“ก็ได้...”
ในที่สุดเขาก็ควบคุมอารมณ์ร้อนแรงของตนให้สงบลง แม้จะไม่ทั้งหมดก็ตาม “ข้าจะรอเจ้า”
ฟางหลันพยักหน้าน้อยๆ พาพวงแก้มแดงระเรื่อขยับขยุกขยิกเฉียดปลายจมูกโด่งสัน ทำให้หยวนจงอดใจเอาไว้ไม่ได้ ต้องก้มลงหอมนางฟอดใหญ่
“อื้อ” หญิงสาวร้องลั่นพลางเบี่ยงหน้าหนี “พอแล้ว”
“อีกนิดนะ” ผู้ถูกห้ามปรามนอกจากไม่ฟังยังเอาแต่ใจ หอมแก้มนางอีกหลายทีทั้งด้านซ้ายและด้านขวา ทั้งยังจรดริมฝีปากร้อนผ่าวแต้มไปทั่วลำคอระหง ตามด้วยไล้ปลายลิ้นเลียเนื้อนวลไปเรื่อยๆ จนถึงเนินอกอวบอิ่ม
“...!?”
ฟางหลันถึงกับเสียววาบร่างสั่นสะท้าน บิดตัวเร่าๆ
เขาเปิดผ้านางเมื่อใดกันนี่!?
“พอแล้ว!” หญิงสาวหน้าดำหน้าแดงตะเบ็งเสียงดังพลางเอื้อมมือขึ้นกอบกุมสันกรามของโจรราคะตรงหน้าอกหยุ่นนุ่ม
หยวนจงถอนใบหน้าที่กำลังซุกไซ้อย่างเมามันออกมาแล้วหัวเราะแหบห้าว ก่อนจะพลิกตัวลงจากร่างบางแล้วตวัดอ้อมแขนแข็งแรงดึงนางเข้าสู่อ้อมอกอบอุ่น
“พอก็ได้” เขากระชับนางแนบแน่นจนร่างนุ่มจมเข้าแผงอกแกร่ง “ให้ข้ากอดเจ้าทั้งคืนได้ไหม?”
ฟางหลันยู่หน้าที่แดงก่ำไปทั่ว รู้สึกร้อนวูบวาบหวามไหวไม่จางหาย บ่นพึมพำอู้อี้ตรงแผงอกฟังไม่ออกเลยสักคำ
เพราะใบหน้านางถูกกล้ามเนื้อเขากลืนเข้าไปจนสิ้น
แม่ทัพหนุ่มไม่สนใจว่าคนงามกำลังบ่นสิ่งใด เขาเพียงกอดกระชับนางไว้ แล้วค่อยๆ หลับตาซึมซับความรู้สึกอุ่นลึกที่ไม่เคยมีมาก่อนเช่นนี้ จนล่วงเข้าสู่นิทรารมย์
ไม่เคยมีใครสักคน ที่เขาได้แค่กอด แล้วนอนหลับสบายเท่านางตรงนี้เลย
นางมารของเขา…
ย่ำรุ่งวันต่อมา
ชายหนุ่มร่างสูงโครงหน้าหล่อเหลา เดินออกจากประตูโรงเตี๊ยมร้อยห้อง ด้วยอารมณ์เครียดขรึมใบหน้าบึ้งตึง มิรู้ได้ว่านอนตกเตียงหรืออย่างไร?
รองแม่ทัพและพลทหารติดตามพากันมองหน้ากันและกันอย่างงุนงง
ท่านแม่ทัพกำลังโกรธใครกระนั้นหรือ?
มีแต่คำถามไร้ซึ่งคำตอบ ไม่มีใครกล้าปริปากไขข้อข้องใจเลยสักคน
กระทั่งทั้งหมดเดินออกมาได้ระยะทางหนึ่ง แม่ทัพหนุ่มก็หันหน้าไปหาพลทหารติดตามนายหนึ่ง ซึ่งเป็นทหารหน้าใหม่เพิ่มขึ้นมาในขบวนเดินทาง
เขาตวัดแขนแกร่งโอบรอบลำคอทหารผู้นั้นเข้าหา แล้วเดินกอดคอกันไปทั้งอย่างนั้น
“อะไรเล่า!?” เสียงกระซิบกระซาบดังออกมาจากริมฝีปากเล็กของพลทหารผู้ที่โดนกอดคอ “ข้าก็เดินทางมากับท่านแล้วอย่างไร จะแง่งอนอันใดอีก?”
สายตาคมปลาบตวัดมอง ก่อนกระซิบดุดัน “ข้าให้เจ้าเดินทางไปเที่ยวเล่นในเมืองกับข้าอย่างเปิดเผย มิใช่ให้เจ้าปลอมตัวเป็นบุรุษใส่ชุดทหารเยี่ยงนี้”
หยวนจงเอ่ยเสียงต่ำพลางไล่สายตาคมดำมองไปทั่วใบหน้าคนงาม ที่ยามนี้มีหนังหน้าที่เปลี่ยนไป
จากนวลเนียนขาวผ่องใสกระจ่าง เป็นดำทะมึนน่ากลัว แถมมีหนวดเคราเขียวครึ้มอีกด้วย
นางปลอมตัวได้แนบเนียนนัก!
ฟางหลันกลอกตาไปมา ลอยหน้าลอยตาไม่ต่อคำใด
เขาต้องการให้นางติดตามเขาเพื่อเข้าไปเที่ยวทั่วเมือง นางก็ตามใจแล้วอย่างไรเล่า
แต่ถ้าจะให้นางแต่งกายงดงามเดินเฉิดฉายข้างกายเขาไปอย่างเปิดเผยเข้าวังหลวงเพื่อรายงานผลการศึก เช่นนั้นก็มิต่างอันใดกับคณิกาที่ถูกซื้อตัวมาจากชายแดนเลยสักนิด
สถานะนางคงเป็นได้แค่เพียง
เมียบ่าวของท่านแม่ทัพหยวน ปะไร!
ใครเห็นก็มีแต่จะดูถูกทั้งนั้น!
หลายเดือนที่ผ่านมา นางได้ศึกษาเกี่ยวกับธรรมเนียมจริยาของสตรีชาวเมืองหลวงมาหมดแล้ว นางล้วนรู้แจ้งในทุกเรื่อง นางไม่โง่หรอกนะ
หึ! อย่าได้มาดูถูกกันเชียว
ฟางหลันในอาภรณ์ทหารใส่หน้ากากหนังหน้ามนุษย์ปลอมตัวเป็นชาย เอื้อมมือของตนยกแขนกำยำของแม่ทัพหนุ่มออกจากลำคอตน แล้วเดินไปอย่างรื่นเริง ยกยิ้มพริ้มเพราแฝงความเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ
หยวนจงนึกเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเหลือจะกล่าว นางปลอมตัวถึงเพียงนี้
เห็นแล้วหมดอารมณ์สิ้นดี! มานี่เลย!
ชายหนุ่มเอื้อมมือไปจับดึงฟางหลันเข้ามาใกล้อีกครั้ง แล้วคล้องคอนางแนบชิด จนร่างทั้งสองสนิทแนบแน่น แล้วเดินไปด้วยกัน โดยไม่สนใจใครทั้งนั้น!
ภาพของท่านแม่ทัพกับทหารหนุ่มผู้หนึ่ง ที่ดูจะสนิทสนมเดินกอดคอกันเยี่ยงนั้น เหล่าทหารคนอื่นๆ ได้แต่มองตามด้วยสายตายากอธิบาย
เวลาผ่านไปเพียงหนึ่งชั่วยาม
แม่ทัพหยวนจงและทหารติดตามก็เข้ามายังอาณาเขตของวังหลวงต้าโจว เป้าหมายคือเข้ารายงานตัวและรายงานผลทางการทหารต่อหน้าพระพักตร์
เมื่อเดินเข้ามาภายในพระราชวัง ฟางหลันในอาภรณ์ทหารที่เป็นชายหน้าโหด ก็มองซ้ายมองขวาไปมาอย่างตื่นตะลึงพรึงเพริด ในความงามวิจิตรและอลังการของตำหนักต่างๆ
นางจำได้ว่าวันนั้น ที่ลอบเข้ามาหาองค์หญิงเหม่ยหลินถึงตำหนักชั้นใน ทุกสิ่งก็สวยงามเช่นนี้ แต่ทว่าครานั้นเป็นยามวิกาลมีความมืดบดบัง ความงามที่เห็นจึงมิได้ชัดเจนสักเท่าไหร่ มิสู้ยามนี้ที่แสงแดดสาดส่องสว่างเจิดจ้ามองเห็นได้อย่างถ้วนทั่ว
อา...ช่างผิดกับสำนักหมื่นโลกันต์และสำนักหมื่นดาราของนางยิ่งนัก หากเปรียบเทียบกัน คงไม่แคล้วสรวงสวรรค์ชั้นฟ้ากับขุมนรกอเวจี
ที่วังแห่งนี้คือสวรรค์ ที่บ้านเดิมนางเป็นนรกนั่นเอง
ฟางหลันอมยิ้มกรุ้มกริ่มลอบเก็บรายละเอียดการตกแต่งตามมุมต่างๆ ของพระราชวังเอาไว้ เพื่อนำไปตกแต่งโรงเตี๊ยมของตนเองบ้าง
อืม...แม้มิอาจเทียบเท่าก็ขอแค่ใกล้เคียงก็พอ
หญิงสาวทำหน้าครุ่นคิดยามเดินมาตามทางของพระราชวัง โดยไม่สนใจใครทั้งนั้น
“อาหลัน!” เสียงทุ้มหนึ่งดังขึ้นอย่างดุดัน
“เจ้าจะเดินไปทางใด มานี่!”
“...”