บทที่9

1188 คำ
“คุณกล้ามากแววดาวที่ตบหน้าผม แล้วคุณอะไรไหมคุณหนูผู้สูงส่ง! ว่าผมจะเอาคืนคุณยังไง!” สิ้นเสียงใบหน้าอ่อนหวานก็ถูกกระชากเข้าหาก่อนที่ภาคินัยจะลงโทษคนที่กล้าตบหน้าเขาด้วยจูบที่เร้าร้อนรุนแรงจนอีกฝ่ายน้ำตาไหล แต่นั่นก็หาได้ทำให้เขายอมใจอ่อนกับเธอไม่! แววดาวไม่เคยรู้สึกเกลียดใครเท่าผู้ชายคนนี้มาก่อน เขาช่างต่างจากพี่ทัชของเธอ และเธอไม่มีวันยอมให้คนๆ นี้มามีสิทธิ์ทุกอย่างในตัวเธอ ไม่มีวัน! อาการดิ้นรนขัดขืนของคนดื้อเงียบทำให้ภาคินัยต้องกำราบหล่อนด้วยจูบที่รุนแรงขึ้นกว่าเดิม เขาเลื่อนฝ่ามือลงต่ำพร้อมบีบเคล้นทรวงอกที่มองด้วยตาคงไม่มีทางรู้ว่ามันซ่อนความใหญ่โตเอาไว้มากเพียงใด กระทั่งเมื่อได้สัมผัสด้วยมือถึงรู้ ว่าผู้หญิงคนนี้มีดีมากกว่ารูปกายภายนอกที่เห็น ก็ยิ่งรู้สึกพึงพอใจจนเกิดกลายเป็นความหวงขึ้นมา “ยะ…อย่านะ!” “อย่าห้ามเพราะผมจะไม่มีวันหยุด! ไหนๆ เราก็จะแต่งงานกันอยู่แล้ว ขอผมเช็คสภาพสินค้าหน่อยจะเป็นไรไป ผมจะได้ประเมินสินสอดได้ถูกว่าผู้หญิงอย่างคุณควรจะต้องจ่ายเท่าไหร่ มันถึงจะเหมาะสมดี” คำพูดนั้นกัดกินใจคนฟังด้วยน้ำตาไหล สุดท้ายไม่ว่าใครต่างก็เห็นเธอเป็นเพียงแค่สิ่งของชิ้นหนึ่งเท่านั้น ไม่มีใครเลยสักคนที่จะมองเห็นเธอที่เป็นตัวเธอ ไม่มีเลยจริงๆ คนที่ก่อนหน้าเคยดิ้นรนขัดขืนกันสุดกำลังจู่ๆ ก็แน่นิ่งไปเสียดื้อๆ ทำให้ภาคินัยจำต้องหยุดทุกสิ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง ภาพที่เห็นทำให้เขารู้สึกผิดจนต้องผละตัวถอยห่าง อารมณ์กรุ่นโกรธก่อนหน้าก็พลอยหายไปตามลม “อย่าร้องไห้! ผมไม่ชอบผู้หญิงเจ้าน้ำตา” แม้จะดุแต่มือทั้งสองกลับคว้าเอาคนขี้แงเข้ามากอดไว้คล้ายจะปลอบ แม้ว่าอีกฝ่ายจะพยายามขัดขืน แต่สุดท้ายก็ไม่อาจสู้แรงที่มีมากกว่าของเขาไปได้อยู่ดี “นิ่งเสีย…” คำปลอบโยนที่มาพร้อมสัมผัสเบาๆ ที่แผ่นหลังยิ่งทำให้แววดาวร้องไห้หนักขึ้น เธอรู้สึกเกลียดผู้ชายคนนี้มาก แต่กลับรู้สึกว่าอ้อมกอดของเขานั้นอบอุ่นอย่างน่าประหลาด ความรู้สึกนั้นเองที่ทำให้เธอหยุดทุกการดิ้นรน ก่อนจะปล่อยให้คนป่าเถื่อนกอดปลอบอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน ภาพของอินทัชที่มักจะขับรถกลับมาทานข้าวเที่ยงกับภรรยาเป็นประจำทุกวันเป็นภาพที่ใครต่อใครได้เห็นจนชินตา แต่คนหน้ามึนหรือจะสนใจ เมื่อมีกับข้าวอร่อยๆ ฝีมือเมียให้กลับมากินทำไมเขาจะต้องไปแย่งพวกคนงานกินที่โรงครัวให้เหนื่อย นั่นคือเหตุผลที่เขามอบให้กับตัวเอง “วันนี้ทำอะไรกิน” พลอยบุหลันยิ้มรับกับเสียงตะโกนก้องที่ดังมาจากด้านหลัง เมื่อหันกลับไปมองก็พบสามีที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยดินโคลนซึ่งมันไม่ใช่ภาพที่น่าตกใจเท่าไหร่ มากกว่านี้เธอก็เคยเห็นมาแล้ว “มีทอดมันกุ้งค่ะ แล้วก็ต้มยำไก่ คุณทัชออกไปรอข้างนอกเถอะค่ะเดี๋ยวเทียนยกออกไปให้” อินทัชไม่ได้ตอบรับอะไรนอกจากยืนอยู่กับที่ เฝ้ารอกระทั่งทุกอย่างเสร็จพร้อมเสริฟ เขาถึงได้ช่วยเธอยกออกมาด้วยตัวเอง การกระทำนี้ของเขาทำให้พลอยบุหลันแปลกใจแต่ก็ไม่กล้าถามเพราะกลัวคำถามของเธอจะทำให้บรรยากาศดีๆ ที่นานๆ ครั้งนี้จะเกิดขึ้นต้องพังลง เธอชอบที่เขาพูดดีด้วย เพราะมันทำให้บ้านดูน่าอยู่ขึ้น “อร่อยไหมคะ” พลอยบุหลันเอ่ยถามพร้อมขยับกับข้าวที่ตั้งใจทำอย่างสุดฝีมือไปให้สามีได้ตักถึงง่ายๆ ส่วนเธอจะลำบากก็ไม่เป็นไร “งั้นๆ พอกินได้” แม้เจ้าตัวจะพูดเช่นนั้นแต่ก็ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่เขาจะกินเหลือ ไม่นานกับข้าวทั้งหมดก็หมดเกลี้ยงเหมือนอย่างทุกวัน “ลูกเป็นไงมั้ง” คนที่นานๆ ครั้งจะเอ่ยถึงลูกน้อยตัดสินใจถามเมื่อสังเกตเห็นว่าหน้าท้องของพลอยบุหลันในตอนนี้นั้นขยายใหญ่กว่าเดิมเล็กน้อย ไม่รู้ทำไมช่วงนี้เขาถึงได้เหมือนโรคจิตเข้าไปทุกที คอยแต่จะแอบมองหน้าท้องของเธอทุกครั้งที่มีโอกาส ยิ่งวันนี้ได้เห็นคนงานหญิงที่เพิ่งจะคลอดลูก ก็ยิ่งอยากรู้ว่าลูกของตัวเองจะน่ารักแค่ไหน อยากรู้ทั้งๆ ที่ปกติแล้วเขาไม่เคยชอบเด็กมาก่อน แต่พอเป็นลูกของตัวเองกลับรู้สึกรักทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เห็นหน้าด้วยซ้ำ อยากปกป้องไม่ให้แกต้องเจอกับคนเลวๆ เหมือนอย่างที่เขาเคยเจอ “ปกติดีค่ะ อีกหน่อยแกคงเริ่มดิ้น” ว่าที่คุณแม่ตอบกลับเสียงใส ดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่ เมื่อจู่ๆ คนตรงหน้าก็เอ่ยถามถึงลูกน้อยขึ้นมา “จะเป็นเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชายกันนะ เธอล่ะคิดว่าไง” หากถามเขา เขาก็คงอยากได้เด็กผู้ชายมากกว่าจะได้ช่วยกันดูแลสวน แต่ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงก็คงดีไม่น้อย จะได้มีคนเอาไว้ให้อ้อนยามกลับถึงบ้านเหนื่อยๆ “เทียนยังไงก็ได้ค่ะ ผู้หญิงหรือผู้ชายเทียนก็รักทั้งนั้น” แต่หากเลือกได้จริงเธอก็อยากได้ผู้หญิงเพราะดูจะเลี้ยงง่ายกว่าเด็กผู้ชาย แต่ถ้าเป็นเด็กผู้ชายจริงก็คงต้องเหนื่อยหน่อย เพราะไม่รู้จะได้นิสัยใครไป แม่ขอล่ะ… ถ้าหนูเป็นเด็กผู้ชายอย่าอารมณ์ร้ายเหมือนพ่อเลย อินทัชตัดสินใจลากเอาแม่ของลูกออกมาด้วยในช่วงบ่ายเพราะไม่อยากให้พลอยบุหลันต้องอยู่แต่บ้านทั้งวัน เขาแอบถามไอ้รักคนสนิทมาแล้วว่าตอนที่เมียของมันท้องในฐานะของสามีต้องทำอะไรบ้าง และคำตอบที่ได้มาก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำ “ออกมาเดินเล่นเปิดหูเปิดตาเสียบ้าง จะได้ไม่เบื่อ” คำพูดนั้นทำเอาคนฟังยิ้มกว้าง ยอมรับว่าดีใจที่เขาพาออกมาข้างนอกบ้าง แม้การอยู่ที่บ้านจะไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไรเท่าไหร่ แต่เธอก็อยากออกมามองดูโลกข้างนอกบ้าง อย่างน้อยก็อยากช่วยงานของเขา แม้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี “ขอบคุณนะคะคุณทัช” “ไม่มีใครสอนเลยรึไงว่าจะขอบคุณผัวทั้งทีแค่พูดเปล่าๆ มันไม่พอ” อินทัชตอบรับก่อนจะคว้าเอวบางเข้ามาหาตัวเบาๆ เขาตวัดสายตามองลูกน้องที่ต่างก็พากันยิ้มล้อเลียนไม่กี่นาทีพวกมันก็พากันสลายตัวอย่างรู้งานถึงได้ก้มต่ำกระซิบบอกบางสิ่งกับคนในอ้อมกอด…
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม