแขนยาวมาสวมใส่อีกชั้นเพื่อให้ร่างกายรู้สึกอุ่นขึ้น
ฮัดชิ้ว…
เพิร์ธตื่นขึ้นมาด้วยอาการงัวเงียพร้อมกับเสียงจามและมีน้ำมูกสีใส เมื่อคืนแทบจะนอนไม่หลับเพราะมีผู้หญิงมานอนร่วมเตียง อีกทั้งเขาเป็นภูมิแพ้อากาศ และเมื่อคืนก็นอนตัวสั่นทั้งคืน ทำให้เช้านี้อาการหวัดเข้าเล่นงาน แต่ดูเหมือนคนที่มาแย่งพื้นที่บนเตียงและผ้าห่มของเขากำลังนอนหลับสบาย
เพิร์ธจึงลุกขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองสำหรับใส่อยู่บ้าน วันนี้เป็นวันหยุดของเจ้านาย เขาจึงไม่ต้องไปทำงาน และออกไปเตรียมอาหารเช้าในครัว
นิวเยียร์ที่รู้สึกตัวตื่นแต่ด้วยอาการปวดหัวทำให้เธอนอนนิ่งอยู่แบบนั้น แล้วส่งมือขึ้นคลึงขมับเพื่อคลายความเจ็บปวด สักพักพอค่อย ๆ ลืมตาขึ้นได้ก็พบว่านี่มันไม่ใช่ห้องของตัวเอง
“กรี๊ด…”
เธอส่งเสียงร้องดังลั่นห้อง พร้อมกับพยายามดิ้นตัวออกจากผ้าห่ม และพอหลุดออกมาได้ก็พบว่าบนเนื้อตัวของเธอเสื้อผ้ายังอยู่ครบ แต่ที่หายไปคือเสื้อแขนยาวสีดำ
นิวเยียร์ได้แต่กุมขมับใช้ความคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วนี่เธออยู่ที่ไหน เสื้อของเธอหายไปไหน พอตั้งสติได้ก็มองออกไปรอบบริเวณห้อง แล้วรีบลุกออกจากเตียงก็พบว่าเสื้อของเธอวางอยู่ที่โซฟาบริเวณมุมห้อง จึงรีบเดินไปหยิบขึ้นมาสวมใส่
ดวงตากลมโตหันมองหากระเป๋ากับโทรศัพท์มือถือ เมื่อเห็นว่ามันวางอยู่ที่โต๊ะข้างหัวเตียงก็รีบคว้าเอามาเปิดดู เมื่อคืนจำได้ว่าโทรหาพรีมเพื่อขอให้มารับ แต่ทำไมเธอถึงมาอยู่ห้องของใครก็ไม่รู้ และพอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก็ปรากฏว่าแบตเตอรีได้หมดไปแล้ว
นิวเยียร์รีบเดินออกจากห้องนอนแล้วหันไปปิดประตูให้เบามือที่สุด แต่พอหันหน้าออกไปก็พบกับหนุ่มเลขาสุดหล่อที่กำลังเดินถือจานอาหารมาวางไว้ที่โต๊ะด้วยสีหน้าไม่ค่อยสดชื่น
“ตื่นแล้วเหรอครับ”
“พี่พิรัชย์”
นิวเยียร์เบิกตาโพลงอย่างไม่เชื่อสายตา นี่ห้องของเขาอย่างนั้นหรือ งั้นก็แปลว่าเมื่อคืนเธอกับเขา…
“ไปล้างหน้าแล้วมากินข้าวด้วยกันสิครับ ผมทำซุปแก้เมาให้คุณด้วย” เพิรธ์เอ่ยจบก็หันหลังเดินเข้าไปในครัว เพื่อเข้าไปหยิบน้ำและแก้ว
“เอ่อ… เมื่อคืน…” นิวเยียร์อ้ำอึ้ง จะถามก็ไม่กล้าถาม
ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ตอบว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำเอาเธอเริ่มจะทำตัวไม่ถูก
“พี่พิรัชย์คะ เราสองคน…”
“คิดว่าเมื่อคืนเราทำอะไรกันครับ”
ยิ่งคนตรงหน้าถามกลับมาอย่างมีเลศนัย เธอก็ยิ่งคิดถึงเรื่องอย่างว่า แต่ก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยออกไปตรง ๆ
“ทำ… แบบว่า…”
“หมายถึงเรื่องที่ผู้ชายกับผู้หญิงทำร่วมกัน”
“ค่ะ” นิวเยียร์ขานรับด้วยหัวใจที่เต้นระรัว อย่าบอกนะว่าเธอกับเขามีอะไรกันแล้ว
“เช้านี้คุณรู้สึกอะไรบ้างล่ะครับ”
“แค่ปวดหัวค่ะ”
“นั่นก็แปลว่าคุณแค่เมาครับ ผมยังไม่ได้ทำอะไร”
“แล้วทำไมถึงไม่ทำล่ะคะ”
พอพูดจบก็รีบหลับตาแน่นสนิทแล้วก้มหน้าลงด้วยความอาย ไม่รู้ว่าเธอได้พูดอะไรออกไป แต่มันก็พลั้งปากไปแล้ว
เพิร์ธเริ่มหายใจติดขัดกับประโยคที่ได้ฟัง รีบเทน้ำเย็นใส่แก้วแล้วยกขึ้นดื่มเพื่อดับความร้อนที่ปะทุขึ้นใบหน้า
เมื่อก่อนเขาก็โดนหญิงสาวตรงหน้าเต๊าะแทบจะทุกครั้งที่เจอกัน แต่เธอก็ไม่ได้จริงจังสักเท่าไร แต่นี่อยู่ด้วยกันสองต่อสอง เธอก็ยังกล้าพูดแบบนี้กับเขา ทำเอาคนฟังเริ่มจะทำตัวไม่ถูก ทั้งที่เขาก็ไม่ได้เสียหายอะไร
“หนูก็พูดเล่นไปอย่างนั้นแหละค่ะ พี่พิรัชย์อย่าถือสาเลยนะคะ เมื่อก่อนหนูก็เต๊าะพี่ออกจะบ่อย หึหึ” นิวเยียร์แสร้งยิ้ม แล้วรีบพูดทำลายบรรยากาศกระอักกระอ่วนที่กำลังเผชิญ
นานแล้วที่ทั้งคู่ไม่ได้เจอกัน แต่พอมาเจอกันครั้งนี้เธอก็เมาจนเอาตัวเองไม่รอด ไม่รู้ว่าเมื่อคืนได้ทำเรื่องน่าอายอะไรลงไปบ้าง แต่ดีที่คนที่มานอนค้างด้วยคือพิรัชย์ เพราะถ้าเป็นคนอื่นป่านนี้เธอคงป่นปี้ไปหมดแล้ว
“แล้วทำไมเมื่อคืนถึงเป็นพี่ที่ไปรับล่ะคะ หนูจำได้ว่าโทรหาพรีม”
“คุณธีร์บอกให้ผมไปรับคุณที่ผับ ผมก็แค่ทำตามหน้าที่”
“แล้วทำไมถึงไม่ส่งหนูกลับคอนโดล่ะ”
คำก็หน้าที่ สองคำก็หน้าที่ เขาจะไม่เลือกทำตัวห่างเหินกับเธอจริงเหรอ ทำอย่างกับคนไม่เคยรู้จักกัน
“นี่คุณจำอะไรไม่ได้จริง ๆ เหรอครับ”
“เอ่อ…” นิวเยียร์ชักไม่มั่นใจว่าเมื่อคืนทำอะไรไปบ้าง
“คุณเมาแล้วอ้วกใส่ผม จากนั้นก็นอนหลับไปเลย ผมเลยต้องพามาที่นี่”
พอพิรัชต์พูดมาแบบนั้น นิวเยียร์ก็คิดขึ้นได้ว่าเมื่อคืนได้ทำเรื่องน่าอายไปมากขนาดไหน เธอได้แต่ยกมือขึ้นปิดใบหน้าแดงก่ำ ไม่คิดว่าจะเมาแล้วรั่วได้ถึงขนาดนี้
“ฉันอยากกลับแล้วค่ะ ต้องไปเรียกรถแท็กซีที่ไหนคะ”
“กินข้าวเสร็จแล้วเดี๋ยวผมไปส่ง”