หลังจากที่อันเดรและพระพายเดินทางไปรับศพของท่านดำรงแล้ว พวกเขาก็กลับมาที่บ้าน ทันทีที่กลับมาถึงเด็กสาวก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย อันเดรสั่งให้ลูกน้องเดินหาเธอจนทั่วบ้านก่อนที่จะพบว่าเธอมาแอบอยู่ในห้องหนังสือนี่เอง
“มานั่งทำอะไรตรงนี้คะหนูพาย” ชายหนุ่มถาม ก่อนที่เด็กสาวจะเอ่ยขึ้นมาน้ำตาคลอ
“หนูพายคิดถึงคุณปู่ค่ะ หนูพายไม่อยากอยู่คนเดียวแบบนี้”
“หนูพายไม่ได้อยู่คนเดียว ตอนนี้หนูพายมีพี่” เขาบอกเธออย่างจริงใจขณะนั่งลงบนพื้นพรมเดียวกันกับเธอ จากนั้นก็โอบกอดเธอเพื่อปลอบโยนให้เธอรู้สึกว่าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว
“พี่จ๋าอย่าทิ้งหนูพายนะคะ” เสียงหวานใสที่ส่งออกมาขณะเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังและเทิดทูนนั้นทำให้คนที่ไม่เคยแคร์หรือสนใจคนอื่นอย่างอันเดรรู้สึกลึกซึ้งกับเด็กสาวตรงหน้าอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน
“พี่สัญญาว่าจะไม่มีวันทอดทิ้งหนูพายแน่นอนค่ะ” เขาบอก มันไม่ใช่แค่คำพูดที่พูดออกไปเพื่อให้เธอรู้สึกดีขึ้นเท่านั้น แต่มันคือคำมั่นสัญญาของเขาที่จะไม่มีวันเลือนหายไป เมื่อได้สบตากับลูกแก้วดวงนี้ เขาถึงกับนิ่งราวกับต้องมนตร์ เขาสัญญากับตัวเองว่าจะปกป้องดูแลเธอด้วยชีวิตที่เหลือของเขา
พระพายยื่นนิ้วก้อยออกไปเพื่อทำสัญญา อันเดรมองใบหน้าใสของอีกฝ่ายด้วยใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะแปลก ๆ ความอ่อนโยนไม่เคยเฉียดใกล้ผู้ชายอย่างเขา แต่กับเด็กสาวตรงหน้าตอนนี้เขากลับทะนุถนอมเธอราวกับเธอจะแตกร้าวถ้าเขาเผลอแตะต้องแรงอย่างไรอย่างนั้น
พระพายหลับในอ้อมกอดของอันเดร ก่อนที่ชายหนุ่มจะช้อนอุ้มร่างบางเดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นสอง เขาให้แม่บ้านจัดห้องนอนของเธอไว้แล้ว เป็นห้องติดกับห้องนอนใหญ่ซึ่งเป็นห้องของเขาเอง เขาวางเธอลงบนที่นอนอย่างเบามือก่อนจะคลี่ผ้าห่มมาห่มให้ นัยน์ตาคมเฝ้ามองเธอก่อนจะเปิดประตูที่เชื่อมต่อกันแล้วกลับไปที่ห้องของตัวเอง มือหนาหยิบไอแพดขึ้นมาเช็กอีเมลตรวจสอบเรื่องงาน ดูเหมือนว่าพรุ่งนี้เขาจะต้องยุ่งมากกว่าเดิมจนกว่าจะเสร็จงานของท่านดำรง เขาส่งข้อความให้อีวานไปหาชุดมาเตรียมไว้ให้พระพายสำหรับใส่ไปร่วมงานศพพรุ่งนี้
งานศพของดำรง เทพหัสดีภักดิ์ดำเนินไปจนเสร็จสิ้นตามพิธีทางศาสนาโดยมีปัญญาทำหน้าของบุตรชายผู้กตัญญูอย่างขยันขันแข็ง เขาเป็นตัวหลักในการจัดการพิธีนี้เพื่อให้แขกที่มาร่วมงานทุกคนเห็นว่าตนเป็นที่พึ่งที่ไว้วางใจเพียงหนึ่งเดียวของบิดาผู้ล่วงลับ และเป็นผู้เดียวที่เหมาะสมกับการสืบทอดมรดกและกิจการทั้งหมดของบิดาด้วย!
