ตอนที่ 7 เงามืด
ข้าวตังตื่นในช่วงสายความเปียกแฉะที่ใบหน้าทำให้เขารู้ว่าตัวเองตื่นพร้อมน้ำตาอีกแล้วมันเป็นความรู้สึกที่ชินแต่ก็ไม่ชิน ร่างเพรียวลุกจากเตียงเดินไปอาบน้ำและแต่งตัวอีกหนึ่งชั่วโมงจะถึงเวลานัดกับหมอ อาหารเช้าเป็นขนมปังและแยมง่าย ๆ ตามประสาคนเร่งรีบหลังจากนั้นจึงได้ตรงไปที่โรงพยาบาลเขามาตามนัดกับคุณหมอส่วนตัวเลยไม่จำเป็นต้องไปเข้าคิวเบียดเสียดกับใคร โรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้เป็นที่โด่งดังแม้ว่าค่ารักษาจะแพงแต่ทุกวันที่ยังเต็มไปด้วยผู้คน กลิ่นเฉพาะของโรงพยาบาลทำให้ข้าวตังย่นจมูกอย่างไม่ชอบใจตอนเด็กเขามีความฝันว่าจะเป็นหมอไม่น่าเชื่อว่าเขาอยากอยู่สถานที่ที่มีกลิ่นแบบนี้เขานับถือคุณหมอและพยาบาลมาก ๆ ต้องทนดมพวกมันทุกวัน
“อ้าวน้องตัง” เสียงทักดังขึ้นระหว่างที่ข้าวตังกำลังเปิดประตู ซัน หมอหนุ่มสุดฮอตใบหน้าหล่อเหลาของคุณหมอตกสาว ๆ ไว้ได้หลายคนจนมีคนมากมายอยากอาสาเป็นคนป่วยเพื่อได้อยู่ใกล้ชิดซันและภามเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่มัธยมปลายจนถึงมหาวิทยาลัย
“สวัสดีครับพี่ซัน วันนี้รบกวนหน่อยนะครับ” ข้าวตังยิ้มทักทายก่อนหน้านี้แม้ว่าเขาจะฝันและร้องไห้เป็นบางครั้งแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากจนมาคบกับเฮียภามอีกคนไม่ยอมปล่อยไปง่าย ๆ เลยให้ซันที่เป็นจิตแพทย์ปรึกษาดูเพื่อความสบายใจของคนรักข้าวตังเองก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร ตอนนี้ก็ผ่านมาสามปีแล้วเขามาตามนัดช่วงแรก ๆ เขามาบ่อยแต่หลัง ๆ มานี้เขามาแค่สามเดือนครั้ง
“มา ๆ เข้าห้องเถอะ” ซันยิ้มอย่างเป็นกันเองก่อนจะเปิดประตูห้องเข้าไป ภายในห้องเหมือนห้องตรวจทั่วไปเพียงแต่มันมีขนาดค่อนข้างใหญ่นั่นเพราะว่าซันเป็นลูกชายของเจ้าของโรงพยาบาลแห่งนี้และในอนาคตจะขึ้นเป็นผู้อำนวยการ ตระกูลศักดินทร์ได้ชื่อว่าเป็นตระกูลที่ครอบคลุมเรื่องโรงพยาบาลและเครื่องมือการแพทย์อุปกรณ์การแพทย์กว่าครึ่งประเทศถูกนำเข้าด้วยตระกูลศักดินทร์ ซันที่เป็นทายาทคนเล็กถือว่ามีอำนาจไม่น้อยแต่กลับเลือกเป็นแพทย์แทนที่จะบริหาร
“เป็นยังไงบ้าง” หลังจากนั่งเรียบร้อยซันก็เอ่ยอย่างเป็นกันเองตอนที่ตนรู้ว่าภามเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวมีแฟนเขาตกใจมากไม่คิดว่าคนอย่างนั้นจะมีใครทนนิสัยได้
“ก็เรื่อย ๆ ครับ แต่ช่วงหลัง ๆ ผมรู้สึกว่าจะฝันทุกคืนเลย” ซันขมวดคิ้วเมื่อได้ยินแบบนั้นการที่คนคนหนึ่งฝันซ้ำ ๆ บางครั้งอาจจะเกิดจากการเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ พอเกิดเรื่องนี้กับตัวเองบ่อย ๆ บางคนอาจจะรู้สึกหวาดกลัว เครียดหนักกว่าเดิมและนำไปสู่โรคซึมเศร้าได้แต่เท่าที่ตรวจสอบคร่าว ๆ ข้าวตังไม่ได้มีภาวะนั้น
