หกเดือนก่อน....
'สุขสันต์วันเกิดอัยญดาลูกรัก'
ฉันยืนอ่านการ์ดสีชมพูอ่อนที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ โชยออกมาจากกระดาษอาร์ตนั้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
"ขอบคุณนะคะคุณพ่อ" เอ่ยขอบคุณเจ้าของกล่องของขวัญชิ้นนี้ก่อนจะหยิบกระดาษอวยพรวันเกิดนั้นขึ้นมาจรดริมฝีปากแผ่วเบา
วันนี้เป็นวันเกิดครบรอบยี่สิบปีบริบูรณ์ของฉัน นางสาวอัยญดา จิตตานิกร นักศึกษามหาลัยเอกชนชื่อดัง m.s.v. ที่ค่าเทอมราคาหกหลักปลาย ๆ
"เดี๋ยวหนูอัยญ์กลับมาเปิดนะคะ" ฉันก้มลงไปพูดกับกล่องขนาดเท่าฝ่ามือที่ห่อหุ้มด้วยกระดาษห่อของขวัญสีขาวลายกุหลาบ ดอกไม้ที่ฉันชื่นชอบที่สุด
"หนูอัยญ์" ครั้นเดินลงมายังชั้นล่างของบ้านหลังใหญ่ เสียงหวานฉบับผู้หญิงวัยกลางคนเรียกชื่อฉันดังขึ้น
"สุขสันต์วันเกิดนะจ๊ะ" แม่นินยื่นกล่องกำมะหยี่สีแดงขนาดเล็กกะทัดรัดมาตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มที่สดใส
"แม่นินไม่น่าลำบากเลยค่ะ" ฉันรับกล่องนั้นมาด้วยความลำบากใจ มองก็รู้ว่าของข้างในต้องมีมูลค่าแน่ ๆ
ส่วนแม่นินที่ว่าเป็นแม่เลี้ยงฉันเอง ฉันสูญเสียแม่แท้ ๆ ตั้งแต่อายุสามเดือนเพราะท่านร่างกายอ่อนแอ ได้แม่นินที่เคยเป็นพยาบาลพิเศษประจำตัวแม่ฉันเลี้ยงตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่
เพราะความใกล้ชิดสนิทสนมและความดีในตัวแม่นินทำให้พ่อฉันแต่งงานใหม่กับท่านตอนฉันอายุสิบสี่ "ลำบากใจอะไรกันจ๊ะ แม่ยินดี"
"แม่ซื้อให้เพราะเป็นวันสำคัญของเรา" แม่นินยิ้มให้ฉัน
"ขอบคุณแม่นินมาก ๆ นะคะ” ฉันสวมกอดออดอ้อนเล็กน้อย
"เดี๋ยวนี้อ้อนเก่งนะเรา" แม่นินผละอ้อมกอดฉันออกก่อนจะทำหน้าล้อเลียน
"หนูอัยญ์ไม่งอนคุณพ่อใช่ไหมลูกที่ปีนี้คุณพ่อไม่ได้อยู่ฉลองด้วย"
แม่นินถามขึ้นด้วยสีหน้ากึ่งลำบากใจ
ปกติไม่ว่าจะเป็นวันเกิดฉันหรือแม่นิน คุณพ่อท่านจะอยู่ร่วมฉลองวันพิเศษนี้อย่างพร้อมหน้าพร้อมตาทุกปี แต่วันนี้เห็นบอกมีธุระด่วนต้องรีบไปจัดการที่ต่างจังหวัดจึงหนีบลุงอำนวย ทนายประจำครอบครัวฉันไปด้วยกันตั้งแต่ไก่ยังไม่ทันโห่
"คุณพ่อคงติดธุระสำคัญจริง ๆ ไว้รอคุณพ่อกลับมาเราค่อยฉลองวันเกิดกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาใหม่นะคะ" ฉันฉีกยิ้มกว้างให้แม่เลี้ยงที่ทำหน้าเศร้า ก่อนที่ท่านจะยิ้มตามจนตาหยี
"แล้วนี่เราจะไปฉลองที่ไหนล่ะ?" แม่เลี้ยงฉันถาม ดูจากการแต่งตัวของฉันท่านคงพอเดาออก แต่ที่ถามคงเพราะเป็นห่วงเลยอยากรู้ไว้
"ยัยรันชวนไปผับแถวทองหล่อค่ะ" ฉันไม่ปิดบัง
