“ยังไงครับกับน้องหยาของกู ได้ข่าวว่าไปบังคับขืนใจให้น้องเขากินข้าวเที่ยงข้าวเย็นด้วยทุกวัน”
“เสือก” ผมเงยหน้าจากหนังสือเพื่อตอบไอ้ฟรังซ์เพื่อนรักด้วยคำตอบเดิม ๆ เวลาที่มันถามเรื่องปั้นหยาหมากระเป๋า
“ตอบคำอื่นบ้างก็ได้ กูก็อยากรู้เรื่องความรักของเพื่อน เห็นตามเกินปกติ ไม่เหมือนทุกคน”
“ก็ปกติ แต่ยัยเด็กนี่กวนตีนเข้าถึงยากเลยไม่ปกติ” ผมตอบมันโดยที่ไม่ได้เงยหน้าไปตอบ คิดถึงปั้นหยาแล้วอดอมยิ้มไม่ได้กับความดื้อแล้วก็ความเกรี้ยวกราด แม่งเกรี้ยวกราดไปหมด หลายครั้งผมก็นึกสงสัยว่าต่อปากต่อคำกับผมขนาดนี้แล้วในใจของเธอจะด่าไปถึงไหนแล้ววะ ไม่รู้ถึงโคตรเง่าตั้งแต่สมัยบรรพกาลของผมรึยัง
“ระวังตกหลุมรักแล้วจะขึ้นไม่ไหวนะมึง ทำอะไรคิดบ้างอย่าเลวเยอะ” ไอ้ฟรังซ์พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจังทำเอาผมกระตุกยิ้มขำแทบไม่ทัน
“มึงเตือนกูแบบนี้กับทุกคนแล้วกูเคยรักใครบ้างรึยัง?”
“เออ ๆ เรื่องของมึงเถอะไอ้ห่า” ไอ้ฟรังซ์ตอบกลับมาเหมือนเบื่อที่จะคุยเรื่องนี้กับผม ซึ่งผมก็เบื่อที่จะคุยเรื่องนี้กับมันเหมือนกัน
“มันเป็นไงบ้างล่ะ”
“มันก็ปกติดี เห็นไปหาน้องหยาบ้างแต่ไปไม่เคยทันเพราะหมาคาบไปแดกก่อน”
“ไอ้สัส!” แม่งด่าว่ากูเป็นหมาไอ้เชี่ยฟรังซ์
“ฮ่า ๆๆ กูไปซื้อข้าวกินก่อน ต้องรีบกินข้าวก่อนที่เพื่อนจะไปหาผู้หญิงไม่งั้นเดี๋ยวกูต้องนั่งเหงากินข้าวคนเดียวเหมือนทุกวัน”
“แดก ๆ ไปเถอะอย่าพูดมาก” ไอ้ห่านี่มันกวนประสาทครับ แม่งกวนผมทุกวันทำเป็นพูดว่ากูไปรับผู้หญิง กูเห็นมึงลากเด็กในมหาลัยมากินข้าวเป็นเพื่อนแล้วจบด้วยการกินตับทุกเย็นไม่ซ้ำหน้า
“ฮ่า ๆๆ เดี๋ยวกูมาอย่าเพิ่งไปก่อนนะมึง กูไม่อยากนั่งแดกข้าวคนเดียว กูยิ่งโดดเด่นอยู่ด้วย”
“เออ”
ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะสักพักไอ้ห่าฟรังซ์ก็เดินถือจานข้าวมาพร้อมกับผู้หญิงที่มันไปตกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วตอแหลใส่กูว่านั่งกินข้าวคนเดียวมันเหงา ไอ้ห่ากูยังไม่ทันไปก็ลากผู้หญิงมานั่งด้วยแล้ว
“อ้าว! ยังไม่ไปรับน้องหยาอีกเหรอครับมึง” ดูมันทำครับ พอเดินมาถึงโต๊ะก็ทำหน้าแปลกใจที่เห็นผมยังอยู่ที่เดิม ไอ้ห่าเสียเวลากูฉิบหาย
“นั่งดูทางให้มึงไง เมื่อกี้เมียมึงไลน์มาบอกว่ากำลังจะเข้ามาในคณะ”
“ฮะ?” ไม่ใช่เสียงไอ้ฟรังซ์หรอกครับ เสียงน้องหมวยคนสวยของมันต่างหาก
“ไม่ใช่ค่ะไม่ใช่พี่ไม่มีเมีย ไอ้นี่มันแค่แกล้ง น้องนีน่าอย่าเข้าใจผิดนะคะ” โธ่ไอ้กะล่อน ไม่มีเมียน้อยล่ะสิมึง เมียเยอะยิ่งกว่ามดแดงบนต้นมะม่วงข้างคณะอีก
“ไปเลยมึงไอ้ห่ากราฟอย่ามาปั่นกูก่อนที่น้องหยาจะโดนคนอื่นชิงตัวไป” หึ! ทำเป็นเอาเรื่องนี้มาไล่กู แต่ผมขี้เกียจต่อปากต่อคำกับมันต่อก็เลยเดินออกมาเพราะเริ่มรำคาญน้องนีนีอะไรของมันที่เริ่มจะส่งสายตาอ่อยให้ผมอีกคน ชื่อไรวะมานีรึเปล่า สงสัยจะใช่มั้ง
-คณะแพทย์ศาสตร์-
“ขอพี่กินข้าวด้วยคนนะครับ”
“เฮ้อ!” เสียงทักทายประจำตัวของผมเองครับ เสียงถอนหายใจทักทายเวลาที่เจอหน้ากันของปั้นหยาแบบนี้คงเป็นของผมคนเดียวนั่นแหละ ยัยนี่ไม่กล้าไปทรามใส่ใครหรอกนอกจากผม เห็นคุยกับคนนั้นคนนี้น่ารักเชียว มีแต่กูเนี่ยได้สิทธิพิเศษมากกว่าใคร
“สวัสดีค่ะพี่กราฟ”
“ครับยาหยี” ผมทักทายเพื่อนปั้นหยาที่รู้จักกันมาได้ซักพัก ประมาณอาทิตย์ที่แล้วมั้ง หลังจากพาไปกินข้าวที่พัทยาผมก็มานั่งกินข้าวเที่ยงที่นี่ทุกวัน กินมันทั้งอาทิตย์ กินจนมีคนเข้าใจผิดคิดว่าผมกับปั้นหยาเป็นแฟนกันไปแล้วเรียบร้อย หึ ๆๆ
“เมื่อไหร่จะเลิกมากวนประสาท”
“ไม่อยากให้กวนประสาทก็พูดกับพี่ดี ๆ สิคะ”
“ชิส์!”
“หิวมากขอกินเลยนะ อ่ะกระเป๋าเงินอยากกินไรไปซื้อเอา” ผมดึงจานข้าวที่เหมือนจะพร่องไป 2-3 คำของปั้นหยามาที่หน้าตัวเองแล้วก็วางกระเป๋าเงินของผมแทนที่จานข้าว
“นี่! นายจะมาแย่งข้าวฉันกินทุกวันแบบนี้ไม่ได้นะ!” ปั้นหยาหันมาวีนแล้วครับ วีนไปเถอะมันก็แค่เสียงลูกนกลูกกา ฟังแล้วเพลินหูดี
“ไม่อยากให้แย่งวันหลังก็หัดซื้อข้าวไว้ให้พี่ด้วยสิวะ”
“แล้วทำไมไม่ซื้อเองวะ!” น้ำเสียงเหวี่ยงมาอีกแล้วครับ พูดดี ๆ ไม่เป็นเหรอวะกับคนที่โคตรหล่ออย่างพี่เนี่ยอีน้อง
“ขี้เกียจ เดินไปทางไหนก็มีแต่คนมองพี่เบื่อ” ผมเบื่อจริง ๆ เกิดเป็นกูนี่ลำบากฉิบหายขนาดว่าที่คุณหมอหลายสิบหลายร้อยคนที่นี่ยังไม่เว้นต้องเงยหน้าจากกองหนังสือมาส่งสายตาให้ผม แต่ผมชอบผู้หญิงหน้าตาเก๋ ๆ สูงโปร่งมากกว่า ที่ควงขึ้นคอนโดส่วนมากก็เลยมีแต่นางแบบทั้งนั้นเด็กเนิร์ดพวกนี้เลยถูกผมมองข้าม
“วันหลังก็ไม่ต้องมาสิวะ!”
“ยาหยี เพื่อนเรานี่ปากร้ายเนอะ” ผมขี้เกียจเถียงก็เลยหันไปคุยกับยาหยีที่นั่งมองผมกับปั้นหยาเถียงกันอยู่
“เอ่อ...ค่ะ แฮะ ๆๆ”
“เดี๋ยวมานะหยี ไปซื้อข้าวก่อนของเก่าโดนหมาคาบไปแดก!” โคตรปากหมา สมฉายาหมากระเป๋าที่สุด หึ ๆๆ ด่าแรงขนาดนี้คิดว่าผมจะสนใจเหรอ ถ้าผมสนใจผมคงกระโดดเตะก้นยัยนี่ตั้งแต่วันแรกแล้วล่ะครับ คำหยาบของปั้นหยามีเยอะกว่านี้เชื่อผมเถอะ
#GRAPH END
#PANHYA TALK
ฉันเกลียดไอ้พี่กราฟ! ข้าวร้านนี้คือเจ้าดังของคณะ ข้าวหมูกรอบที่อร่อยที่สุดคนต่อแถวยาวที่สุด และป้าก็อินดี้มากขายแค่ที่อยากขาย ขายดีให้ตายยังไงก็ไม่เคยเพิ่มปริมาณการขาย ขายหมดตั้งแต่พักเที่ยงได้ครึ่งชั่วโมง และพอฉันต่อแถวอีกหนึ่งคิวจะถึงฉันแล้ว
“เด็ก ๆ จ๋า~ ของร้านป้าหมดแล้วจ้า!” ป้า! ป้าตะโกนคำนี้ขึ้นมามันโคตรทำร้ายจิตใจหนูเลยรู้ไหม! ป้าทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้อ่ะหนูยืนต่อคิวนานเป็นชาติแล้วนะ! อีกแค่คิวเดียวก็ถึงอีหยาแล้วทำไมโดนเทล่ะ! วันนี้ต้องอดใช่ไหม คงเป็นบุญที่เคยสร้างทำให้ซื้อแล้วกินได้ตั้ง 2 คำ แต่กรรมที่เคยก่อทำให้มีมารมาแย่งไป T_T
แต่เดี๋ยว! ทำไมมีหมูกรอบเหลือตั้งหนึ่งชิ้น! ป้าไม่ซื่อสัตย์กับลูกค้าเหรอ
“ป้าคะ มันมีหมูกรอบเหลือนี่คะ” เดินไปปะทะค่ะ คนอย่างปั้นหยาสาวสวนแตงแห่งเมืองสุพรรณอยากกินต้องได้กิน!
“อ้อจ้ะลูกมีเหลืออยู่นิดหน่อย” ป้าหันมาตอบด้วยใบหน้าแฮปปี้สุด ๆ ตามสไตล์แก
“แล้วทำไมป้าไม่ขายให้หมดล่ะคะ”
“ก็ข้าวมันหมดแล้วจ้าลูก ป้าขายต่อไม่ได้” อ๋อ~ เป็นแบบนี้นี่เอง เพราะป้าบอกพร้อมกับชี้ให้ดูหม้อข้าวขนาดเท่ากะละมังซักผ้าที่สามารถเปิดน้ำใส่ให้ไอ้พวกเด็กหัวโปกลงไปแช่น้ำเล่นได้ให้ฉันดู
“ป้าขาถ้างั้นหนูขอซื้อหมูกรอบอย่างเดียวก็ได้” ของเด็ดมันอยู่ที่หมูกรอบเค็มอ่อน ๆ ของป้า เพราะฉะนั้นเรื่องข้าวไม่ใช่ปัญหา ไปซื้อข้าวเปล่าร้านตามสั่งได้ อิอิ
“ไม่ได้หรอกลูก”
“อ้าว! ทำไมคะป้า”
“ป้าขายข้าวหมูกรอบไม่ได้ขายหมูกรอบจ้ะ หนูมาซื้อพรุ่งนี้ละกันนะ ไปลูกไปเดี๋ยวป้าจะเก็บร้านแล้ว”
OoO!
WTF!
อย่างนี้ก็ได้เหรอ! ป้าแม่งกวน... แล้วอีหยาทำยังไงล่ะ ยืนอึ้งกับคำตอบป้าน่ะสิคะ นอกจากจะโมโหป้าแล้วยังโกรธไอ้พี่กราฟมากกว่าที่หน้าด้านใจหมามาแย่งข้าวฉันกิน!
ปึก!
ฉันวางจานข้าวไข่เจียวหมูสับอาหารที่โคตรจะเป็นตัวเลือกสุดท้ายของชีวิตลงที่โต๊ะด้วยความหงุดหงิด ไปร้านไหนก็มีแต่คิวยาว ยิ่งโมโหหิวก็เลยเดินไปซื้อข้าวไข่เจียวที่ป้าเจียวไว้จนมันชืดแถมยังอมนำมันที่ดูก็รู้ว่าทำไว้ตั้งแต่เมื่อเช้ามากิน!
พอนั่งลงก็มองแรงใส่ไอ้พี่กราฟที่นั่งอยู่ที่เดิมแล้วหันมายิ้มให้ฉัน
“อ่ะ อันนี้ข้าวพี่เนอะ” เขายิ้มแล้วก็ยกจานข้าวหมูกรอบที่ยังไม่พร่องไปจากเดิมเลยสักนิดมาวางที่หน้าฉันพร้อมกับยกจานข้าวไข่เจียวบรมชืดไปวางแทนที่
“อะไร?” ฉันถามด้วยความงง เล่นตลกอะไรอีก แอบถุยน้ำลายใส่แล้วใช่ไหมถึงยอมเปลี่ยนกับฉัน
“ก็ข้าวหยาไง ส่วนอันนี้ก็ข้าวพี่” เขาชี้ไปที่จานข้าวไข่เจียว
“แย่งไปแล้วแต่เอามาคืนนี่ตลกมากเหรอ?” บทจะคืนก็ยอมคืนง่าย ๆ นี่นะ
“ไม่ได้ตลก แค่อยากให้หยาซื้อข้าวให้พี่แค่นั้น กินได้แล้วเดี๋ยวไม่อร่อย” เขาพูดแล้วก็ยิ้มกลับมาอีกครั้งก่อนที่จะหันไปสนใจไอ้ข้าวไข่เจียวบรมชืด ส่วนฉันก็แอบใจเต้นเล็กน้อยกับรอยยิ้มของเขาแบบที่ไม่ทันรู้ตัวเลย
“ไข่อะไรวะโคตรกระด้าง” ไอ้พี่กราฟตักเข้าปากแล้วก็เคี้ยว ๆๆ จากนั้นก็กลืนและยกแก้วน้ำของฉันไปดื่มหน้าตาเฉย ไอ้พี่กราฟ! ไอ้คนซกมก!
“ก็ไม่ต้องกิน! กลับไปกินที่คณะนายไป”
“ไปกินกับพี่ไหมล่ะ” ไอ้! ไอ้พี่กราฟมันหันมาถามชนิดที่ว่า ก้มลงมากระซิบข้างหูแล้วก็ทำเสียงแหบพร่า หัวร้อนแล้วตอนนี้ เอาอะไรยัดปากไอ้บ้านี่ดี!
“ป่ะ”
“ไปไหน?” พอกินข้าวเสร็จอีตานี่ก็พยักหน้าชวนฉันพร้อมกับหน้าด้านคว้ากระเป๋าฉันไปถือ
“ก็เลิกเรียนแล้วไปเดินเล่นหาอะไรกินข้างนอกดีกว่า” เดี๋ยวๆ เขารู้ได้ไงว่าฉันไม่มีเรียนบ่าย พอมองไปทางยาหยี อ๋อ~ เพื่อนตัวดีมันก้มหน้าอยู่ แบบนี้นี่เองสินะ
“ไม่ไปฉันจะกลับหอ”
“ก็ได้ เดี๋ยวพี่ไปด้วยเนอะ ขี้เกียจกลับคอนโดเหมือนกันไปนอนเล่นห้องเบบี๋ดีกว่าครับ”
“นาย!” ไอ้พี่กราฟพูดเสียงดังมาก ในขณะที่คนจอแจไปทั้งโรงอาหารแต่ในบริเวณนี้กลับไม่ค่อยคุยกันเสียงดัง เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะคนพวกนี้อยากรู้ไงว่าไอ้พี่กราฟมันคุยอะไรกับปั้นหยา พอพูดแบบนี้ก็เลยมีคนได้ยินกันพอสมควร
“ครับ ไปเลยไหม” ปั้นหยาแกจะต้องเส้นเลือดแตกตายก่อนวัยอันควรเพราะไอ้พี่กราฟแน่นอน คนอะไรทำไมมันอึนได้ขนาดนี้วะ ไอ้หล่อระยำนายจะมายิ้มให้กับทุกเรื่องที่ฉันเกรี้ยวกราดใส่ไม่ได้หรอกนะ! ทำไมมันไม่เคยสะเทือนกับปฏิกิริยาของฉันเลย!
“นี่นายช่วยเลิกยุ่งกับฉันสักทีเถอะนะ ต้องการอะไรบอกมาถ้าทำได้ฉันจะทำให้ ขอแค่นายเลิกมารังควาญชีวิตฉันสักที นายแค้นที่ฉันผลักนายตกน้ำใช่ไหม โอเคถ้างั้นเดี๋ยวฉันจะไปกระโดดลงบ่อปลาดุกหลังตึกคณะเกษตรตอนนี้เลย ถ้าไม่สะใจบ่อปลานิลปลาตะเพียนปลาไหล ฉันโดดมันทุกบ่อก็ได้ โอเคไหม?” สุดจะทนแล้วจริง ๆ หยายอมทำทุกอย่างแล้วจ้ากราฟจ๋า~ T_T
“พูดอะไรวะ?” แม่ง! นั่งจ้องหน้าตั้งใจฟังแถมพยักหน้าเวลาอีหยาพูดแทบจะทุกประโยค อีนี่ก็แร็ปยาวอย่างกับเป็นแร็ปเปอร์หญิงแต่สุดท้าย พูดอะไรวะ? พ่อง!
“...” ตอนนี้ฉันโกรธจนแทบจะกรี๊ดเลยล่ะค่ะ กลับบ้านที่สุพรรณไปขโมยปืนพ่อกำนันมายิงหัวไอ้กร๊วกนี่ซะเลยดีไหม!
“ลองเปิดใจให้พี่สักเดือน ถ้าหยาไม่รู้สึกอะไรกับพี่เดี๋ยวพี่ไปเอง” เปิดใจส้นพระบาทอะไรวะ เปิดมาสามปีตอนนี้ล็อกปิดตายโยนกุญแจลงมหาสมุทรภายใน 3 นาทีมาเป็นเดือนแล้ว ต่อให้สูบน้ำออกจากมหาสมุทรก็ไม่มีทางหากุญแจมาไขเจอหรอกปั้นหยามั่นใจ
“ฉันไม่มีทางชอบนาย อย่ามาเสียเวลาเลย” ฉันบอกด้วยความมั่นใจ ยืดอกแบน ๆ ใส่ไอ้พี่กราฟเลยค่ะ ปั้นหยามั่นใจและมั่นหน้ามากพอ
“กลัวเสียเวลาหรือกลัวใจตัวเอง” โคตรมั่น ทำหน้าโคตรมั่นในความหล่อ หล่อมากเรื่องนี้ยอมรับ แต่ก็ระยำมากเช่นกัน เพราะฉะนั้นก่อนมั่นใจในความหล่อโปรดเช็คความระยำในตัวด้วยค่ะ!
“เหอะ! ฉันใจแกร่งเหมือนหินในภูเขาไฟที่ต่อให้โดนลาวาก็ไม่มีทางละลาย เพราะฉะนั้นน้ำลายของนายก็ไม่มีทางได้ผลกับใจฉันแน่นอน”
“ลองไหมล่ะ ภายในหนึ่งเดือนพี่จะทำให้หยารักพี่ให้ได้”
“แล้วถ้านายทำไม่ได้ฉันจะได้อะไรเป็นค่าเสียเวลา” ในเมื่อทำเสียงมั่นใจมา อีหยาก็กล้าท้าชนกลับค่ะ
“พี่จะไม่มากวนใจอีก”
“ข้อเสนอโคตรไม่คุ้มกับการเสียเวลามาพูดจาดี ๆ กับนายตั้งหนึ่งเดือน ขอผ่าน ไม่เอา ไม่เสียเวลาเล่น” คือมันไม่คุ้มตรงที่ถ้าหนึ่งเดือนฉันต้องพยายามฝืนใจทำเหมือนเปิดใจให้เขาก็หมายความว่าฉันต้องญาติดีด้วย แต่มันรู้สึกไม่คุ้มทุนที่ต้องไปสนทนาพาทีดี ๆ กับไอ้กร๊วกนี่เลยสักนิด
“Ferrari สีเหมือนขี้คันนั้น เอาไปได้เลย”