แม้เป็นเวลาเพียงทุ่มเศษ แต่บนยอดดอยสุขใจที่มีความสูงระดับเหนือน้ำทะเลร่วมพันเมตร บรรยากาศโดยรอบเรือนเงียบสงบจนได้ยินเสียงหวีดหวิวของสายลมสลับแทรกกับเสียงแมลงกลางคืน ดวงตาคู่คมปราดมองไปที่แท่งเทอร์โมมิเตอร์ซึ่งเป็นชนิดปรอทที่เขานำมาติดเอาไว้ที่ข้างฝาเรือนไม้บริเวณริมระเบียง ของเหลวในแท่งแก้วกำลับบอกตัวเลขอุณหภูมิเริ่มดำดิ่งเหลือเพียงแค่สิบสององศาเซลเซียส
เขาค้นพบว่าคืนนี้ตัวเองกำลังหนาวกายมากกว่าความรู้สึกเสียดหนาวหัวใจ พอคิดถึงใบหน้าหวานแอร่มของคนที่ขอให้เขาแต่งงานด้วย แต่แทบจะกระโดดหนีออกจากห้องหอทุกคืน แล้วทำว่าจะขาดใจตายให้ได้เมื่อต้องนอนร่วมเตียงเดียวกัน ทำให้ครองฤทธิ์คิดถึงคำทำนายที่สองของแม่หมอสร้อยทอง แม่หมอนักพยากรณ์ชื่อดังที่เล่าลือว่าแม่นราวกับมองเห็น เธอเป็นคนไข้ที่เข้ารับการรักษากับเขาในโรงพยาบาลที่กรุงเทพฯ ก่อนที่เขาจะกลับมาทำงานบนดอย
คนไข้รายนี้มีอาชีพเป็นหมอดูชื่อดังที่คุ้นหน้าคุ้นตาจากการรับเชิญไปออกรายการทีวี เธอมาพบเขาเพราะป่วยด้วยโรคปวดท้องประจำเดือน หลังจากการซักประวัติ พบว่าเธอมีเลือดออกระหว่างเดือนบะยครั้ง มีอาการปัสสาวะติดขัดบะย จนนำไปสู่การวินิจฉัยและค้นพบเนื้องอกในมดลูกขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางสองเซนติเมตร
เขาและคนไข้ตกลงจะทำการรักษาโดยเลือกใช้เทคโนโลยีการผ่าตัดผ่านการส่องกล้อง ซึ่งเป็นวิธีที่ลดภาวะแทรกซ้อนในการติดเชื้อและทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้ไว ก่อนกลับขึ้นดอย เขาไปเยี่ยมไข้เธอแล้วถือโอกาสลาคนไข้ เธอชื่นชมในฝีมือการผ่าตัดของเขาที่แทบจะไม่เห็นร่องรอยของการผ่าตัด ระหว่างสนทนา เขาถูกขออนุญาตคว้ามือไปจับ ใบหน้าของหญิงวัยกลางคนเงยมองหน้าเขา พลางเบิกตาขึ้นแล้วส่งยิ้มให้อย่างคนใจดีก่อนจะทักขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
“คุณหมอ เสียของรักไปแล้วใช่ไหมคะ แต่ไม่ต้องเสียใจนะคะ คุณหมอเป็นคนดี มีเทพอุ้มสม กำลังจะได้เจอคู่แท้”
“คู่แท้หรือครับ”
ครองฤทธิ์หรี่ตามองคนไข้ที่ถือวิสาสะมาดูดวงให้ทั้งที่เขาไม่ได้ร้องขอ ด้วยสภาพที่ต้องนอนพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาลมาหลายวัน ครองฤทธิ์จึงไม่คิดจะถือสาหาความ เขาต้องขืนสีหน้าให้ตึงเรียบไม่ให้หลุดขำพรืดออกมาต่อหน้าคนไข้ที่บอกว่าเขากำลังจะได้พบคู่แท้ เพราะจะเป็นการเสียมารยาท
แต่ในเวลานี้ เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่ถูกทักทีไร เขาก็อดยิ้มมุมปากไม่ได้ คุณหมอหนุ่มกดน้ำเสียงต่ำลง แล้วแค่นยิ้มออกมา
“คู่แท้ของฉันคือเธอจริงเหรอสีตลา”
วันนี้ เขาเหนื่อยมากหลังจากกลับมาเริ่มงานที่โรงพยาบาลเล็กๆ แห่งเดียวบนยอดดอย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลซึ่งพ่วงตำแหน่งสูตินรีแพทย์อย่างเขาจำเป็นต้องสะสางงานมากมายที่ค้างเอาไว้ก่อนจะไปช่วยงานที่โรงพยาบาลของบิดาในกรุงเทพฯ
แล้ววันนี้ยังมีเคสที่ราวกับจะรอต้อนรับการกลับมาของคุณหมอหนุ่ม หมอครองฤทธิ์ลงมือทำคลอดให้กับหญิงชาวเขาถึงสามรายในวันเดียวกัน แต่พอได้เห็นทารกน้อยๆ ได้ออกมาลืมตาดูโลกอย่างปลอดภัย คุณหมอหนุ่มกลับคลายความเหน็ดเหนื่อยนั้นไปได้หลายส่วน
กระนั้นเอง ไม่รู้ว่าเหตุใดหลังจากเสร็จงานที่โรงพยาบาล ผ่านมาสองชั่วโมงที่เขาพาตัวเองกลับมาถึงบ้านซึ่งเปรียบเสมือนเรือนหอชั่วคราว ยังไม่เห็นหน้าของสีตลา ผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียด้วยการผ่านพิธีแต่งงานเล็กๆ เรียบง่าย โดยมีผู้ใหญ่บ้านมาทำหน้าที่เรียกขวัญให้บ่าวสาวเป็นภาษาล้านนา
ครองฤทธิ์มองฝ้ายสีขาวหรือฝ้ายไหมมือที่ผูกไว้บนข้อมือให้บ่าวสาว ‘หื้อฮักกั๋น’ เขาจะตัดออกตั้งแต่ผ่านพิธีในคืนแรก แต่ถูกผู้ใหญ่ทัดทานว่าห้ามตัด
จนบัดนี้ผ่านมานานนับสัปดาห์ เขาจะใช้สีตลาแกะออกจากข้อมือให้หมด แต่เจ้าหล่อนยังไม่เยี่ยมกรายเข้ามาให้เห็นหน้า สร้างความหงุดหงิดใจอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งวันนี้ เขาไปทำคลอดให้ชาวเขา และรับรู้บางเรื่องมาทำให้อยากจะเจอหน้าเธอ ดวงหน้าหล่อเหลาฉายสีหน้าแปลกๆ มาวูบเดียวเมื่อนึกถึงข่าวที่เข้าหูก่อนจะจางหายไป
จะว่าไป เขากวาดสายตามองหาเธอตั้งแต่ผลักประตูเข้ามาในบ้าน หลังวางกระเป๋าเอกสารลง จนเวลานี้ ร่างสูงกำยำอาบน้ำจนเสร็จเรียบร้อยอยู่ในชุดเสื้อคอจีนทำจากผ้าฝ้ายทอมือสีงาช้าง สวมกางเกงสีเดียวกัน ออกมายืนรับลมชมดาวแต่ก็ยังไม่เห็นแม่ตัวดี
“หายหน้าไปไหน ผัวกลับเข้าบ้านยังไม่รีบมาทำหน้าที่อีก”
ปกติหมอครองฤทธิ์เป็นคนพูดจาสุภาพ ไม่เว้นแม้แต่ชาวบ้านยากจนที่เขาเดินทางเข้าไปตรวจเยี่ยมในหมู่บ้านทุรกันดาร แต่เพราะเขารู้ดีว่าสีตลาไม่ชอบให้เขาใช้คำแทนตัวว่า ‘ผัว’ ที่หมายถึงคู่ครองในภาษาที่ชาวบ้านนิยมเรียกกัน ครองฤทธิ์จึงหัดแทนตัวด้วยคำนี้เอาไว้ให้ชินปาก เพื่อจะได้เห็นใบหน้าเนียนใสแดงแจ๋เกิดอาการเลือดฝาดฉีดพุ่งขึ้นมาแทบจะทันทีในทุกครั้งที่เขาแทนตัวว่าเป็น
‘ผัวของเธอ’
ร่างสูงก้าวออกจากเรือนหอที่ปลูกขึ้นอย่างเรียบง่ายเป็นที่อยู่ชั่วคราว แล้วเดินตามกลิ่นหอมที่ลอยลิ่วตามลมมาปะทะจมูก ดวงตาคมแฝงรอยยิ้มแค่ได้สัมผัสกลิ่นฟุ้งหอมมาตามลมก็เรียกน้ำย่อยจากกระเพาะเขาได้มาก ครองฤทธิ์รับรู้ว่าน่าจะเป็นอาหารที่ตนกำลังอยากกิน หลังจากที่กลับไปใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ มาหลายเดือน เขาเองไม่เคยเห็นชื่อของอาหารชนิดนี้บรรจุอยู่ในเมนูอาหารของภัตตาคารหรือร้านอาหารใดมาก่อน เมื่อเช้าขณะที่เขากำลังเปิดประตูรถยนต์ฟากคนขับ ผู้เป็นแม่ยายรีบเดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มด้วยท่าทีเอาอกเอาใจ
“คุณหมอเจ้า แลงนี้อยากกิ๋นอะหยังเป๋นพิเศษก่อ แม่จะหื้อสีตลามันเกียมไว้หื้อ” (คุณหมอ เย็นนี้อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม แม่จะให้สีตลามันเตรียมไว้ให้)
นางสีนวลกล่าวอย่างเอาอกเอาใจลูกเขย การที่หมอครองฤทธิ์มาสู่ขอลูกสาวนาง แม้จะจัดพิธีเล็กๆ เรียบง่ายแต่กลับสร้างความภูมิใจจนนางคุยฟุ้งไปทั่วว่าได้หมอครองฤทธิ์มาเป็นเขย เพราะเขาเป็นที่รักของผู้คนในละแวกนี้ ใครๆ ก็ต่างชื่นชมและยินดีกับนางศรีนวลกันทั้งนั้น แม้บางครั้งนางจะนึกแปลกใจว่าสีตลาลูกสาวนางไปชอบพอกับหมอครองฤทธิ์ตอนไหน แต่เมื่อหมอมาขอและสีตลาตอบรับ นางก็ยินดียกให้
หมอครองฤทธิ์เป็นคนมีเหตุผล ในสายตาของเขา คนในครอบครัวของสีตลาเป็นคนดี พวกเขาไม่ได้มีส่วนรู้เห็นหรือผลักดันให้สีตลาตามไปไล่จับเขา จนเธอต้องเดินเข้ามาอยู่ในแผนการเสียเอง
พอเห็นนางศรีนวลถามว่าอยากกินอะไร หมอครองฤทธิ์เลิกคิ้วอย่างนึกอะไรสนุกขึ้นมา แม่ตัวดีแสร้งทำทีเป็นนอนหลับเมื่อตอนเขาตื่นขึ้นมา เพราะฉะนั้น เมื่อละเลยหน้าที่ภรรยาที่ดี เขาต้องหางานให้สีตลาทำเสียหน่อย
“ถ้าไม่ลำบากเกินไป ผมอยากจะกินขนมจีนน้ำย้อย ฝีมือสีตลา ถ้าเธอตื่นแล้ว ฝากคุณแม่บอกให้เธอทำไว้รอผมด้วยนะครับ”
“ได้เจ้าคุณหมอ แม่จะบอกหื้อ รับรองปิ๊กมา คุณหมอต้องได้กิ๋นแน่” (ได้ค่ะคุณหมอ แม่จะบอกให้ รับรองกลับมา คุณหมอต้องได้กินแน่) ศรีนวลรีบรับคำยิ้มหน้าระรื่นอย่างเอาใจลูกเขย
“ขอบคุณครับ”
มาถึงตอนนี้เมื่อไม่พบสีตลาที่เรือน บวกกับกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย ไม่ต้องคิดให้มากความ สีตลาต้องมาหมกตัวอยู่ในครัวซึ่งปลูกแยกออกมาจากตัวบ้าน ขายาวก้าวอาดๆ ไปตามเส้นทางรอบสระบัวโค้งมนที่พ่อตาขุดขึ้นเพื่อกักเก็บน้ำฝนไว้ใช้รดผักที่ปลูกไว้หลังบ้านยามน้ำแล้ง สระบัวที่ขุดขึ้นเอง ภายในกลับมีดอกบัวแดงบานสระพรั่งในยามกลางวัน และบัวราตรีที่เบ่งบานยามแสงจันทร์สาดแสงลงมาอาบไล้