วันนี้ฉันยี่สิบปีแล้ว การเที่ยวผับดื่มเหล้าคงไม่เป็นสิ่งต้องห้ามอีกต่อไป แต่ใช่ว่าฉันจะเก่งเรื่องพวกนี้หรอกนะ ที่เที่ยวเป็น ดื่มได้ เพราะเพื่อน ๆ ฉันชวนเที่ยวบ่อยต่างหาก
"อย่ากลับดึกนะลูก ดูแลตัวเองดี ๆ ล่ะ ยิ่งไปกันแต่ผู้หญิงด้วย" แววตาเป็นห่วงเป็นใยถูกส่งมาให้ "หญิงสาม เทียมหนึ่งค่ะ" ฉันยิ้มล้อท่าน ฉันมีเพื่อนสนิทอยู่สามคน
คนที่หนึ่งชื่อ 'ตรีญ่า' สาวสวย ดูเรียบร้อย อ่อนหวาน แถมเป็นเพื่อนที่ฉันสนิทที่สุดเพราะเราคบกันตั้งแต่มัธยมต้น
คนที่สองคือรันรันที่ฉันเพิ่งพูดถึง วันนี้เธอเป็นเจ้ามือจัดงานวันเกิดให้ฉัน และสุดท้ายคือ ฟิลลิ่ง สาวประเภทสองที่หุ่นค่อนข้างบิ๊กไซส์แต่อารมณ์เป็นต่อตกเหยื่อหล่อ ๆ ได้ทีละตั้งหลายคน
สองคนหลังที่ว่าเราเพิ่งคบกันตอนปีหนึ่ง แต่ด้วยความถูกชะตาเลยคบกันเป็นเพื่อนจนถึงทุกวันนี้
"ดูพูดเข้าสิ เดี๋ยวหนูฟิลมาได้ยินก็น้อยใจหรอก" แม่นินยกมือตีแขนฉันเบา ๆ ก่อนจะสวมกอดฉันอีกครั้ง
"รีบไปเถอะจ้ะ กลับไม่ไหวยังไงโทรหาแม่นะ" ฉันพยักหน้าให้ท่านก่อนจะเดินขึ้นรถยุโรปสีแดงเพลิงคู่ใจมุ่งหน้าสู่จุดนัดพบคืนนี้ทันที
LKR night club @20.45
ฉันใช้เวลาขับรถจากบ้านมาคลับ LKR หรือที่ทุกคนเรียกว่า 'แอลเคอร์ คลับ' ราว ๆ สี่สิบนาที จอดรถไว้ริมฟุตบาตเทียบค้างจากัวร์สีขาวสะอาดตาของเพื่อนรักที่มาถึงก่อน
"ทางนี้จ้ะ แม่คนสวยสายเสมอ" ฟิลลิ่งโบกมือเรียกฉันที่หน้าคลับ
"นี่อัยญ์สายไปกี่นาทีเนี่ย" ฉันรีบวิ่งมาหาเพื่อนทั้งสองที่ยืนรออยู่หน้าคลับพร้อมใบหน้ารู้สึกผิด
"โอ้ย อย่าไปฟังยัยฟิลพูดเลย พวกเราดับเครื่องยังไม่หายร้อนหนูอัยญ์ก็จอดตาม" รันรัน สาวลูกครึ่งไทยญี่ปุ่นบอก
"แล้วเรียกว่ามาก่อนมั้ยคะชะนี" ฟิลลิ่งนางไม่ยอมเสียหน้า ต้องเถียงให้ชนะให้ได้ "โอเค ๆ อัยญ์ช้าเอง พอใจหรือยังคะ" ฉันยอมรับผิด ทำเอาเพื่อนสาวเทียมยิ้มร่า
"วันเกิดเพื่อนก็ไม่ยอมนะคุณฟิลลิ่ง" รันรันแขวะเข้าให้
"พอ ๆ เข้าไปข้างในกันเถอะ" ฉันรีบห้ามทัพก่อนที่สงครามจะบังเกิด ดันแผ่นหลังเพื่อนทั้งสองเข้าไปด้านในคลับ
เฮ้อ! เสียดายวันนี้ตรีญ่ามาร่วมฉลองวันเกิดฉันไม่ได้เพราะต้องบินไปต่างประเทศเป็นเพื่อนแม่เธอ
"อื้อ เบา ๆ สิคะ ไลลาเสียว" ฉันเดินรั้งท้ายเพื่อนคนอื่น ๆ หูพลันได้ยินเสียงที่ไม่ควรได้ยินเข้า ตรงจุดนี้ค่อนข้างมืด พอมองไปยังที่มาของเสียงก็มองเห็นไม่ชัดเท่าไหร่ แต่ถ้าให้เดาก็คงกำลังทำเรื่องอย่างว่ากัน
เฮ้อ! ต่อให้เป็นผับ ก็ควรไปทำให้ลับตาคนหน่อยไม่ได้หรือไง
"คุณหนูอัยญ์ เชิญเสด็จได้แล้วค่ะ!" ฉันที่กำลังยืนเสียมารยาทเพ่งมองไปยังเงาร่างสูงที่รู้สึกว่าคุ้นตา ฟิลลิ่งก็ตะโกนเรียกก่อน ฉันเลยต้องรีบเดินไปหาทั้งสองคน
"อ้า เฮียลัค"
กึก... ขาฉันหยุดชะงักเมื่อตอนที่กำลังจะปลีกตัวออกมาผู้หญิงคนนั้นเรียกชื่อบางชื่อขึ้น "ไม่ใช่มั้ง" ฉันพึมพำ
คงไม่ใช่ชื่อเขาหรอก ผู้ชายคนที่อยู่ข้างบ้านฉัน คนที่ฉันแอบเกาะขอบหน้าต่างมองเขาทุกวันไม่กล้าที่จะแสดงความในใจออกมา
"Happy birthday to you Happy birthday to you Happy birthday to Aiyada Happy birthday to... you"
เสียงเพลงวันเกิดฉันดังขึ้นทันทีหลังจากที่พวกเราเลือกโต๊ะนั่งได้ราว ๆ ครึ่งชั่วโมง
"ตรีญ่า" ตาฉันเบิกโตเมื่อเห็นเจ้าของเค้กและเจ้าของเสียงร้องเพลงวันเกิด
"สุขสันต์วันเกิดจ้าหนูอัยญ์เพื่อนรัก" ตรีญ่ายื่นเค้กขนาดสองปอนด์ตกแต่งเป็นรูปใบหน้าฉันพร้อมตัวอักษร H.B.D สีแดง ล้อมรอบด้วยเทียนหลากสีที่ส่องสว่าง
"ขอบใจนะ" ฉันน้ำตาแทบร่วงเมื่อคนที่บอกว่าติดธุระสำคัญกลับมาเซอร์ไพรส์กันได้ "แผนเค้าเอง" รันรันแย้มยิ้มกว้างชี้นิ้วใส่ตัวเองท่าทางคิกขุ
"ร้ายนะเรา" ฉันแกล้งประชด ใบหน้ายังเปื้อนยิ้มอยู่เลย
"ขอพรสิจ้ะ" ตรีญ่าที่ยังถือเค้กไว้ในมือบอก
ฉันพยักหน้าก่อนจะพนมมือพร้อมหลับตาลงช้า ๆ
พรข้อแรกคงไม่พ้นขอให้คุณพ่อกับแม่นินสุขภาพแข็งแรงอยู่กับฉันนาน ๆ ส่วนพรข้อที่สองคงหนีไม่พ้นขอให้อัยญดาคนนี้ไม่เจ็บไม่ไข้ และพรข้อสุดท้าย..
ขอให้ฉันสมหวังกับผู้ชายคนนั้นที
ฟู่...ฉันเป่าเทียนที่ส่องสว่างจนมอดดับครบทุกแท่ง ก่อนจะมีเสียงปรบมือดังรอบ ๆ บริเวณที่พวกเราสี่คนนั่งอยู่
"ขอพรแล้ว เป่าเทียนแล้ว ที่เหลือเอามานี่ค่ะ" ฟิลลิ่งรีบแย่งเค้กในมือตรีญ่าไปถือไว้ ก่อนที่เธอจะแลบลิ้นเลียมุมปากท่าทางหวานหมู
"กินแบบนี้ไง ถึงได้หุ่นบิ๊กมาม่า" รันรันแขวะ
"หุ่นแบบนี้แต่ไม่นกผู้นะขอบอก" ฟิลลิ่งต่อปากต่อคำได้เจ็บช้ำน้ำใจเพื่อนอย่างรันรันมาก และที่เธอพูดล้วนเป็นความจริง แม้ฟิลลิ่งจะหุ่นอวบใหญ่แต่ใบหน้าเธอสวยหวานในฉบับคนอ้วน ทำให้มีหนุ่ม ๆ หลายคนที่รสนิยมอย่างว่าเข้ามาจีบเธอ
"จ้า ๆ แม่ฟิลลิ่งผู้มีผัวทั่วปฐพี" รันรันเองก็ไม่น้อยหน้า
สองคนนี้เป็นไม้เบื่อไม้เมากันน่ะ
"นี่จ้ะ ของขวัญวันเกิดหนูอัยญ์เพื่อนรัก" ตรีญ่าสะกิดฉันก่อนจะยื่นกล่องของขวัญสีขาวขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่มาให้
"ไม่เห็นต้องลำบากเลย อัยญ์เกรงใจ"
"พูดแบบนี้ทุกปี"
จบเสียงพูดของตรีญ่า ทุกคนในโต๊ะต่างหัวเราะออกมายกใหญ่
ใช่ ถึงแม้จะจัดงานวันเกิดกี่ครั้ง กี่ปี ฉันก็มักจะพูดแต่ประโยคเดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่แบบนี้
"เพราะฉันเดาได้ว่าหนูอัยญ์ต้องพูดแบบนี้ ปีนี้ก็อดของขวัญนะจ๊ะ" รันรันชูนิ้วชี้ไปมาพร้อมส่ายหัวประกอบคำพูด
"แค่ชวนอัยญ์มาเปิดหูเปิดตาก็นับเป็นของขวัญชิ้นสำคัญแล้วล่ะ" ฉันยิ้มให้เธออย่างซาบซึ้ง