ตอนที่ 1

2459 คำ
โบสถ์เก่าแก่ที่มีมนต์ขลังได้ถูกเลือกให้เป็นสถานที่จัดงานวิวาห์ของมหาเศรษฐีหนุ่มจากตระกูลดังมีนามว่า สิงหา เกริกไกรฤทธิ์ธิเดช โดยสิงหาเป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และกำลังเริ่มจับธุรกิจเกี่ยวกับเงินทุนหลักทรัพย์อยู่ในขณะนี้ ความร่ำรวยของเขาเข้าขั้นระดับมหาเศรษฐีหมื่นล้านเลยก็ว่าได้ ส่วนเจ้าสาวนั้นคือเจนสิก้า หวัง สาวลูกครึ่งสามสัญชาติไทย-จีน-อังกฤษ หญิงสาวมีพ่อเป็นลูกครึ่งไทยจีน และมีแม่เป็นคนอังกฤษ จึงทำให้กลายเป็นสาวลูกครึ่งที่มีสามสัญชาติอยู่ในตัว เจนสิก้าอาศัยอยู่กับนายวิวัตร หวัง ผู้เป็นพ่อที่ฮ่องกง ส่วนนางอาแมนด้าผู้เป็นแม่นั้นเสียชีวิตไปได้หนึ่งปีแล้ว และตอนนี้ชายหนุ่มเจ้าของงานก็ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงหน้าแท่นพิธีในชุดสูทสีขาว สิงหากำลังรอคอยการมาของเจ้าสาวแสนสวยของเขาอยู่ รอยยิ้มฉายชัดอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาบ่งบอกได้อย่างดียิ่งว่าวันนี้เขามีความสุขมากมายเพียงใด ดวงตาสีสนิมเหล็กทอแสงประกายแวววาวตอบโจทย์ให้กับแขกเหรื่อในงานได้เป็นอย่างดี สิงหาใช้ชีวิตอยู่กับงานเสียเป็นส่วนใหญ่ จนเมื่อสองปีที่ผ่านมาเขาได้พบกับเจนสิก้าที่งานเลี้ยงงานหนึ่งที่ฮ่องกง หญิงสาวช่างแสนสวยและแสนหวานจนเป็นที่หมายปองของหนุ่มๆ นักธุรกิจที่มาในงานนั้นอย่างมาก และเกือบทุกคนที่เข้าไปขอเธอเต้นรำ แต่ทุกคนก็ได้รับการปฏิเสธกลับมาแทบทั้งสิ้นยกเว้นเขาคนเดียวที่หญิงสาวไม่ปฏิเสธ เจนสิก้ายินดีที่จะเต้นรำกับเขา และนั่นคือจุดเริ่มต้นให้สิงหาและเจนสิก้าได้สานสัมพันธ์กันจนมีวันนี้เกิดขึ้นมาได้ และในวันนี้เขาก็จะขอให้คำสัญญากับเจนสิก้าว่าเขาจะรักและดูแลเธอให้ดีที่สุดไปจนกว่าที่ชีวิตของเขาจะหาไม่ ชายหนุ่มจะพูดคำนี้ออกไปให้คนรักได้ฟัง “เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับเจ้านาย” เสียงเรียกของยงยุทธซึ่งเป็นเลขาคนสนิทร้องเรียกชื่อเขาดังขึ้น ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของสิงหาหันกลับมามองตามเสียงเรียกพร้อมกับดวงตาสีสนิมตวัดมองอีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจ ยงยุทธถึงกับหน้าเสียขึ้นมาทันทีที่ถูกผู้เป็นนายมองมาด้วยสายตาคาดโทษแบบนั้น แต่เรื่องที่เขาจะบอกมันเป็นเรื่องสำคัญหรืออาจจะพูดได้ว่าเป็นเรื่องคอขาดบาดตายก็ว่าได้เลยทีเดียว “ขะ...ขอโทษครับเจ้านาย ตะ...แต่เรื่องนี้สำคัญจริงๆ ครับ” “ถ้าสำคัญก็รีบพูดมา ก่อนที่ฉันจะสั่งให้การ์ดมาลากตัวนายออกไปจากตรงนี้” สิงหาพูดบอกเสียงลอดไรฟันออกมา “อะ...เอ่อ...คะ...คือว่า...” ยงยุทธได้แต่อึกๆ อักๆ พูดไม่ออก ซึ่งท่าทางของเลขาคนสนิทที่แสดงออกมาเช่นนี้ยิ่งสร้างความรำคาญให้กับชายหนุ่มเป็นอย่างมาก จนเขาต้องพูดเสียงเข้มสั่งการออกไปอีกครั้ง “ถ้าไม่พูดก็ไสหัวออกไปจากตรงนี้ แล้วเตรียมรอรับซองขาวได้เลยยงยุทธ” คำพูดของคนเป็นนายทำให้เลขาคนสนิทหน้าเสียจึงรีบพูดบอกเรื่องด่วนออกมาทันที “หา! ซองขาว! บะ...บอกแล้วครับเจ้านาย คะ...คือรถของคุณเจนสิก้าเกิดอุบัติเหตุครับ คะ...คุณเจนสิก้า...ธะ...เธอ...เอ่อ...เธอเสียชีวิตแล้วครับเจ้านาย” “อะ...อะไรนะ!” เรื่องใหญ่ของยงยุทธเลขาคนสนิทที่ต้องการบอกให้กับเขาได้รู้มันถึงกับทำให้สิงหาเหมือนกับโดนค้อนปอนด์ทุบหัวเข้าอย่างแรง “ไม่จริง! เจนสิก้าต้องไม่เป็นอะไร! นายเอาเรื่องบ้าบออะไรมาพูดห๊ะ!” สิงหาพูดพร้อมกับโผเข้าไปคว้าคอเสื้อเชิ้ตของลูกน้องแล้วกระชากเข้าหาตัวทันที “เรื่องนี้เป็นความจริงครับเจ้านาย! เพราะคุณวิวัตรคุณพ่อของคุณเจนสิก้าก็อยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วย” “ไม่! ไม่จริง! ฉันไม่เชื่อ! ไม่!!!!!!” เรื่องนี้มันคือเรื่องโกหก มันต้องไม่ใช่เรื่องจริงอย่างแน่นอน ต้องมีใครเล่นตลกปล่อยข่าวลวงกับเขาอย่างแน่นอน แม้หัวใจจะค้านแต่เข่าของสิงหากลับอ่อนยวบจนเกือบจะล้มลงไปกองอยู่กับพื้น ดีที่ยงยุทธลูกน้องคนสนิทของเขาเข้ามาช่วยประคองเอาไว้ได้ทัน ไม่เช่นนั้นร่างสูงใหญ่ของสิงหาคงล้มลงไปกองกับพื้นอย่างแน่นอน “ฉันจะไปหาเจนสิก้า! พาฉันไปหาเจนสิก้าเดี๋ยวนี้ยงยุทธ!” งานวิวาห์ที่มีแต่รอยยิ้มแห่งความสุขกลับกลายเป็นงานโศกเศร้าของเจ้าสาวแสนสวยไปในเวลาไม่กี่ชั่วโมง เสียงร้องระงมของความสูญเสียดังขึ้นจากคนรอบกายที่มางานของเจ้าสาวแสนสวยด้วยกันทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่สิงหาผู้เป็นเจ้าบ่าว ชายหนุ่มเจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งหัวใจที่คนรักมาประสบอุบัติเหตุที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นเลยเช่นนี้ ร่างของเจนสิก้าที่ขณะแพทย์ต่างรุมล้อมเพื่อเร่งช่วยชีวิตในคราแรกที่ได้ถูกนำตัวเข้ามาที่โรงพยาบาล บัดนี้ถูกปิดคลุมด้วยผ้าขาวเอาไว้เป็นอย่างดี เป็นสัญญาณบอกถึงการจบสิ้นชีวิตของหญิงสาวเมื่อเธอไม่อาจทนพิษบาดแผลได้ไหว ดวงตาสีสนิมของสิงหาเหมือนดั่งมีกองไฟมาสุมอยู่ในดวงตาด้วยความร้าวรานใจ เขาสูญเสียหญิงคนรักไปในวันแต่งงาน ร่างสูงใหญ่ยืนนิ่งเหมือนอยากจะหยุดหายใจ ก่อนที่เขาจะถูกกันให้ออกมาอยู่ภายนอกเหมือนกับญาติผู้เจ็บรายอื่นๆ สิงหาเดินมาหยุดนิ่งอยู่ใกล้ๆ เคาน์เตอร์จ่ายยา และเขาก็ได้ยินเสียงตัดพ้อของญาติคนเจ็บรายหนึ่งที่พูดขึ้นมาอย่างเจ็บแค้นในอุบัติเหตุครั้งนี้ว่า “ถ้าไอ้รถคันหน้ามันไม่เบรกกะทันหันน่ะรถของน้องชายเจ้คงไม่ไปชนท้ายมันแบบนั้นหรอก มันนั่นแหละที่เป็นคนผิด” “เจ้! เจ้อย่าพูดแบบนั้นสิ! ที่พูดน่ะแน่ใจแล้วเหรอว่าเป็นรถคันนั้นจริงๆ น่ะ” หญิงสาวอีกคนที่นั่งอยู่ด้วยกันพูดแย้งออกมา “แน่ใจสิ! ถ้าไม่เชื่อก็ดูนี่สิ เจ้ถ่ายวิดีโอเอาไว้ด้วย ตอนนั้นเจ้กำลังเซลฟี่รูปอยู่ในรถอยู่ แล้วก็เห็นรถคันที่มีเจ้าสาวขับที่มันแล่นอยู่ข้างๆ เจ้เห็นว่ามันสวยดีเจ้ก็เลยหันกล้องไปถ่ายเอาไว้ แกไม่เชื่อก็ดูนี่เลย” พูดจบก็ยื่นโทรศัพท์มือถือให้หญิงสาวที่นั่งอยู่ด้วยกันดู โดยไม่ยอมบอกว่าหลังจากถ่ายภาพนั้นไว้แล้วรถของเธอที่น้องชายเป็นคนขับก็เป็นฝ่ายเร่งเครื่องแซงรถคันของเจนสิก้าขึ้นไปเมื่อเห็นว่ารถเก๋งคันหน้าตีไฟเบี่ยงออกเปิดทางให้ และขับขี่ด้วยความเร็วก่อนที่จะเบรกอย่างกะทันหันจนทำให้เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ขึ้น สิงหาถึงกับตาลุกวาวก่อนที่จะก้าวเดินเข้าไปหาหญิงสาวทั้งสองคนแล้วพูดขึ้นว่า “ผมขอดูภาพที่คุณถ่ายเอาไว้ได้หรือเปล่าครับ” “ดะ...ได้ค่ะ” หญิงสาวทั้งสองพูดขึ้นเสียงตะกุกตะกัก นึกกลัวกับดวงตาของชายหนุ่มที่มองมาที่พวกตนนัก ก่อนจะยื่นส่งโทรศัพท์มือถือไปให้กับชายหนุ่ม สิงหารับมาแล้วรีบกดเปิดดูภาพที่ถูกอัดไว้ทันที ดวงตาสีสนิมมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงแค่เสี้ยววินาที ชายหนุ่มเห็นเจนสิก้าเป็นคนขับรถเอง โดยมีนายวิวัตร หวัง ผู้เป็นพ่อนั่งมาด้านข้างคนขับ ก่อนที่อยู่ๆ ภาพในโทรศัพท์จะขยับและถ่ายอยู่ที่ขาของหญิงสาวและเธอก็เอื้อมมือลงมาเก็บ สิงหาเงยมองหน้าหญิงสาวคนนั้นทันทีแล้วพูดถามออกมาว่า “คุณถ่ายได้แค่นี้เหรอ ไม่เห็นมีเหตุการณ์ที่รถชนเกิดขึ้นเลย” ชายหนุ่มถามขึ้นเสียงไม่เบานัก ก่อนที่หญิงสาวเจ้าของโทรศัพท์จะลุกขึ้นยืนพร้อมกับคว้าโทรศัพท์มือถือของเธอคืนมาแล้วพูดขึ้นบ้าง “จะไม่มีได้ยังไงคุณ นี่! คุณดูนี่สิ” พูดพร้อมกับเปิดวิดีโอให้ชายหนุ่มดูใหม่อีกครั้งแล้วพูดอธิบายไปด้วย “นี่ไง คุณดูสิ รถเก๋งคันนี้น่ะมันขับนำหน้ารถเจ้าสาวคันนี้อยู่ เห็นไหม แล้วนั่น! ผู้หญิงเป็นคนขับด้วย แล้วอย่างนี้จะไม่ใช่ความผิดของรถคันหน้าได้ยังไงกันล่ะในเมื่อมันอยู่คันหน้าแล้วถ้ามันไม่เบรกแบบกะทันหันรถของเจ้าสาวคันนี้กับรถของน้องชายฉันจะขับชนท้ายกันเหรอ” เธอพูดอย่างมีอารมณ์ ซึ่งจริงๆ แล้วคันที่ผิดคือรถของน้องชายเธอต่างหาก ด้วยความรักน้องจึงคิดโยนความผิดไปให้กับคนอื่น เพราะคิดว่ายังไงเสียคู่กรณีก็เสียชีวิตไปแล้วและเธอเองก็มีหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอที่เอาให้ชายหนุ่มดู และคลิปวิดีโอที่เอาให้สิงหาดูนั้นก็คือคลิปที่เธอถ่ายเอาไว้ก่อนที่รถคันที่ถูกกล่าวหาว่าผิดจะเบี่ยงชิดซ้ายให้เพื่อเปิดทางให้รถของเจนสิก้าได้แซงขึ้นไปก่อน แต่กลับกลายเป็นรถของน้องชายเธอเองต่างหากที่ขับแซงรถของเจ้าสาวขึ้นมาด้วยความเร็ว แล้วปาดหน้ารถของเจนสิก้าอย่างกระชั้นชิดจึงทำให้เกิดอุบัติขึ้น และสิงหาก็คิดตามคำพูดของหญิงสาว และเพราะความแค้นทำให้ชายหนุ่มลืมคำว่า ‘เหตุผล’ เขากลับใช้ ‘อารมณ์’ เป็นที่ตั้ง แล้วตัดสินทันทีว่ารถคันหน้าที่หญิงสาวเจ้าของโทรศัพท์พูดบอกออกมาว่าเป็นผู้ผิดนั้นผิดจริง ก่อนเหลือบไปเห็นร่างของนายวิวัตรผู้เป็นพ่อของหญิงคนรักกำลังเดินเข้ามาหาชายหนุ่มที่เกือบจะได้มาเป็นลูกเขยด้วยความอ่อนแรง สิงหาจึงรีบผละออกจากจุดที่ยืนพูดคุยกับหญิงสาวคนนั้นแล้วเดินเข้ามาหาชายสูงวัยแทน ตามร่างกายและศีรษะของชายสูงวัยมีผ้าก๊อซปิดแผลอยู่หลายจุด เสื้อสูทสีขาวมีคราบเลือดเกรอะกรังเลอะอยู่เต็มไปหมด นายวิวัตรยกมือขึ้นตบไหล่หนาเบาๆ แล้วพูดขึ้นว่า “พ่อขอโทษคุณสิงหาด้วยนะ พ่อน่าที่จะขับรถเอง ไม่น่าตามใจยอมให้เจสซี่ขับรถเลย ไม่เช่นนั้นเรื่องร้ายๆ แบบนี้ก็คงไม่เกิด แล้วเจสซี่ก็ไม่ต้องมาจบชีวิตลงเช่นนี้ พ่อผิดเอง พ่อ...ขอโทษ” นายวิวัตรพูดออกมาเสียงสั่นเครือ พร้อมกับยกมือขึ้นบีบตรงหัวตาเพื่อไม่ให้น้ำตาไหลออกมา แต่ก็ทำได้ยากเย็นยิ่งนัก คำพูดของนายวิวัตรทำให้กรามแกร่งของสิงหาขบเข้าหากันจนแน่น เขาหันกลับมามองหน้าชายสูงวัยพร้อมเอ่ยขึ้น “อย่าโทษตัวเองเลยครับ คุณพ่อไม่ผิดหรอกครับ คนที่ผิดน่ะมันคือผู้หญิงคนนั้นต่างหาก ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ขับรถจี้ท้ายรถที่เจนสิก้าขับเธอก็คงไม่ต้องเร่งความเร็วจนเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้หรอกครับ” นายวิวัตรถึงกับตกตะลึงในคำพูดของชายหนุ่ม ชายสูงวัยรีบพูดอธิบายทันที “ไม่ใช่! คุณสิงหา คุณกำลังเข้าใจผิด ทางเราต่างหากที่...โอ๊ย!” นายวิวัตรพูดได้เพียงเท่านั้น อยู่ๆ เขาก็ปวดหัวจี๊ดขึ้นมาอย่างรุนแรง ชายสูงวัยยกมือสองข้างกุมเข้าที่ศีรษะอย่างเจ็บปวด ดวงตาจ้องมองมาที่ชายหนุ่ม เขาอยากจะพูดอธิบายความจริงให้สิงหาได้รับรู้ว่าลูกสาวของเขาต่างหากที่เป็นคนขับรถจี้ท้ายรถของหญิงสาวคนนั้น และเธอคนนั้นก็ตีไฟเบี่ยงเข้าเลนซ้ายให้แล้ว แต่เป็นเพราะว่ารถคันหลังที่ขับตามหลังรถของเขามาเกิดเร่งเครื่องแล้วปาดแซงรถที่เจนสิก้าขับอย่างกระชั้นชิดแล้วก็เบรกอย่างกะทันหันต่างหาก เลยทำให้รถที่เจนสิก้าลูกสาวของตนที่ขับมาอย่างเร็วเพื่อที่จะไปเข้าพิธีแต่งงานให้ทันเหยียบเบรกรถเสียงดังสนั่น รถเก๋งคันงามหมุนคว้างอยู่กลางถนนและพลิกตะแคงข้างไถลไปกับพื้นถนนอย่างแรงจนไปเฉี่ยวชนเอากับรถของหญิงสาวที่เปิดทางให้ก่อนหน้านั้น ทำให้รถของผู้หญิงคนนั้นเสียหลักพุ่งไถลตกลงไปที่ข้างทาง ก่อนที่รถของเจนสิก้าจะไปเฉี่ยวเข้ากับรถที่ปาดแซงหน้าทำให้เกิดอุบัติเหตุอีกคัน แล้วพุ่งอัดเข้าไปที่ต้นไม้ใหญ่ข้างทางอย่างแรงจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ผลที่ตามมาทำให้ลูกสาวของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและได้มาเสียชีวิตที่โรงพยาบาลเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว นายวิวัตรตั้งใจจะอธิบายให้ชายหนุ่มตรงหน้าฟังถึงเหตุการณ์ที่แท้จริงที่มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร และเขาเองก็มีกล้องที่ติดเอาไว้หน้ารถด้วย ไม่รู้ว่าสิงหาไปเอาข้อมูลผิดๆ เช่นนี้มาจากใครถึงได้พูดออกมาเช่นนี้ แต่นายวิวัตรก็ไม่สามารถจะพูดอะไรออกมาได้อีก ก่อนที่ร่างสูงวัยจะทรุดฮวบลงไปกองอยู่ที่พื้น สิงหานั้นตกใจไม่น้อยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ก็มีสติ เขารีบเข้าช่วยประคองร่างของนายวิวัตรแล้วร้องเรียกหาพยาบาลขึ้นทันที “พยาบาล! พยาบาลครับ ช่วยด้วย!” ความโกลาหลจึงเกิดขึ้นในวินาทีต่อมา ก่อนที่ร่างของนายวิวัตรจะถูกนำตัวกลับเข้าไปยังห้องฉุกเฉินอีกครั้งเพื่อตรวจเช็คอาการอย่างละเอียด ทั้งๆ ที่เพิ่งจะทำแผลออกมาได้ไม่นาน สิงหามองตามร่างของชายสูงวัยที่ถูกบุรุษพยาบาลนำขึ้นรถเข็นพาเข้าห้องฉุกเฉินไปจนลับตา พร้อมๆ กับที่ร่างของผู้หญิงอีกคนที่กำลังถูกเข็นออกมาจากห้องฉุกเฉินเพื่อส่งตัวให้ขึ้นไปห้องพิเศษเพื่อทำการพักฟื้น ดวงตาสีสนิมลุกโชนขึ้นมาด้วยความแค้น พร้อมกับเสียงเหี้ยมที่พูดลอดไรฟันออกมาว่า “ฉันจะต้องรู้ให้ได้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือใคร!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม