เมื่อพัทธ์ธีราจัดการให้เด็ก ๆ พักดื่มนมและทานของว่าง ส่วนราชันย์ดื่มชาอุ่น ๆ กับขนมคุ๊กกี้ธัญพืชที่หญิงสาวเตรียมไว้ให้เขา ชายหนุ่มนั่งมองหญิงสาวเพลิน ตอนนี้เธอเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขา เธอคอยดูแลเขากับลูกทุกเรื่อง เธอทำให้เขาหลงเสน่ห์เธอเพิ่มขึ้นได้ทุกวัน ทำให้เขารู้สึกติดใจทั้งเสน่ห์ปลายจวัก ทั้งกิริยาท่าทาง การพูดจาเสียงหวาน ๆ เธอเป็นทั้งอาหารปากอาหารตาอาหารหูในคนคนเดียว ราชันย์พิจารณาอย่างละเอียด แม้ว่าเธอจะอวบขึ้นจากเมื่อก่อน ก่อนจะอุ้มท้องลูกแฝดของเขา แต่เธอก็ยังค่อนไปทางเอวบางร่างน้อยอยู่ดี ถ้าเธอเป็นเมียเขา โดนเขาจับกดลงเตียงทีเดียว เอวเธอจะหักหรือเปล่า เอ๊ย! แล้วเขาจะคิดอะไรไปไกลถึงไหนเนี่ย! ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยผ่านผู้หญิงมา แต่ผู้หญิงที่เขาเคยผ่านมานั้นล้วนแล้วแต่เหมือนกันทั้งหมด นั่นก็คือ..หาที่จริงใจได้ยาก ส่วนมากจะเข้าหาเขาเพราะรูปร่างหน้าตาและเงินทองของเขาเสียมากกว่า เมื่อเขาให้ความสำคัญเข้าหน่อย เจ้าหล่อนก็เจ้ากี้เจ้าการแสดงความเป็นเจ้าของเจ้าชีวิตจนน่ารำคาญ อีกทั้งยังจุกจิก จู้จี้ จุ้นจ้าน ละลาบละล้วงทุกเรื่องไม่เว้นแม้แต่เรื่องส่วนตัว และยังหึงหวงอาละวาดอย่างไม่มีสาเหตุ ทำให้เขาไม่อยากจะมีเมียตั้งแต่นั้นมา แต่ตอนนี้ ลูกทำให้ความคิดเขาเริ่มเปลี่ยน นึกอยากจะลองมีเมียขึ้นมา ลูกอ้อนน่ารักขนาดนี้ แล้วเวลาเธออ้อนจะขนาดไหน ลูกก็คงเหมือนแม่ ติดนิสัยขี้อ้อนช่างเอาใจจากแม่ เขารู้สึกอยากรู้อยากลองว่าถ้ามีเมียแล้วจะเป็นยังไง จะเป็นอย่างที่เขาคิดไว้หรือเปล่า ตอนนี้เขาหาเกมส์เพื่อมาเล่นกับลูก ๆ เกมที่จะทำให้ลูกสนุกสนานและเขาจะได้ใกล้ชิดแม่ของลูกด้วย
“มีใครจะเล่นเกมกับป่าป๊าอีกมั้ยน้าา..” ราชันย์เอ่ยถามขึ้นหลังจากลูกทั้งสองนอนกลางวันกันเรียบร้อยแล้ว และเป็นเด็กดี ตื่นมาด้วยรอยยิ้มสดใสไม่ร้องไห้งอแง
“พีเล่นคับ ยะดาเย่นค่ะ”
“มีคนจะเล่นกับป่าป๊าแค่นี้เหรอครับ”
“หม่าม้าด้วยคับ หม่าม้ามาเล่นด้วยกันนะค้าบบบ..” เจ้าหนูรพีร์ไปกอดแขนอ้อนแม่ แล้วเธอจะทนแรงอ้อนจากลูกได้ยังไง ก็ต้องยอมลูกเหมือนเดิม
“ค่ะ หม่าม้าเล่นด้วย”
“เกมอะไยคะป่าป๊า”
“เกม..ตา หู จมูก ปาก ครับ”
“เย่น ๆ เยยค่ะ”
“กติกาก็คือ..เมื่อป่าป๊าพูดอะไรออกมา จะต้องจับให้ถูกตำแหน่ง คนไหนจับผิดจะโดนลงโทษโดนจุ๊บตรงที่จับผิด เข้าใจมั้ยครับ”
“เข้าใจคับ เข้าใจค่ะ”
“เธอล่ะ” ชายหนุ่มหันมาถามหญิงสาวที่ยืนนิ่งไม่ตอบ
“เข้าใจค่ะ” เกมของเด็ก ๆ ง่าย ๆ แบบนี้ใครจะทำผิดล่ะ เธอคิด
“ฟังให้ดี เริ่มกันเลยนะ..ตา หู จมูก ปาก” ราชันย์บอกออกมาตามปกติ
“ว้า! ไม่มีใครจับผิดเลย”
“ฮิ ๆ ฮิ ๆ” เด็ก ๆ หัวเราะชอบใจที่เห็นพ่อทำหน้าจ๋อย
“รอบนี้ตั้งใจฟังกันให้ดีล่ะ หูตาจมูกปาก” เขาเริ่มบอกเร็วขึ้น
“ฮ่า ๆ ๆ รดามาให้ป่าป๊าลงโทษเลยครับ จับหูกับตาสลับกันใช่มั้ย” ราชันย์จุมพิตเปลือกตากับใบหูของลูกสาวจนหนูน้อยหัวเราะคิกคักเพราะจั๊กจี้
“ป่าป๊าจะบอกแล้วนะ..” ชายหนุ่มมองใบหน้าหญิงสาวที่กำลังรอฟังเขาอย่างตั้งใจ
“หูตาปากจมูก!” ราชันย์บอกออกมาอย่างรวดเร็วจนพัทธ์ธีราจับสลับกันไปหมด
“ฮิ ๆ หม่าม้ากะพีจับผิดต้องโทษลงโทษ”
“ก็ทุกครั้งจะจบที่ปากนี่นา” เธอพึมพำออกมาเบา ๆ ก่อนจะเหลือบไปมองคนที่ยืนยิ้มกริ่มอย่างผู้ชนะ
“เจ้าพีจับผิดตรงไหนบ้างเมื่อตะกี้ มาให้ป่าป๊าลงโทษเสียดี ๆ” เจ้าหนูรพีร์ก้าวเข้ามาให้พ่อลงโทษ ในขณะที่แม่ของลูกยังคงยืนนิ่ง
“เมื่อกี้เธอจับผิดตรงไหน..”
“เอ่อ..” งื้อ..จะให้เธอตอบไปว่าปากน่ะเหรอ”
“ปากค่ะป่าป๊า ยะดาจำได้”
“รดา! ไม่คิดจะช่วยหม่าม้าเลยนะลูก” เธอบ่นออกมาเบา ๆ ก่อนจะถูกมือหนาคว้าเอวเข้าไปประชิดร่างแกร่งและโดนริมฝีปากหนากดลงมาจุมพิตปากอิ่มของเธอทั้งเร็วและแรง
“คุณราชย์!” มือบางยันอกแกร่งไว้และพยายามจะเบี่ยงหน้าหนีใบหน้าคม
“เมื่อกี้ผิดตรงไหนอีกบ้าง” ราชันย์กระซิบถามข้างใบหูบาง พัทธ์ธีราสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่เป่ารดใบหูและต้นคอของเธอ
“อย่าค่ะ! ลูกมองอยู่!” หญิงสาวเอ่ยปรามชายหนุ่มที่เข้ามาแนบชิดเธอจนมากเกินควร
“ฉันจำได้ว่าตรงนี้ด้วย..” ราชันย์กดริมฝีปากจูบใบหูบางแผ่วเบาแต่กลับทำให้เจ้าของรู้สึกวูบวาบไปทั้งกายก่อนที่เขาจะละมือออกจากร่างบางช้า ๆ แล้วหันไปถามลูกทั้งสอง
“เล่นเกมกับป่าป๊าวันนี้สนุกมั้ยครับ มีใครอยากเล่นอีกบ้าง”
“ฉะหนุกคับ พีอยากเล่นอีก ยะดาอยากเย่นอีกค่ะป่าป๊า”
“ว้า! มีคนอยากเล่นแค่นี้เองเหรอ” เขาปรายตามองหญิงสาวที่ยืนมองเขาตาแป๋วใบหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม แต่แก้มสีชมพูระเรื่อนั่นชวนให้สัมผัสยิ่งนัก
“หม่าม้าฉะหนุกไหมคะ”
“นั่นสิ ไม่สนุกเหรอ..” ราชันย์เอ่ยถามออกมา
“หึ! คนขี้โกง” พัทธ์ธีราพึมพำออกมาเบา ๆ แต่ทำให้คนที่ได้ยินคำตอบนั้นถึงกับยิ้มชอบใจ
“เย่นอีกได้มั้ยคะป่าป๊า” หนูน้อยรดาอ้อน
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวมีคนเคืองป่าป๊า เราไปเตรียมตัวทานมือเย็นกันดีกว่า” ราชันย์จูงมือลูกทั้งสองไปล้างมือ พัทธ์ธีรายืนมองทั้งสามก่อนจะยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู
เมื่อถึงเวลาเข้านอน พัทธ์ธีราพาลูกทั้งสองเข้านอนอย่างเช่นทุกคืน แต่คืนนี้เจ้าหนูรพีร์เห็นน้องสาวจุ๊บหน้าอกของแม่ เขาก็อยากจะจุ๊บบ้าง
“ขอพีจุ๊บด้วย พีกินนมหม่าม้าได้มั้ยคับ”
“พีร์เป็นผู้ชาย จำที่ป๊าเคยสอนได้มั้ย ผู้ชายต้องเป็นสุภาพบุรุษ เราต้องรู้จักสิทธิส่วนบุคคล คือ จับหน้าอกแม่หรือผู้อื่นไม่ได้ และเราไม่ควรให้ผู้อื่นมาดูหรือจับของสงวนของเราด้วย” ราชันย์ที่ยืนมองแม่ลูกอยู่ตรงประตู เขาเดินเข้ามาสอนให้ลูกเข้าใจ
“ละดาทำได้ ทำไมพีทำไม่ได้” หนูน้อยถามพ่อด้วยความสงสัย
“พีร์ครับ เราโตแล้ว ไม่ดื่มนมจากขวดหรือว่าจากเต้าเหมือนอย่างเบบี๋กันแล้วนะครับ
“ป่าป๊าก็ไม่ดื่มนมจากเต้าใช่มั้ยคับ”
“ใช่สิครับ ป๊าโตแล้ว เราไปดื่มนมจากกล่องกันดีกว่านะครับ” ราชันย์บอกกับลูกชาย ระหว่างที่ลูกดื่มนมก่อนนอน พัทธ์ธีราก็เล่าให้ลูกทั้งสองฟังว่าตอนเด็ก ๆ นั้น น้องรดาช่วยหม่าม้าปั๊มนมส่งไปให้พีร์ เพียงแต่ว่าพีร์ไม่ได้ดื่มนมโดยตรงจากอกของหม่าม้าก็เท่านั้น เมื่อเธอเห็นลูกชายทำหน้าเศร้าราวกับจะร้องไห้ เธอก็อ้าแขนเรียกลูกชายตัวน้อย
“มาครับน้องพีร์ มาให้หม่าม้ากอด” หลังจากแยกย้ายกันที่โรงพยาบาล ลูกก็ไม่ได้กินนมจากอกอีกเลย ไม่ได้สัมผัสความอบอุ่นจากอกแม่ เธอรู้สึกทั้งสงสารและเอ็นดูลูก
“อกหม่าม้าอุ่นจังเลยคับ อกหม่าม้านุ่ม ตัวหม่าม้าห๊อมหอม” เจ้าหนูรพีร์อ้อนกอดซุกไออุ่นจากอกแม่ พัทธ์ธีราก็กอดลูกไว้แน่นเช่นกัน
ราชันย์ยืนมองเจ้าหนูรพีร์อ้อนแม่ นี่เจ้าลูกชายของเขาไร้เดียงสาหรือว่าเจ้าเล่ห์เจ้าชู้ตั้งแต่เด็กกันแน่ เขาชักจะไม่แน่ใจ ตอนนี้รู้สึกหมั่นไส้เจ้าตัวดีเสียเหลือเกิน ออดอ้อนออเซาะเกินหน้าเกินตา ไม่เกรงใจป่าป๊าที่ยืนอยู่เลย เขาก็เริ่มไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่าแท้จริงแล้วเขาหมั่นไส้หรือว่าอิจฉาลูกกันแน่ ชายหนุ่มปล่อยให้แม่ลูกกอดกันจนได้เวลานอน เขาก็ชวนเธอออกจากห้องของลูก
“เธอจะไปดูลูกในห้องฉันหรือเปล่า”
“เอ่อ..ไม่ต้องก็ได้ค่ะ ลูกนอนเองได้แล้ว” เธอรู้สึกเกรงใจเขา ไม่อยากให้เขาหาว่าเธอเข้าไปก้าวก่ายในห้อง
“ถ้าเธออยากเข้าไปดูลูกเมื่อไหรค่อยบอกก็แล้วกัน” ราชันย์ทำหน้าขรึมเสียงเข้ม
“ค่ะ” พัทธ์ธีราทำหน้างุนงง ไม่เข้าใจชายหนุ่ม ตอนอยู่ในห้องลูกเสียงเขายังปกติอยู่เลย มาตอนนี้เปลี่ยนเป็นเสียงเข้มดุดันอีกแล้ว และยังปิดประตูใส่เธออีก หญิงสาวคิดก่อนจะก้าวไปยังห้องของตัวเอง
เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากพัทธ์ธีราเข้ามาปลุกลูกทั้งสอง ลูกอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยเธอก็พาลูกออกไปเล่นในห้องของเล่นที่อยู่ถัดไป เมื่อพี่เลี้ยงเข้ามาอยู่กับลูก เธอก็เข้าไปดูความสะอาดเรียบร้อยและจัดห้องของลูก โดยเธอไม่ทันสังเกตว่าราชันย์เดินตามเธอเข้ามาในระยะกระชั้นชิด หญิงสาวหมุนตัวหันมากระทันหันจึงชนเข้ากับร่างสูงอย่างจัง
“ว้าย!” ก่อนที่เธอจะผงะหงายหลังล้มลงไปบนเตียงของลูกชาย มิหนำซ้ำเธอยังคว้าแขนคนตัวโตจนเขาล้มตามลงมาทาบทับบนตัวเธออีกด้วย ใบหน้าเขาก็ซุกซบลงบนอกเธออย่างเหมาะเจาะพอดี
“ป่าป๊าบอกพีว่าโตแล้วไม่กินนมจากเต้าไงคับ ทำไมป่าป๊ากินนมหม่าม้า” เจ้าหนูรพีร์ที่กลับมาเอาตุ๊กตาบาร์บี้ เข้ามาเห็นพ่อกำลังซบอกแม่อยู่พอดี
“เอ๊ย! ป่าป๊ายังไม่ได้กิน!” ราชันย์บอกพร้อมกับยันตัวลุกออกจากร่างบางที่เขานอนทับเธออยู่
“ไม่ใช่อย่างที่พีร์เห็นนะครับ”
“แย้วป่าป๊าหม่าม้าทำอะไยกันคะ” หนูน้อยรดาที่ตามพี่ชายมา ถามด้วยความสงสัย
“หลือว่าป่าป๊าเล่นมวยปล้ำกับหม่าม้าคับ”
“มวยป้ำ ๆ”
เจ้าหนูรพีร์กระโดดพุ่งเข้าใส่ราชันย์จนเขาล้มทับลงบนร่างบางอีกครั้ง ไม่พอแค่นั้น ลูกทั้งสองยังขึ้นมาขี่มาทับอยู่บนตัวเองอีก กลายเป็นว่าแม่ของลูกถูกทาบทับอยู่ด้านล่างสุด
“ระวังลูกจะตกเตียงนะคะ” แทนที่เธอจะต่อว่าเขากับลูกแต่เธอกลับห่วงความปลอดภัยของลูกมากกว่า ชายหนุ่มเองก็เช่นกัน เขาปล่อยให้ลูกเล่นลูกปีนป่ายแต่ยังคอยระวังความปลอดภัยของลูกไปด้วย ทำให้ทั้งสองกายแนบชิดกัน ราชันย์ขยับหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้างามโดยไม่รู้ตัว เขาสูดกลิ่นกายหอม ๆ ของเธอเหมือนแป้งเด็ก หอมเหมือนลูก เขารู้สึกอยากสัมผัสแก้มนวลขาวอมชมพูนั่นอีก ที่เขากับเจ้าลูกชายรู้ดีว่าทั้งนุ่มทั้งหอมมากแค่ไหน
“พอได้แล้วนะครับเจ้าแฝด หม่าม้าโดนทับจนแบนแล้ว” เขารู้สึกสงสารร่างบางที่ต้องรับน้ำหนักทั้งเขาและลูกทั้งสอง ชายหนุ่มเอื้อมมือไปด้านหลังโอบตัวลูกไว้ก่อนจะพลิกตัวออกจากหญิงสาวลงไปนอนบนเตียงใกล้ ๆ กัน
“ฉะหนุก เอาอีก เล่นอีกนะป่าป๊า”
“ค่อยเล่นอีกนะ พีร์ รดา ช่วยดึงหม่าม้าขึ้นมาก่อน” ราชันย์บอกพร้อมกับดึงร่างบางให้ลุกขึ้นมา ด้วยความคับแคบของเตียงลูกชาย พัทธ์ธีราถูกดึงรั้งขั้นมานั่งอยู่บนตักเขา เจ้าหนูรพีร์กระโดดขึ้นมานั่งซ้อนตักแม่ หนูน้อยรดาก็ปีนขึ้นมานั่งบนตักพี่ชายอีก
“หึ ๆ ฮิ ๆ” ทั้งพ่อทั้งลูกหัวเราะชอบใจกันอย่างสนุกนานโดยไม่สนใจผู้เป็นแม่ที่มีอาการทั้งเขินทั้งเกร็งเพราะเขากำลังโอบกอดเธอกับลูกไว้ทั้งสามคน สรุปว่าเธอแทบจะไม่ได้จัดห้องให้ลูกเพราะความป่วนของลูกทั้งสองและพ่อของเขาด้วย
เมื่อเริ่มเปลี่ยนความคิด รู้สึกว่าอุดมการณ์ที่ตั้งมั่นไว้ว่าจะไม่มีเมียนั้นเริ่มสั่นคลอนเพราะเธอกับลูก ๆ จนเวลาผ่านมาหนึ่งเดือนที่อยู่ร่วมกัน ราชันย์สั่งให้ลูกน้องของเขาไปจัดการเคลียร์ทุกอย่างที่ภูเก็ต ปิดโฮมสเตย์ และให้ลูกน้องขนย้ายข้าวของเสื้อผ้าของเธอกับลูกเอากลับมาที่บ้านของเขาทั้งหมด
ฝ่ายภีรภาคจู่ ๆ หลังจากพัทธ์ธีราเงียบหายไปโดยไม่บอกไม่กล่าว ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วก็ไร้วี่แววของหญิงสาว เบอร์โทรศัพท์ของเธอ เขาไม่เคยได้ขอไว้เพราะความเกรงใจ จนตอนนี้เขาติดต่อเธอไม่ได้ รู้สึกโกรธตัวเองที่ไม่ได้ขอเบอร์ของหญิงสาวไว้และรู้สึกเป็นห่วง เขาวนเวียนมาดูที่โฮมสเตย์บ่อยครั้งก็พบกับความว่างเปล่า ยังคงปิดเงียบเหมือนเดิม เขาได้แค่สงสัยว่าเธอกับลูกสาวหายไปไหนกัน
“ไม่ไปหากูเลยนะมึง” ภีรภาคย์เอ่ยทักทายราชันย์เมื่อเขามาหาเพื่อนที่บ้าน
“ไอ้ภีม! มึงกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“กูเพิ่งกลับมาได้สองวัน”
“พายุอะไรพัดมึงมาถึงบ้านกูล่ะ ปกติเสืออย่างมึงกลางวันไม่เคยออกจากถ้ำไม่ใช่เหรอ มึงเปลี่ยนออกมาล่าเหยื่อตอนกลางวันตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ตั้งแต่กูรู้จักแม่เลี้ยงเดี่ยวนั่นมั้ง กูได้ใช้ชีวิตกลางวันมากขึ้น เพราะเด็ก ๆใช้เวลากลางวัน”
“มึงเลยออกมาล่อเหยื่อกระดูกอ่อน ๆ เด็กวัยกระเตาะน่ะเหรอ”
“ขอสักทีได้มั้ย อยากต่อยปากมึง เห็นหน้ากูเป็นเ*******ูหรือไง”
“หรือว่าไม่จริง!”
“มึงไม่ต้องมาบ่ายเบี่ยงเฉไฉเรื่องของกูเลย อย่าคิดว่ากูไม่รู้ไม่เห็น ผู้หญิงที่เดินเข้าไปในครัว กูเห็นหลังแว๊บ ๆ นั่นใครวะ”
“แม่ของลูกกู”
“เมียมึง!”
“แม่ของลูก! ไม่ใช่เมีย!”
“อะไรของมึงวะ แม่ของลูกมึง จะไม่ใช่เมียมึงได้ยังไง”
“ก็เธอเป็นแค่แม่ของลูก แต่ยังไม่ได้เป็นเมียกู มึงจะงงอะไร”
“เออ! กูงง..ไหนว่าเลิกกันแล้ว ทำไมมึงไม่ปล้ำรวบหัวรวบหางเอามาทำเมียเสียเลยล่ะ กูจะได้เลิกงง”
“ไอ้นี่วอนหาเรื่องชะมัดเลย ว่าแต่มึงเถอะ เมื่อไหร่จะมีเมีย หรือว่ารอให้เด็กที่มึงเลี้ยงโตพอจะใช้งานได้เสียก่อน”
“กูไม่ได้คิดอะไรกับเด็กนั่นจริง ๆ เว้ย เลี้ยงเหมือนหลาน แต่ถ้ามึงมีลูกสาวก็ว่าไปอย่าง กูจะรอลูกสาวของมึง ฮ้า ฮ้า ฮ้า!”
“ไปไกล ๆ กูเลยไอ้ภีม เลิกเป็นเพื่อนกับกูเลย มึงอย่าแม้แต่จะคิดมายุ่งมาแตะลูกสาวกูเด็ดขาด”
“อะไร? มึงพูดราวกับว่ามึงมีลูกสาวจริง ๆ อย่างนั้นแหละ”
“ก็มีจริงน่ะสิ กูก็เพิ่งรู้ว่าเจ้าพีร์มีน้องสาวฝาแฝด”
“นี่มันเรื่องอะไร มึงไม่ได้ล้อกูเล่นใช่มั้ย”
“เรื่องแบบนี้ใครจะเอามาล้อเล่น”
“นี่เนื้อคู่กูมาเกิดแล้วเหรอวะ มาแบบปุบปับรวดเร็วทันใจ โตทันใช้มาเลยด้วย”
“ไปไกล ๆ ตีนกูเลยนะมึง”
“นี่มึงไม่คิดจะแนะนำลูกเมียให้กูรู้จักหน่อยหรือไง”
“ไม่!”
“ทำไม? กูไม่ดีตรงไหน”
“มึงไม่ดีทุกตรง”
“อะไรวะ! กูออกจะเพรียบพร้อม”
“มึงเลิกคิด แล้วก็หยุดพูดแบบนี้อีก ถ้ามึงยังไม่อยากให้กูเตะมึงออกไปจากชีวิต”
“แหม..ไอ้พ่อเสือ หวงลูกจริงๆ เว้ย!”
“น้ำชากับของว่างค่ะคุณราชย์” หญิงสาวนำของว่างมาให้ชายหนุ่มอย่างเช่นทุกวันโดยไม่ได้สังเกตว่ามีเพื่อนของเขายืนอยู่ริมหน้าต่างด้วย
“พัท!”
“คุณภีม!”
“พัทมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง..หรือว่า..” ภีรภาคย์แปลกใจที่เจอหญิงสาวที่บ้านของเพื่อน เขาเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมด
“เอ่อ..ฉันขอตัวไปทำงานต่อนะคะ”
“เดี๋ยวสิพัท! คุยกับผมก่อน..” ภีรภาคย์เรียกหญิงสาวไว้แต่เธอก้าวออกไปเสียก่อน
“ไอ้ภีม! มึงไปคุยกับกูให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้!” ราชันย์ลากเพื่อนออกมาริมสระว่ายน้ำข้างบ้าน
“ลากกูออกมานี่จะคุยเรื่องอะไรของมึง”
“แม่เลี้ยงเดี่ยวที่มึงพูดถึง อย่าบอกนะว่าคือ พัทธ์ธีรา”
“ถ้ากูจะบอกว่าใช่ล่ะ”
“ไอ้ภีม!” ตอนนี้เขารู้สึกเกลียดความกวนของเพื่อนเสียจริง ๆ
“นี่มึงคิดจะตีท้ายครัวกูอย่างนั้นเหรอ”
“อะไร? ก็พัทไม่ใช่เมียมึง ไม่ใช่เหรอ เป็นแค่แม่ของลูก จะตีท้ายครัวได้ยังไง”
“ไอ้..” วินาทีนี้ราชันย์รู้สึกว่าหัวใจเขาหวิวแปลก ๆ ขึ้นมาราวกับว่าเขากำลังจะสูญเสียเธอไป
“เมื่อกี้มึงยังยุให้กูปล้ำทำเมียอยู่เลยนะ”
“ก็ตอนนั้นกูไม่รู้ว่าแม่ของลูกมึงคือพัท”
“รู้แล้วมึงจะทำยังไง”
“มึงอยากให้กูทำยังไงดีล่ะ”
“ไอ้นี่! กวนจริง ๆ กูไม่น่าหลวมตัวเป็นเพื่อนกับมึงเลย มึงกลับไปได้แล้ว”
“อะไร? นี่ถึงกับรีบไล่กูกลับเลยนะมึง ถ้ามึงไม่เอาพัท กูเอาเอง!“ ภีรภาคย์บอกกับราชันย์อย่างชัดถ้อยชัดคำ ก่อนจะก้าวกลับเข้าไปในบ้านโดยไม่สนใจเสียงที่ไล่หลังตามมา
“มึงจะทำอย่างนั้นไม่ได้ กูไม่ให้!”
“สิทธิ์ที่จะได้หรือให้ไม่ให้นั้น พัทเป็นคนตัดสินใจเอง ไม่ใช่มึง!”
“ไอ้ภีม!” ตอนนี้เขาอยากต่อยหน้ากวน ๆ ของเพื่อนชะมัด
“มึงทำกับพัทอย่างนั้นได้ยังให้ ปล่อยให้ไปตกระกำลำบากกันสองคนแม่ลูก”
“ก็กูไม่รู้ไงว่ากูมีลูกอีกคน”
“ถ้ามึงรู้ มึงจะทำยังไง? เอาลูกมาแล้วผลักไสแม่ของลูกไปน่ะเหรอ มึงลองคิดถึงความรู้สึกของพัทดูว่าเธอจะทุกข์ทรมานใจแค่ไหน มึงจะตัดสินใจยังไงกับเรื่องนี้ก็คิดดูให้ดี กูพร้อมจะดูแลพัทกับลูก” ภีรภาคย์พูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินไปหาพัทธ์ธีรา