ส่วนแสงจันทร์ก็โศกเศร้ากับการจากไปของพ่อสามีเสียเหลือเกิน ตลอดพิธีนางร้องไห้อยู่เสมอเพื่อแสดงให้เห็นว่าตนเคารพนับถือและผูกพันกับดำรงมากแค่ไหน กิริยาท่าทางของนางนั้นช่างแตกต่างจากตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ยิ่งนัก ความไม่ลงรอยของทั้งสองนั้นชัดเจนมาตลอด พระพายมักจะเห็นนางตะคอกใส่ชายชราอยู่บ่อย ๆ อีกทั้งยังทำอะไรล้ำหน้าไม่ฟังคำสั่ง เอาทรัพย์สินของบริษัทไปใช้ส่วนตัวโดยไม่ขออนุญาต เดือดร้อนให้ท่านต้องมาคอยแก้ไขปัญหาที่ตามมาจากการกระทำของนางอยู่ร่ำไป
เอกณกันเองก็ทำตัวดีผิดปกติในยามที่แขกเหรื่อมาเต็มงาน ทว่าเมื่อผู้คนทยอยแยกย้ายกันกลับไป ไม่ใกล้ไม่ไกลจากสถานที่จัดงานนัก พระพายก็สังเกตเห็นเขาจับกลุ่มกับเพื่อนเพื่อดื่มของมึนเมาและเล่นพนันกันในงานสวดพระอภิธรรมศพของปู่ ขณะที่อิงดาวโผล่มาร่วมงานเพียงประเดี๋ยวประด๋าว และดูจะสนุกเพลิดเพลินกับการถ่ายรูปลงโซเชียลมีเดียมากกว่าฟังเทศนาธรรม เธอเอาแต่ก้มมองโทรศัพท์สมาร์ตโฟนเพื่อดูว่ามีคนมาร่วมแสดงความเสียใจกับเธอมากน้อยแค่ไหน ก่อนจะยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อเห็นยอดเอนเกจเมนต์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เธอยิ้มร่าเริงเกินไปด้วยซ้ำเมื่อผู้ชายคนที่ชอบผ่านมาแสดงความเสียใจ
พระพายถูกกันให้อยู่บริเวณโรงครัว ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วเธอรู้สึกขอบคุณด้วยซ้ำเพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับคนในครอบครัวของลุงปัญญา โชคดีที่มีเพื่อนรักอย่างลูกน้ำมาคอยช่วยงานอยู่ข้าง ๆ อย่างน้อยในยามที่ยากลำบากเพื่อนสนิทที่สุดคนนี้ก็ไม่ทิ้งเธอไป
และในยามดึกพระพายก็ปลีกตัวมานั่งร้องไห้เพียงลำพัง…
“หนูพายออกมาคนเดียวนานแล้ว ยุงกัดหมดแล้วนะ” สูทสีดำสนิทถูกคลุมลงบนไหล่บาง ก่อนที่อันเดรจะนั่งลงข้าง ๆ
“หนูพาย… เอ่อ… ขอบคุณค่ะ” พระพายได้แต่พูดขอบคุณไปตามมารยาท ในใจของเธอโศกเศร้าไม่น้อยเพราะคิดถึงคุณปู่
“อดทนอีกหน่อยนะ คืนนี้สวดพระอภิธรรมคืนสุดท้ายแล้ว” อันเดรไม่ได้เข้าไปร่วมในงานพิธีกรรมทางศาสนาด้วยเพราะเขานับถือศาสนาคริสต์ แต่ก็มาร่วมงานอยู่ตลอด เขาคอยอยู่ข้าง ๆ กายพระพายเสมอ…
เด็กสาวไม่ค่อยเข้าใจนัก บางครั้งเขาก็นิ่งและดุจนดูน่ากลัว แต่บางครั้งกลับใจดีราวกับเป็นคนละคน เพียงแค่ไม่ค่อยแสดงออกมาเท่านั้น แต่ถึงจะเป็นอย่างนี้… ลึก ๆ แล้วเธอก็อบอุ่นหัวใจอยู่ดี
……