10

1473 คำ
พอเล่าให้เขาฟังจบ สีตลาก็อยากรู้ว่าใครเป็นคนเอาคำที่เธอไม่ได้พูดมาปรักปรำจนหมอครองฤทธิ์คาใจแล้วกลับมาจัดการเธอที่บ้าน พรุ่งนี้ เธอจะได้ไปจัดการให้ถูกตัว “ข้าเจ้าบอกอ้ายครองฤทธิ์ไปเสี้ยงแล้ว เตื้อนี้ อ้ายครองฤทธิ์จะบอกข้าเจ้าได้ยังว่าไผเอามาเล่าหื้อฟัง” (ฉันบอกพี่ครองฤทธิ์ไปหมดแล้ว คราวนี้พี่ครองฤทธิ์จะบอกฉันได้หรือยังคะว่าใครกันมาเล่าให้ฟัง) “เธอยังเรียกชื่อฉันไม่ค่อยน่าฟัง เรียกให้รื่นหูกว่านี้หน่อยแล้วฉันจะบอก” คำพูดของเขาทำให้สีตลาเยียบเย็นไปทั้งตัวเรียกพี่แล้วยังฟังไม่รื่นหู แล้วต้องเรียกอะไร เขาถึงพอใจ เห็นสีหน้าลังเลของเมีย คุณหมอหนุ่มก็ปรายตามองเธออย่างขบขัน “ถ้าคิดไม่ออกฉันจะบอกให้ มันควรมีคำลงท้ายว่า ‘ขา’ ตามหลังด้วย ถึงจะชวนฟัง ลองเรียกฉันใหม่ พี่ครองฤทธิ์ขา อะไรแบบนี้ ไหนลองเรียกดูซิ” สีตลาอายหน้าแดงพลางส่ายหน้าระวิง ฟังคำเขาพูดแล้วอยากจะหายหน้าไปจากตรงนี้ “จะแกล้งข้าเจ้าไปตึ้กไหนเจ้า” (จะแกล้งฉันไปถึงไหนคะ) ครองฤทธิ์หรี่ตามอง ร่างสูงขยับเข้ามาประชิดจนสีตลารีบถอยกรูดไปแนบชิดติดอยู่กับผนังห้อง “ฉันไม่ได้แกล้ง แค่อยากให้เธอฝึกเอาไว้ เดี๋ยวอาทิตย์หน้า เราจะกลับไปบ้านคุณแม่ที่กรุงเทพฯ ด้วยกัน ถ้าเธอเรียกฉันเหินห่างว่าหมอครองฤทธิ์ คุณแม่จะสงสัยเอาได้ว่าทำไมลูกสะใภ้เรียกสามีว่าหมอเหมือนคนไข้ สองสามวันนี้ เธอหัดเรียกฉันให้สนิทสนมเอาไว้ ถึงตอนนั้นจะได้ไม่เก้อเขิน” สีตลารู้สึกกังวลใจขึ้นมาทันที “จะต้องไปกรุ๋งเทพฯ! แหมแล้วก๋าเจ้า” (จะต้องไปกรุงเทพฯ! อีกแล้วเหรอคะ) ครั้งก่อนที่เธอไปหลอกแม่เขา เพราะถูกลุงหมอวินัยซึ่งเป็นอดีตเจ้านายเก่าพ่อกดดันขอร้องให้เธอทำ ด้วยการวางแผนและให้เธออ้างตัวเป็นเมียหมอ สีตลาอยากปฏิเสธ แต่ติดตรงที่ไม่มีเงินก้อนโตที่บิดากู้หนี้ยืมสินมาจากคุณหมอวินัยไปคืน ทั้งต้นและดอกเกินกำหนดมานาน ที่ผืนนี้ซึ่งเป็นที่ทำกินของครอบครัวกำลังจะถูกเปลี่ยนมือเป็นของหมอวินัยหากเธอไม่ทำตามข้อเสนอ อย่างไรก็ได้เพื่อให้หมอครองฤทธิ์แต่งงานด้วยแล้วดึงเขาให้อยู่บนดอย ไม่เช่นนั้น คุณหมอวินัยจะยึดที่ดินทันที แต่แผนแตกเพราะถูกหมอครองฤทธิ์จับได้เสียนี่ “ทำหน้าแบบนี้ แสดงว่าเธอยังจำวีรกรรมที่ทำให้แม่ฉันเป็นลมได้ใช่ไหม” เขาหันกลับมาจ้องหน้าสีตลา เห็นเธอมีสีหน้าคิดหนัก หญิงสาวครางออกมาเสียงเบาหวิว เธอยังจำได้ดีกับวีรกรรมที่ทำให้คุณหญิงวรรณา แม่ของหมอครองฤทธิ์เป็นลมในวันนั้น สามเดือนก่อน อีกฟากหนึ่ง คุณหญิงวรรณาซึ่งนั่งตัวตรงอยู่บนโซฟากลางห้องรับแขกหรูหราที่อยู่ทางปีกขวาของคฤหาสน์กำลังไล่สายตาต่ำลงมาจากกระโปรงทรงเอที่มีความยาวเสมอเข่าอวดเรียวขาเนียน สวมเสื้อเข้ารูปสีขาวแขนตุ๊กตา การแต่งกายมองดูเรียบร้อยธรรมดา แต่เรือนร่างและใบหน้าของผู้ที่มารายงานว่าเป็นลูกสะใภ้นั้นนับว่าเป็นดาราได้สบาย เป็นเวลาเดียวกับที่ซูเปอร์คาร์สวยเฉี่ยวขับเคลื่อนเข้ามา ‘สีตลา’ นั่งตัวเกร็งไปหมด เผลอหายใจแรงๆ ด้วยความรู้สึกกังวล เธอไม่อยากมาที่นี่ ไม่อยากทำแบบนี้เลย ยิ่งเห็นว่าร่างสูงของคนผิวขาวหน้าตาหล่อเหลาที่เดินเข้ามาแล้วเฉียดผ่านเธอไป หญิงสาวยิ่งรู้สึกกระสับกระส่าย อยากผุดลุกขึ้นจากโซฟาที่อยู่ด้านซ้ายของคุณหญิงวรรณาแล้ววิ่งหนีไปเสียเดี๋ยวนี้ “มาแล้วหรือตาฤทธิ์” คนเป็นแม่เรียกลูกชายหัวแก้วหัวแหวน หมอหนุ่มส่งกระเป๋าให้สาวใช้ที่เดินมารับกระเป๋าเอกสารหนังอย่างดีไปเก็บ แล้วทรุดการนั่งลงเคียงข้างมารดา ไม่วายปรายตามองไปยังร่างบางที่นั่งก้มหน้างุด น้ำเสียงทุ้มหนักเอ่ยขึ้น “เงยหน้าขึ้น ผมอยากเห็นหน้าว่าคนประเภทไหนที่กล้าแอบอ้างว่าเป็นเมียผม ถ้าเป็นเมียผมจริงก็ต้องจำได้ เคยนอนด้วยกันเดือนอะไร วันไหน พูดมาสิ” “ข้าเจ้า เอ่อ...” สีตลาหน้าแดงก่ำ ท่าทางคิดหนัก เจ้าของร่างสวยกัดริมฝีปากแน่น “คืนวันปุ๊ด เดือนกั๋นยายนปี๋นี้ไงเจ้า หลังคุณหมอไปกิ๋นขันโตก ผ่อฟ้อน หน้ากาดข่วงเมือง” (เมื่อคืนวันพุธ เดือนกันยายนปีนี้ไงคะ หลังคุณหมอไปกินขันโตก ชมฟ้อน หน้าตลาดข่วงเมือง) ครองฤทธิ์รวบรวมสติลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วเดินไปหยุดตรงหน้าหญิงสาวที่มาแอบอ้างว่าเป็นเมียเขา ทว่าเอาแต่ก้มหน้าไม่กล้าเงยขึ้นสบตา ร่างสูงโน้มศีรษะลงไปใกล้ๆ แล้วกระซิบถาม “งั้นบอกมาหน่อย คืนนั้น หมอใช้ท่าไม้ตายอะไรกับคุณ” ทำให้อีกฝ่ายใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความอับอายรู้สึกอยากหายตัวไปให้พ้นๆ สีตลานั่งเกร็งจนตัวสั่น ใบหน้าชา ตัวแข็งทื่อ ปลายนิ้วเย็นเฉียบ แต่เพื่ออีกหลายชีวิตข้างหลังจำเป็นต้องแกร่ง ทำใจสู้เข้าไว้ เงยใบหน้าสวยจัดขึ้นมองหน้าเขาอย่างชัดๆ แล้วตอบเบาๆ ด้วยน้ำเสียงสั่นพร่าจนแทบจะหายไปในลำคอ แต่ยังไงเสีย เธอต้องทำให้หมอหนุ่มยอมรับแล้วหอบสินสอดไปสู่ขอเธอกลับไปอยู่บนดอยด้วยกันให้ได้ คนพูดอยากจะเอาหน้ามุดดิน “บะฮู้ว่าอีท่าไหน แต่คุณหมอบอกหื้อข้าเจ้านอนคว่ำ เอามือกับขาตั้งฉากกับเตียงแล้วหลับต๋า คุณหมอจะฉีดยาหื้อข้าเจ้า (ไม่รู้ว่าท่าอะไร แต่คุณหมอบอกให้ฉันนอนคว่ำ เอามือและขาตั้งฉากกับเตียงแล้วหลับตา คุณหมอจะฉีดยาให้ฉัน) เมื่อฟังคนที่เอาแต่ก้มหน้าพูด คุณหมอหนุ่มก็หน้าแดงก่ำขึ้นทันตา ก่อนจะเชยคางมนขึ้นมาสบตาเพื่อจะดูหน้าให้ชัด แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อใบหน้าสวยที่ปรากฏขึ้นทำให้เขารู้สึกคลับคล้ายคลับคลาเห็นภาพรางๆ ตามที่เธอพูดมา “สีตลา!” “คุณหมอแต่งงานกับข้าเจ้าได้ก่อเจ้า” (คุณหมอแต่งงานกับฉันได้ไหมคะ) สีตลาอับอายจนอยากจะยกมือขึ้นปิดใบหน้า เธอไม่อยากมาที่นี่ ไม่อยากทำแบบนี้เลย หากมีตัวเลือกอื่นที่ดีกว่า ภาพที่หมอหนุ่มเริ่มนึกออกคือผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดล้านนากำลังฟ้อนรำอย่างอ่อนช้อยอยู่บนเวที ซึ่งจัดขึ้นบริเวณลานขันโตก จากนั้นก็จำได้อย่างเลือนรางว่าเคยปลดเปลื้องซิ่นตีนจกไหมคำ และสไบสีเดียวกันที่ทาบทับผ้าฝ้ายสีชมพูอ่อน จนละอ่อนน้อยนอนเปลือยอยู่บนเตียงของเขา “เธอมาที่นี่ได้ยังไง” ครองฤทธิ์เอ่ยถาม มองเด็กสาวผู้บอบบางที่เพิ่งออกจากรั้วมหาวิทยาลัยมาหมาดๆ ซ้ำยังดูอ่อนต่อโลก “ก่อหมอบ่ยอมปิ๊กดอยสักเตื้อ ข้าเจ้าก่อกึ๊ดเติงหาผัวจ๋นต้องลงดอยมาตวย” (ก็หมอไม่ยอมกลับดอยสักที ฉันคิดถึงสามีจนต้องลงจากดอยมาตาม) พูดไปแล้วก็ละอายปาก ลำบากใจ หากทำให้หมอกลับไปดอยสุขใจไม่ได้ ความลำบากจะมาเยี่ยมเยือนครอบครัวของเธอแทน แต่ก็ยังน้อยกว่าครั้งก่อนที่ต้องพลีเรือนร่างเปลือยเปล่าเพื่อสร้างฉากยอมให้เขาหยอกเย้าบนเตียงเพื่อเก็บเป็นหลักฐาน ทั้งที่คืนนั้น คุณหมอครางเรียกเธอทุกคำว่า ‘แก้วมุกดา’ พอเห็นลูกชายรู้จักชื่อหญิงสาวที่บอกว่าเดินทางมาจากภาคเหนือเพื่อมาตามสามีให้ไปรับผิดชอบ คุณหญิงวรรณาก็หน้าซีดขาวราวจะเป็นลม “ตกลงแม่หนูคนนี้ถูกหมอฉีดยาแล้วจริงๆ หรือลูก แม่จะเป็นลม” ตอนแรกบอกว่าจะพาว่าที่ลูกสะใภ้มาพบ คุณหญิงวรรณาไม่คิดมาก่อนว่า คนที่ถูกอกถูกใจลูกชายจะเป็นสาวชาวบ้านบนดอย นางไม่ได้รังเกียจคนเรื่องฐานะ แต่นั่นเท่ากับปิดโอกาสให้ลูกชายเลิกเป็นหมอบนดอย กายแกร่งในชุดเสื้อเชิ้ตขาวกับกางเกงสแล็กส์สีสุภาพรีบปราดไปรับร่างมารดา แล้วร้องเรียกสาวใช้ “ใครก็ได้รีบเอาสำลีชุบแอมโมเนียมาให้ที”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม