ไม่ทันให้ไล่ซ้ำอีกรอบ เจตน์เห็นยายน้องสาวนอกไส้ตัวแสบของเขาวิ่งจู๊ดออกไปจากห้องเขาเรียบร้อยแล้ว
“ยายเด็กลามกเอ๊ย” เขาคำรามตามหลังไป ระยะเวลาหนึ่งเดือนเขาต้องสติหลุดแน่ๆ เลย
โอ๊ย! หนึ่งเดือนเหมือนหนึ่งชาติ อยากอ้อนวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธ์ขอให้บิดามารดาและน้าๆ ของเขากลับมาโดยเร็ว
“อ้าว... คุณหนูมินทำไมวิ่งหน้าตั้งมาแบบนั้นล่ะคะ”
“ป้าแก้วจ๋า หนูมินจะเป็นตากุ้งยิงไหมคะ” มินตราปิดหน้าปิดตา ทำปากยื่น ถอนใจพรืด นั่นยิ่งทำให้แม่บ้านวัยกลางคนสงสัยเข้าไปใหญ่
มินตรานั่งถอนใจเฮือกๆ อยู่บนเก้าอี้ม้าหินอ่อน ป้าแก้วตามองอย่างสงสัย ถามก็ไม่ยอมตอบ
“มีอะไรเล่าให้ป้าฟังเถอะค่ะ เผื่อป้าจะช่วยอะไรคุณหนูมินได้”
“หนูมินดันไปเห็นไอ้นั่นของพี่เจตน์น่ะสิคะ ป้าแก้วอย่าไปบอกใครนะ” คนเล่าทำเสียงเบาหวิว ให้รู้ว่าสิ่งที่เล่าเป็นความลับสุดยอด
“หือ... ไอ้นั่นคืออะไรคะ” ป้าแก้วถามกลับ ทำหน้างง
“ก็ไอ้นั่นไงคะ ของผู้ชายน่ะ” เธอทำท่ายืนฉี่ขึงขัง ป้าแก้วตาไม่รู้จะหัวเราะกับท่าทางเลียนแบบของเด็กสาวดีหรือจะร้องไห้ดี
เวรกรรมไหมล่ะ!
“ตายแล้ว บัดสีบัดเถลิงค่ะคุณหนูมิน”
“หนูมินไม่ได้ตั้งใจจะแอบมองเลยนะคะ แต่พี่เจตน์น่ะสิมาถอดให้หนูมินดูเอง”
“ตาเถรตกใต้ถุน เดี๋ยวนี้คุณเจตน์โรคจิตขนาดชอบโชว์ของลับแล้วเหรอคะ ไม่เห็นมาโชว์ให้ป้าดูมั้ง ป้าเคยเห็นนานแล้วตั้งแต่คุณเจตน์เด็กๆ ตอนป้าอาบน้ำให้คุณเจตน์” ป้าแก้วตาหัวเราะคิกๆ มินตาแอบตาโต หูผึ่งทันที
“ป้าแก้วเคยเห็นหนอนน้อยของพี่เจตน์แล้วเหรอคะ คิกๆ”
“หนอนน้อย!!!” ป้าแก้วตาทำหน้าสงสัยขณะทวนคำพูดนั้นตาเป็นมัน
“หนอนน้อยคือไอ้นั่นของพี่เจตน์ค่ะ หนูมินเรียกให้มันน่ารักเพราะมันเล็กกระจี๊ดเดียว”
“ตายแล้ว เดี๋ยวตีตาย ไม่ก็หยิกให้เนื้อเขียวเลย ไปพูดแบบนั้นได้ยังไงกันคะ” ป้าแก้วตาแทบเอาเท้าก่ายหน้าผากกับประโยคของเด็กสาว
เออ... เด็กเดี๋ยวนี้แก่แดดแก่ลมเสียจริง
“ก็เล็กจริงๆ นี่คะ”
“หนูมินยังเด็ก ไม่รู้อะไรหรอก ไว้โตแล้วค่อยรู้”
“รู้อะไรคะ”
“โอ๊ย! ถามลามกอีกป้าจะตีให้นะคะ”
“อ้าว... ป้าแก้วชวนหนูมินคุยนี่นา” มินตราทำหน้างอ
“คุณหนูมินน่ะยังเด็ก ไม่เอาแล้ว ป้าจะเสียผู้เสียคนมาพูดเรื่องแบบนี้”
“คำก็เด็กสองคำก็เด็ก ป้ารู้ไหมคะ ผู้ใหญ่ไม่สอนเพศศึกษาเด็กไง เด็กเลยท้องโตเต็มประเทศ”
“อกอีแป้นจะแตก คุณหนูมินอย่าทำแบบนั้นเชียวนะคะ เดี๋ยวคุณพ่อกับคุณแม่ได้อกแตกตายกันพอดี” ป้าแก้วตารีบบอก ไม่เจอมินตราเพียงไม่กี่ปี อาการหนักกว่าเดิม ใครๆ ก็รู้ว่ามินตราแสบมากแค่ไหน คนงานในไร่หัวหมุน โดยเฉพาะเจตน์ที่แค่ได้ยินเสียงเด็กสาวยังไข้ขึ้น แล้วนี่มาอยู่ตั้งหนึ่งเดือน จะรับมือไหวไหมยังไม่รู้เลย
“โธ่... ป้าแก้วจ๋า หนูมินน่ะแค่ถามเฉยๆ ป้าอย่าเครียดเลยนะ เดี๋ยวแก่เร็ว” เด็กสาวออดอ้อนกอดหอมอย่างเอาใจ
“คุณหนูมินน่ะโตเป็นสาวแล้วนะคะ ทำอะไรระมัดระวังด้วย รู้หรอกค่ะว่าคุณเจตน์น่ะเป็นพี่ชายแต่เขาก็ไม่ใช่พี่ชายคลานตามกันมานะคะ ทำอะไรระวังเนื้อระวังตัวบ้าง คุณเจตน์ก็เหมือนกันน่าหยิกให้เนื้อเขียว มาโชว์ให้น้องนุ่งดูได้ยังไง ถ้าตอนเด็กๆ แก้ผ้าอาบน้ำน่ะไม่คิดอะไรไม่ว่า แต่นี่โตแล้ว” ป้าแก้วตาตำหนิไปถึงอีกคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรด้วยเลย คนถูกนินทาถึงกับสำลักน้ำหูน้ำตาไหล
“ป้าแก้วอย่าว่าพี่เจตน์เลยนะคะ จริงๆ ตอนที่พี่เจตน์ไม่อยู่ หนูมินแอบเข้าไปในห้องพี่เจตน์เองแหละค่ะ” มินตรายิ้มยิงฟันให้ป้าแก้วตา นางตบอกอีกครั้ง มองเด็กสาวตาปริบๆ “แหะๆ พอดีพี่เจตน์กลับมา หนูมินหนีไม่ทันเลยเข้าไปหลบในตู้ พี่เจตน์ก็ไม่ดูตาม้าตาเรือเลย มาแก้ผ้าให้หนูมินดูเฉยเลย” คนเล่าทำสีหน้าว่าไม่ได้แอบดูจริ๊งจริง
“จริงๆ นั่นแหละค่ะ คุณเจตน์นี่ไม่ดูตาม้าตาเรือเลยจริงๆ” ป้าแก้วตาเออออห่อหมก นึกสภาพเจตน์ตอนนั้นคงจะขำไม่ออกเป็นแน่!!!
เจตน์เดินหน้าขรึมลงมาจากชั้นบนเพื่อมารัประทานอาหาร เขารู้สึกถึงพลังงานบางอย่างที่กำลังมองมาที่เขา
“เฮ้ย!” เจตน์ยกมือขึ้นกุมเป้ากางเกงตัวเอง ทั้งๆ ที่มันมีกางเกง เขาก็ยังจะหลอน
“อะแฮ่ม” เจตน์กระแอม มองป้าแก้วตาที่เหลือบมองเป้ากางเกงไม่วางตา ชายหนุ่มหันขวับไปมอง แม่บ้านวัยกลางคนหลบหน้าทันที
“นี่มันอะไรกันครับ” เจตน์เสียงดัง ว่าจะเงียบแล้วเชียว พอยายเด็กแสบมาอยู่บ้านแค่วันเดียว ทุกอย่างในบ้านเขาก็เปลี่ยนไปหมดเลย เขาเหมือนตัวตลก!!!
“คุณเจตน์มีอะไรคะ”
“มองเป้ากางเกงผมทำไม มีปัญหาอะไรกับเป้ากางเกงของผม” เจตน์ถามเสียงดุ
“พี่เจตน์ไม่ไม่ได้รูดซิบค่ะ” มินตรารีบบอก
“ยายเด็กลามก นึกว่ามุขนี้จะใช้ได้เหรอ ฉันรู้ทันเธอหรอก” เขาจิ้มหน้าผากเธอ
มินตราเคยแกล้งเขาโดยบอกว่าเขาลืมรูดซิบมาแล้ว เหอะ! คิดว่าเขาจะหลงเชื่อรอบสองอีกเหรอไง
“คุณเจตน์ลืมรูปซิบจริงๆ นะคะ” ป้าแก้วตาสำทับอีกครั้ง
“เฮ้ย!” เจตน์รีบก้มมองเป้ากางเกงตัวเอง
เขาลืมรูดซิบ!!! จริงๆ ด้วย เมื่อกี้ที่เอามือกั้นไว้ ไม่ได้โดนเป้ากางเกงเลยไม่รู้ว่าลืมรูดซิบ จนโดนมองไปถึงไหนๆ ถึงได้รู้ตัว เจตน์หน้าแดง ก่อนจะเดินหน้าตึงไปที่โต๊ะอาหาร
“นั่นไงหนูมินบอกแล้วไม่เชื่อ มาจิ้มหน้าผากหนูมินอีก ชิ!”
“พูดมาก” เขาทำเสียงดุ
“ป้าครับ ผมหิวแล้ว”
“ค่ะๆ ป้าจะรีบตั้งโต๊ะอาหารนะคะ” ป้าแก้วตารีบเรียกเด็กรับใช้อีกคนมาตั้งโต๊ะอาหารทันที
“ของโปรดยายเด็กแสบ” เจตน์เผลอพูดออกมา คนที่นั่งข้างๆ ยิ้มแป้นทันที
“พี่เจตน์จำได้ด้วยว่าหนูมินชอบกินอะไร”
“ใครจะไปอยากจำ แต่เด็กแสบอย่างเธอเรียกร้องแต่จะกินของที่ตัวเองชอบ” ตอนเด็กๆ มินตราเอาแต่ใจ อยากได้ต้องได้ อยากกินต้องได้กิน ทุกคนก็รุมกันตามใจ
เมนูโปรดของยายหนูผีจะมีอะไรเสียอีกล่ะ ไข่เจียวหมูสับ หมูสามชั้นทอดกระเทียมพริกไทย และไข่พะโล้หมูสามชั้น เต้าหู้ต้องนิ่มๆ เรียกว่าตุ๋นจนได้ที่ ไม่อร่อยไม่ยอมกิน มินตราไม่ชอบกินผักตั้งแต่เด็ก เขาเองก็รู้ มีผักที่ไหนเขี่ยออกทันที
ตอนเด็กๆ เขาเลยอยากแกล้งให้เธอกินผัก แต่แกล้งแบบเอาผักผลไม้ไปปั่นแล้วให้เธอกิน
การแกล้งในครั้งนั้นทำให้เธอยอมกินผักแบบไม่เห็นว่ามีผักเป็นใบๆ ก้านๆ หรือต้นๆ นอกจากไอ้น้ำสีต่างๆ นั่นเอง ถึงจะรู้ว่าเธอแสบ แต่เขากลับจำทุกสิ่งทุกอย่างที่อีกฝ่ายชอบได้หมด
“อย่าน้อยใจไปเลยค่ะ ป้าทำของโปรดของคุณเจตน์เหมือนกัน” เจตน์ชอบกินปลาแต่ไม่ชอบกินเนื้อหรือหมู เมนูโปรดของเขาคือปลาทอดกรอบ ไม่ก็ปลาราดพริก ปลานึ่งมะนาว แกงส้มต้มยำ หรือผัดขิงอะไรก็ได้ขอให้เป็นปลา ต้มยำปลากระพงคือของโปรด วันนี้ป้าแก้วตาเลยทำปลากะพงผัดขิง ปลาสามรส และต้มยำปลา
ยายหนูผีไม่ชอบกินปลา เขารู้ดีเพราะเธอเคยโดนก้างตำคอ เลยไม่ชอบกินตั้งแต่นั้นมา เขาเคยแกะเอาแต่เนื้อปลาให้เธอกิน เธอเลยยอมกิน
ตอนเด็กๆ เขาจำได้อีกว่าเธอติดเขามาก เขาเดินหนี ยายเด็กนี่ร้องไห้ใหญ่ งอแงจะตามเขาท่าที
เขาต้องเลี้ยงน้อง น้าสาวกับน้าเขยมาทีไร ต้องรับหน้าที่ดูแลน้อง เพราะผู้ใหญ่จะคุยกันนานๆ
จริงๆ ไม่รู้จะเรียกดูแลหรือเปล่าเพราะมินตราเป็นหัวหน้าแก๊งเด็กแสบประจำไร่ ใครไม่รู้จักมินตราคงเชยมากจริงๆ
“พี่เจตน์กินแต่ปลา”
“กินปลาฉลาด อายุยืน”
“กินหมูไม่ฉลาดยังไง”
“กินหมูตายเร็ว”
“เหรอคะ เพิ่งรู้นะคะนี่” เธอตักไข่เจียวหมูสับเคี้ยวตุ้ยๆ