Chapter 12 ดีใจได้ไม่นาน

1206 คำ
“อืออออ” ชูแขนขึ้นทั้งสองข้างก่อนครางอือเกร็งตัวบิดขี้เกียจ ค่อย ๆ เปิดเปลือกตาเพื่อรับแสงของวันใหม่ “เฮียน็อต!” สลืมสลืออยู่สักพักพึ่งนึกได้ว่าเมื่อคืนนี้เฮียน็อตมา ดีดตัวลุกจากเตียงด้วยความเร็ววิ่งออกจากห้องนอน หวังลึก ๆ ว่าสุดหล่อของฉันจะยังอยู่ แต่ก็... “กลับไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วสินะ” ฉันนั่งลงโซฟายังตำแหน่งที่เฮียน็อตเคยนั่ง ไล้มือสัมผัสแผ่วเบาราวกับว่าไออุ่นของคนพี่ยังคงอยู่ ถึงจะเสียดายที่ตื่นมาไม่ได้เจอหน้าหล่อ ๆ ให้ชื่นใจ แต่ก็ถือว่าคุ้มแล้วที่ได้นอนหนุนตักอุ่นจนเผลอหลับไปเมื่อคืน “ส่งข้อความไปขอบคุณหน่อยดีกว่า” ฝัน ที่เหมือนฝัน : ขอบคุณเฮียน็อตที่ดูแลฝันอย่างดีนะคะ ฝัน ที่เหมือนฝัน : อยากบอกว่าตักเฮียนุ่มมากกก... ฝัน ที่เหมือนฝัน : เมื่อคืนฝันฟินที่สุดเท่าที่ชีวิตนี้เคยฟินมา ฝัน ที่เหมือนฝัน : สติกเกอร์สาวน้อยบิดตัวเขิน ฉันนั่งยิ้มกับข้อความของตัวเอง เลือกปิดหน้าจอโทรศัพท์ไว้ตามเดิม ไม่ได้ใจจดจ่อให้เฮียน็อตตอบกลับ เพราะการที่อีกฝ่ายเปิดอ่านข้อความที่ส่งไปก็ถือว่าเป็นบุญของฉันแล้ว วันนี้ฉันมีเรียนทั้งเช้าบ่าย แต่ดีหน่อยที่คลาสเช้าอาจารย์ยกเลิกเนื่องจากไม่สบายกะทันหัน ฉันเลยคิดว่าจะนอนต่ออีกสักหน่อยแล้วค่อยลุกมาหาอะไรกิน ยังไม่ทันได้หลับตาเสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้น ฉันย่นจมูกใส่หน้าจอเมื่อเห็นรายชื่อคนโทรมา “มีอะไร” (คิดถึง) คำว่าคิดถึงเล่นเอาขนลุกไปทั้งตัว “เป็นบ้าอะไรมาบอกคิดถึง” (คิดถึงจริง ๆ ตอนเที่ยงมากินข้าวเป็นเพื่อนหน่อย) นั่นไงล่ะจุดประสงค์ของคำว่าคิดถึง “แค่กินข้าวต้องมีเพื่อนด้วยรึไง ปากใครปากมัน” (น่าฝัน มีเรื่องจะเม้าท์ด้วย) “เรื่องอะไร” หูผึ่งเลยทีเดียวพอได้ยินว่าเพื่อนมีเรื่องเล่า ไอ้เราก็ชอบใส่ใจเรื่องคนอื่นซะด้วยทีนี้ก็ว่าวุ่น (มาก่อนถึงจะเล่า) “เออ ๆ ให้ไปที่ไหน” สุดท้ายความอยากรู้อยากเห็นก็ชนะทุกสิ่งอย่าง (คณะฉันแล้วกัน) “อือ ถึงแล้วเดี๋ยวโทรหา” (จ๊ะที่รัก) ฉันเบ้หน้าให้กับคำว่าที่รักของไอ้ฟอส ขนลุกจนต้องรีบตัดสายแล้วโยนโทรศัพท์ให้ห่างตัว จากตั้งใจว่าจะนอนต่อสองชั่วโมงก็เหลือเพียงชั่วโมงเดียว ไหน ๆ จะเข้ามออยู่แล้ว ฉันเลยอาบน้ำแต่งตัวรอเรียนคลาสบ่ายด้วยเลยจะได้ไม่ต้องเสียเวลากลับมาเปลี่ยนชุดอีก ฉันมาถึงคณะเทคโนโลยีสารสนเทศก่อนเวลานัดห้านาที นั่งรอจนกระทั่งฟอสตอบข้อความถึงได้เดินลงจากรถ “สวยไม่เปลี่ยนเลยนะครับ” เจอหน้าก็พูดจาเลี่ยนหูใส่กันเลย ฉันเบ้หน้าแสดงออกถึงความจั้กจี้ไม่ปิดบัง “น้อย ๆ หน่อย ฉันไม่อยากอ้วกก่อนกินข้าว” ฟอสหัวเราะพอใจ มันเอาแขนหนัก ๆ ของตัวเองพาดไหล่ฉัน แล้วลากมายังโรงอาหารที่ตอนนี้คนเยอะยิ่งกว่ามด “กินไรเดี๋ยวซื้อให้” พอได้โต๊ะฟอสก็อาสาไปซื้อข้าว อย่าคิดว่ามันเป็นสุภาพบุรุษอะไรนะ มันแค่กลัวว่าถ้าฉันไปซื้อเองจะได้นั่งรอจนเหงือกแห้ง เพราะกว่าฉันจะเลือกได้ต้องเดินวนไม่ต่ำกว่าสองรอบ “เหมือนแกแล้วกัน” กินเหมือนกันนั่นแหละจะได้จบ อีกอย่างฉันก็ยังไม่หิวมาก จุดประสงค์ที่ถ่อมาถึงนี้เพราะความอยากใส่ใจล้วน ๆ เลย “รู้รึยังว่าคู่หมั้นแกกำลังมีคนคุย” ฟอสเคี้ยวข้าวตุ้ย ๆ แต่มันก็ยังเอ่ยถามฉัน มารยาทบนโต๊ะอาหารให้ลบร้อยเต็มร้อย “พอรู้ วันก่อนเห็นแวบ ๆ ว่าพาสาวไปเดินตลาดนัด” ก็วันที่บอสลากฉันกับนิวไปให้อาหารปลานั้นแหละ ขากลับเลยได้เห็นคุณเมฆสุดหล่อควงสาวไปซื้อของ “ชิวจังนะ ไม่หึง?” “อย่าพูดเหมือนไม่รู้” ฟอสขำเมื่อได้ยินคำพูดฉัน “อะไรมันก็ไม่แน่ไม่นอนนี่หว่า บางทีพวกแกอาจจะอยากหันมากินกันเอง” “โอ๊ยยยย ชาติหน้าตอนบ่าย ๆ ก็ไม่รู้จะเป็นไปได้รึเปล่า” คราวนี้ฟอสหัวเราะหนัก พอใจนักที่เห็นว่าฉันเริ่มโมโหเป็นแบบนี้ประจำ ฟอสมันชอบล้อฉันกับเมฆมาตั้งแต่สมัยมัธยม ชงเข้มตลอด ยุให้ฉันกับเมฆชอบกัน ทั้งที่เราสองคนแสดงออกชัดว่าไม่มีทางชอบกันเอง แต่มันก็ยังล้อขึ้นมหา’ลัยแล้วมันก็ยังหยิบมาพูดอยู่บ่อย ๆ พี่เหมียวด้วยอีกคน ชอบเรียกเมฆว่าคู่หมั้น ทั้งที่เมฆมีชื่อแต่ก็ไม่ยอมเรียก แล้วถ้าถามว่าเมฆเป็นคู่หมั้นฉันจริงรึเปล่า คำตอบก็คือ...จริง “เออฝัน แกรู้จักผู้ชายคนนั้นไหม ช่วงนี้โผล่มาที่คณะบ่อยมาก” ฉันหันมองตามการเพยิดหน้าของฟอส ร่างสูงอยู่ในชุดสูทถูกระเบียบสีน้ำเงินเข้ม เป็นชุดนักศึกษาที่เรียนบริหารเขาใส่กัน ฟอสถึงได้ถามเพราะรู้ว่าเรียนคณะเดียวกับฉัน “มาบ่อยมากเลยเหรอ” “หมายถึงคนนั้นอ่ะนะ” “อือ” “อาทิตย์นี้เจอที่นี่สองครั้งละ” แสดงว่ามาบ่อยจริงสินะ ถึงขั้นที่ไอ้ฟอสคนไม่สนโลกจำหน้าได้ “เป็นอะไร จู่ ๆ ทำหน้างอ” ไม่ให้งอได้ไงในเมื่อสุดหล่อของฉันมีแววว่าจะมาหาสาวที่คณะนี้แทบทุกวัน ทั้งที่เมื่อคืนรวมถึงเมื่อเช้าฉันยังดี้ด้าดีใจอยู่เลยที่ได้ขยับเข้าใกล้เฮียน็อตอีกนิด แล้วนี่อะไร ความหวังพังทลายลงตรงหน้า ข้อความที่ส่งไปเมื่อเช้าก็ยังไม่เปิดอ่าน ร้องไห้ได้ไหมนะ ร้องไห้ตรงนี้ได้รึเปล่า “เฮ้ย! เป็นอะไรบอก ร้องเพื่อ” ฉันเบ้ปากใส่ฟอส น้ำตาคลอเบ้าจนเพื่อนลนลาน “ถามว่าเป็นอะไรก็ไม่ยอมบอกเอาแต่สูดน้ำมูก แล้วฉันจะรู้ไหมว่าต้องทำยังไง” ฟอสพาฉันออกจากโรงอาหาร มันบอกว่าอายคนเลยไม่พากินข้าวต่อ “แกว่าสองคนนั้นเป็นอะไรกัน” “ใครอีก” “ก็ที่เราเห็นที่โรงอาหารไง” บอกให้เราดูแล้วยังความจำสั้นมาถามอีกว่าใคร ไอ้บ้านี่ “ทำไม แกใส่ใจอะไรนัก ชอบ?” “อือ” ไม่คิดปิดบังเพื่อนหรอก ชอบก็บอกว่าชอบไม่รู้จะเก็บทรงไปทำไม “ไม่รู้ว่ะ แต่ถ้าไม่ได้เป็นอะไรกันจะมาหากันทำไม อย่างแกกับฉันเพื่อนกันก็ว่าไปอย่าง แต่จากที่เห็นผู้หญิงน่าจะรุ่นน้อง” ยิ่งได้ยินฟอสวิเคราะห์ปากฉันยิ่งเบ้หนัก ทำไมเฮียน็อตถึงทำกับฉันแบบนี้ ทำไมถึงยิ้มให้ผู้หญิงคนนั้นด้วยสายตาอบอุ่น ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงได้ยืนข้างเฮียน็อตแทนที่จะเป็นฉัน!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม