เมื่อสลัดเรื่องในหัวทิ้งไป เตียวหยวนหยวนก็เอ่ยกับชายหนุ่ม
“อ๋องเจิ้ง... กินหม้อร้อนกับหม่อมฉันได้หรือไม่”
“โอ้ ‘หม้อ’ ได้สิ อยากกิน ‘หม้อร้อนหวานฉ่ำ’ ของเจ้า เหลือเกินแล้ว”
เตียวหยวนหยวนหรี่ตามองบุรุษรูปงาม คนผู้นี้เป็นพระเอกของเรื่องจริงหรือ ผู้เขียนช่างสรรพหาชายที่เสเพล มาเป็นตัวละครหลักที่ชวนให้ปวดหัว
“หม่อมฉันหมายถึง หม้อร้อนจริงๆ มิใช่ น้องสาวจุ๋มจิ๋มของหม่อมฉันเพคะ!” ด้วยความฉุนจัด นางเลยกล่าวตรงๆ ไม่อ้อมค้อม พลอยให้กัวเจิ้งอี้หัวเราะลงลูกคอ
“เป็นข้าที่เข้าใจเจตนาหยวนหยวนผิด”
หญิงสาวถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ เขากำลังเกี้ยวนาง และเรียกชื่อเสียงอ่อนเสียงหวาน ผู้ชายเจ้าเล่ห์เป็นเช่นนี้ แต่แรกนางคิดว่าจะมาพบพระเอกที่ดุโหด มีความกร้าวใจ และหยาบคายนิดๆ ซึ่งแบบนี้ไม่ใช่หรือที่สตรีนิยมทั่วทั้งแผ่นดิน
ตัวเอกฝ่ายชายต้องเป็นอ๋องปีศาจ มีไอสังหารทำให้คนขนหัวลุก หรือเป็นแม่ทัพดุเดือด แนวสามีชั่ว ขึ้นอย่างหงส์แล้วลงอย่างหมา พอได้พบหน้านางเอกก็หลงรัก แบบถอนตัวไม่ขึ้น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นคลั่งรักแบบฮูหยินข้าใครก็อย่าแตะ (สามีชั่วกลับใจ และตายรังทุกวัน สตรีคนใดจะไม่ชอบเล่า)
ทว่ากัวเจิ้งอี้ที่นางได้พบ เขามีเพียงความหล่อเหลาแบบใต้หล้านี้ก็หาใครเทียบไม่ได้ แต่นิสัยสวนทางกับพระเอกในนิยายที่ทุกคนปรารถนาราวฟ้ากับเหวลึก
“อ๋องเจิ้ง กินหม้อร้อนกับหม่อมฉันนะเพคะ” นางถามย้ำ
“เจ้าทำอาหารเป็นรึ”
“ยิ่งกว่าเป็นเสียอีก ขอให้อ๋องเจิ้งรอสักหน่อย เราจะได้สำราญใจกันแน่นอน”
“หยวนหยวนกำลังล้อข้าเล่น”
“มิได้ หม่อมฉันเพียง อยากต้อนรับอ๋องเจิ้งสู่หมู่บ้านหลัวโป ที่นี่มีธรรมเนียนคือ เมื่อมาถึงต้องดื่มด่ำหม้อไฟเป็นมื้อแรกเพคะ” หญิงสาวกุเรื่องดังกล่าวขึ้น
“ดี... ข้าจะเขียนรายงานให้เสด็จพ่อทราบว่า เจ้าเป็นบุตรีของท่านเจ้าเมืองที่ประเสริฐนัก”
“เอ แค่ทำอาหารนี่หรือเพคะ ถึงขึ้นต้องยกย่องกันขนาดนั้น”
“หามิได้ เอาเป็นว่าอีกไม่นานเจ้าก็จะเข้าใจต่อสิ่งที่ข้ากล่าว”
เตียวหยวนหยวนสับสนอยู่มาก บางครากัวเจิ้งอี้ดูเหมือนเป็นบุรุษไร้ความรู้ ทว่าหากพิศอีกที เขาช่างมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว แต่เอาเถิด สำหรับนางผู้มาจากโลกอื่น บุรุษที่อยู่ในโลกคู่ขนานและมีขนาดขาที่สามใหญ่โตกว่าสมอง เขาจะเฉียบแหลมเท่านางได้อย่างไร
“หลับตาลงก่อนได้ไหมเพคะอ๋องเจิ้ง หม่อมฉันอยากให้ท่าน ตื่นเต้นสักเล็กน้อย”
เมื่อเห็นเขาหลับตา นางจึงยื่นมือไปข้างหน้า แล้วถามเขา “ทายสักนิดนะเพคะ กี่นิ้ว!”
“สิบ!” เขาตอบแบบมั่วๆ
“ผิดอีกแล้ว ลองทายใหม่เพคะ”นางบอกเขา และยกนิ้วกลางชี้หน้ากัวเจิ้งอี้ พร้อมยิ้มขำด้วยความสะใจ
“สอง!”
“โอ้ อ๋องเจิ้งตั้งใจหน่อย มิเช่นนั้นหม่อมฉันจะเคืองแล้วนะ”
ระหว่างที่เล่นอยู่กับเขานั้น เตียวหยวนหยวนก็เปิดลิ้นชัก อันมหัศจรรย์ของนาง มันคือลิ้นชักพันลึกที่เป็นแหล่งวัตถุชั้นเยี่ยม ที่มีไว้ให้นางเอาตัวรอดในโลกนิยายของเหม่ยหลิน
นางหยิบของที่จะนำออกมาต้มหม้อร้อนกินกับกัวเจิ้งอี้ ซึ่งเนื้อกวางมีแล้ว ส่วนเส้นที่ต้องการ มันทำให้นางหัวเราะคิกคัก แต่แรกอยากได้เส้น รามยอน (คล้ายเส้นราเม็ง) แต่ก็ดูจะล้ำสมัยเกินไป มื้อแรกที่นางจะแสดงฝีมือนี้ คงเลือกใช้เส้นพื้นฐาน แค่บะหมี่ไข่ก็พอ จากนั้นนางจึงหยิบ เครื่องปรุงรส และผักเพื่อทำน้ำซุป สุดท้ายขณะที่คว้าเอาหัวผักกาดขาวขนาดเหมาะมือ นางก็คิดถึงเรื่องทะลึ่งสัปดน เหม่ยหลินเคยใช้ผักชนิดนี้ในการร่วมรักของตัวละครในเรื่องที่นางเขียนไว้
ขณะที่รู้สึกจั๊กจี้กับภาพในจินตนาการของนิยายเหม่ยหลิน นางก็ต้องร้องเสียงหวานจัด พร้อมมือไม้อีกข้างที่อ่อนระทวยลง
“อ๊ะ... อ๊า... อู้...”
“หยวนหยวน เกิดสิ่งใดขึ้น” เขาถาม ก่อนทำในสิ่งที่หญิงสาวต้องร้องเสียงซาบซ่านใจออกมาอีกหน
“อี้ๆ ๆ อ๊ะ อ๊า!!!”
ยามนั้น นิ้วเรียวสวยของนางกำลังถูกกัวเจิ้งอี้ดูด ใช่เขาดูดเลียนิ้วนาง ไม่ใช่เพราะความหิว แต่เกิดจากอารมณ์หวามไหวสุดกลั้น
“อี้ๆ ๆ อ๋องเจิ้ง” นางร้องประท้วง แต่เขาไม่หยุด พอนางเตรียมจะใช้หัวผักกาดขาวอวบในมือฟาดใส่ศีรษะเขา อีกฝ่ายก็เอ่ยขึ้นว่า
“ฮ่าๆ ๆ หนึ่งนิ้ว ถูกต้องหรือไม่ หยวนหยวน”
เตียวหยวนหยวนอึ้งไปในตอนนั้น เขาถึงขึ้นโลมเลียนิ้วนาง เพื่อตอบคำถาม ช่างเป็นบุรุษที่ประเสริฐนัก!
“ถูกต้อง แต่อ๋องเจิ้ง ปล่อยนิ้วหม่อมฉันได้ก่อนหรือไม่ มันเหี่ยวมันแล้ว เพราะน้ำลายของท่าน! โอ๊ย เหนียวเหนอะไปหมด” นางว่าและอดเสียวซ่านไม่ได้ เรียวลิ้นร้อน ทั้งดูดดุน และเขายังขบเบาๆ ตบท้ายก่อนปล่อยนิ้วนางให้เป็นอิสระ
คนลามก ผู้ชายชีกอ พระเอก...หื่น!
“โอ้ ถ้าอย่างนั้น ข้าลืมตาได้หรือไม่” เขาเอ่ยถามอย่างไร้ทีท่าสำนึกผิดที่จู่โจมนางอย่างดุเดือด
“เอ่อ ได้ซี รีบๆ ลืมตาขึ้นเถิดเพคะ”
ยามนั้นดวงตาคมกริบ มองใบหน้าเรียวรูปไข่ ก่อนเลื่อนสายตาไปยังผักและวัตถุที่นางเตรียมสำหรับทำหม้อไฟร้อน
“ของเหล่านี้!”
“ใช่ ล้วนอยู่ในกระท่อมของอ๋องเจิ้ง” นางว่าแล้วจึงรีบฉวยหยกขาวที่ห้อยพู่แดงออกมา มันเป็นทรงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราวๆ สองนิ้ว แกะลวดลายแปลกตา อ่านได้ข้อความ ‘ทุกสรรพสิ่ง ฟ้าประทาน’ ของสิ่งนี้นางได้มาตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาในโลกคล้ายจีนโบราณ และมันมีไว้สำหรับสะกดจิตผู้คนให้คล้อยตาม
เตียวหยวนหยวนยื่นหยกเนื้องามสีขาวพิสุทธิ์ ไปเบื้องหน้าชายหนุ่ม จากนั้นริมฝีปากอวบอิ่มของนางก็เอ่ยว่า
“ข้าวของพวกนี้ ล้วนเป็นอ๋องเจิ้งให้องค์รักษ์เงาจัดหาไว้ ทุกอย่างล้วนเป็นท่านจัดเตรียม อย่าได้คิดเป็นอื่น!”
นางเอ่ยจบก็แกว่งหยกในมือ เริ่มจากช้าๆ พร้อมเอ่ยประโยคเดิมซ้ำไปมาสามสี่ครั้ง จากนั้นจึงดีดนิ้วดังเปาะ พร้อมยิ้มหวานให้กัวเจิ้งอี้ “อ๋องเจิ้ง เป็นผู้เตรียมพร้อมที่ดี”
“ใช่...ข้าเตรียมทุกอย่างเอาไว้ และคาดไม่ถึงว่าฝนจะตก ดีที่เราหลบฝนทัน และได้กินของอร่อยๆ จากฝีมือเจ้า”
ถึงจะฟังดูแปลกไปบ้าง แต่โลกที่นางอยู่เป็นเพียงนิยาย ผู้คนไม่ใช่คนจริงๆ เช่นนั้นนางจะใส่ใจเพื่อสิ่งใด ขอให้ท้องอิ่ม ได้เล่นตามบทบาทที่นางอยากให้เป็น เพียงเท่านี้ก็มีความสุข
“หม้อร้อนนี้ จะแบ่งน้ำเป็นสองแบบ เผ็ดร้อนดุดันกับกลมกล่อมนุ่มนวล”
“คล้ายกับชายหญิงเช่นนั้นรึ แข็งแกร่งกับอ่อนหวาน” เขาว่าและมองหม้อไฟร้อนที่ฐานใส่น้ำซุปเป็นรูปหยินหยาง
“กล่าวมิผิด หม่อมฉันตั้งใจให้อ๋องเจิ้งได้ลอง และหวังว่าท่านจะพึงใจ”
นางเอ่ยจบก็เริ่มใช้งานให้เขาปลอกเปลือกหัวผักกาด
และแครอท และซอยขึ่นฉ่ายยักษ์ แล้วเตรียมน้ำต้มที่เตาไฟ ทุกอย่างวุ่นวายสักหน่อยแต่ผ่านไปด้วยดี ที่สำคัญประหยัดเวลามาก ต้าหยวนไม่ได้มีเลือกใช้การเคี่ยวน้ำซุปข้ามวันข้ามคืน นางลักไก่นิดหน่อย ด้วยหยิบก้อนซุปหมู กับผงปรุงรสมาด้วย
กลิ่นน้ำซุปหอมฉุย พอต้มผักไปสักผักความหวานจึงผสมกันอย่างลงตัว
ยามนั้นท้องของนางกับเขาเริ่มร้องดัง นางเลยขอให้เขาแล่เนื้อสันในของกวางเป็นแผ่นบางๆ และเลือกใช้การจุ่มแทนการลวก หรือต้ม เช่นนี้คงได้รสชาติที่สดของเนื้อสัตว์ เมื่อกินกับน้ำจิ้มพริกสดเปรี้ยวหวานเค็ม และน้ำจิ้มงาขาวรสชาตินุ่มลึกลับ ย่อมเป็นอาหารมื้อสายที่ช่วยให้สบายท้อง และมีแรงทำงานในช่วงบ่าย
“หยวนหยวน เจ้าเป็นนางมารหรืออย่างไร ถึงได้ล่อลวงข้าเช่นนี้”
“นางมารที่ใดกันเพคะ หม่อมฉันเพียงทำอาหาร และเป็นของกินพื้นๆ ที่ใครก็ทำได้”
กัวเจิ้งอี้ไม่รู้จะกล่าวคำใดต่อจากนั้น เขามองมือขาวๆ ของนางที่หยิบจับอย่างคล่องแคล่ว มองแล้วยิ้มไปด้วย เมื่อทุกอย่างพร้อม นางก็บอกให้เขาลองชิม
“จุ่มเนื้อกวางลงไปในน้ำที่กำลังเดือดสิอ๋องเจิ้ง เสร็จแล้วก็จิ้มตรงนี้”
นางว่าและจับมือเขาให้ทำ ราวกับอีกฝ่ายเป็นเด็กเล็กๆ
ชายหนุ่มเขินเล็กน้อย แต่เชื่อฟังนางเป็นอย่างดี เขาเลือกจุ่มเนื้อกวางในน้ำซุปใสพอให้สุก แล้วจิ้มกับน้ำปรุงรสเผ็ด ยามนั้นความหวานของเนื้อและความเผ็ดของน้ำจิ้ม แทรกซึมจากปลายลิ้น ผ่านลงผ่านลำคอ ก่อนเกิดความร้อนวูบวาบที่ท้องของเขา
“โอ้ นี่เจ้าเล่นปาหี่อันใดหยวนหยวน น้ำลายข้าแตก และท้องก็เหมือนมีบางสิ่งแตกอยู่ข้างใน!”
จริงอยู่หม้อไฟร้อนตรงหน้ากัวเจิ้งอี้ ไม่ได้เลิศรสเป็นอันดับหนึ่ง น้ำซุปขาดบางสิ่งไปบ้างเพราะเกิดจากผงปรุงรสสำเร็จรูปและก้อนซุป แต่ในยามที่ท้องหิวและบรรยากาศที่ฝนตกเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกว่ามันเติมพลังได้อย่างดี นอกจากนั้นเขารู้สึกตื่นตัว ตาสว่าง เหงื่อผุดที่หน้าผาก ปลายลิ้นชาเล็กน้อย ซึ่งเกิดจากก้อนซุปสำเร็จรูป
“ปะ เปล่าเสียหน่อย หม่อมฉันเพียงแค่ทำอาหารง่ายๆ ให้อ๋องเจิ้งคลายหิว”