“ช่วงหลัง ๆ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ ทำไมถึงได้หนักขึ้นในช่วงหลัง” ข้าวตังลังเลว่าจะบอกดีไหมเพราะเรื่องนี้มันค่อนข้างไม่เป็นวิทยาศาสตร์ เหมือนซันจะสังเกตเห็นความไม่มั่นใจของคนตัวเล็กจึงได้เอ่ยขึ้น “ถ้าไม่อยากบอกไม่เป็นไรนะครับพี่ไม่บังคับเพียงแต่หากบอกพี่อาจจะช่วยอะไรได้บ้าง” การถามคำถามจี้จุดกับคนที่อาจจะมีภาวะเครียดไม่ใช่เรื่องดีนอกจากเขาจะไม่บอกแล้วเขาจะตีตัวออกหากด้วยความรู้สึกอึดอัด ซันเลยเลือกที่จะให้ทางเลือกกับข้าวตัง
“มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ ผมเจอคนคนหนึ่งเมื่อผมเจอเขาผมก็ปวดหัวเหมือนมีภาพแล่นเข้ามาในหัวเหมือนในฝันแต่มันเป็นแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ หลังจากนั้นผมก็ฝันมาตลอดทุกคืนและความฝันก็ชัดเจนขึ้นด้วยครับ” ข้าวตังตัดสินใจบอกเมื่อมองใบหน้าของซันอีกฝ่ายกำลังทำหน้าครุ่นคิดแต่ก็ไม่ได้มีวี่แววไม่เชื่อเลยนั่นทำให้ข้าวตังรู้สึกดี
“บอกความฝันให้พี่ฟังหน่อยได้ไหมครับ” ข้าวตังพยักหน้าก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องตั้งแต่ความฝันช่วงแรกบทสนทนาที่ฟังไม่ค่อยชัดไปจนถึงช่วงล่าสุดที่เห็นภาพในห้องนอนมันดูเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อแต่ข้าวตังไม่ได้โกหก
“มันออกจะน่าเหลือเชื่อแต่มันเหมือนพวกทำนายอนาคตเลยนะ” แม้ว่าเรื่องย้อนเวลาหรือทำนายอนาคตจะเป็นเรื่องที่ไม่เป็นวิทยาศาสตร์แต่ตอนนี้ก็มีการทดลองมากมายเพื่อหาความจริงตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนพอจะอธิบายเหตุการณ์นี้ได้
“ทำนายอนาคตเหรอครับ” ข้าวตังขมวดคิ้วถ้าเป็นทำนายอนาคตแล้วสองคนในฝันเป็นเขากับเฮียภามหรือเปล่า เมื่อคิดได้แบบนั้นความรู้สึกหน่วงก็โจมตีเข้าใส่เพราะภาพในฝันมันไม่ใช่เรื่องดีเลยทั้งคู่กำลังทะเลาะกัน แววตาของข้าวตังสั่นระริกพยายามไม่คิดอะไรมากเพราะหน้าคนในฝันมันเบลอมากจนเขามองไม่ออกเสียงก็ฟังไม่ชัดเลยไม่รู้ว่าใช่เสียงของเขากับเฮียภามไหม
“อย่าเพิ่งคิดมากไป” เมื่อเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความกังวลซันก็เอ่ยขึ้นแม้ว่าจะปลอบแบบนั้นแต่เขาก็จนหนทางที่จะหาคำอธิบายอื่น
“ไม่เป็นอะไรครับ เรื่องนี้อย่าเพิ่งบอกพี่ภามได้ไหมครับ” ช่วงนี้เฮียทำงานหนักมากเขาไม่อยากเอาเรื่องของตัวเองไปเพิ่มทำให้อีกคนกังวลหนักกว่าเดิม
“ถ้าเกิดอะไรรุนแรงพี่ไม่รับปากแต่ถ้าตอนนี้เรารู้สึกโอเคพี่ก็จะช่วยปิดเป็นความลับให้”
“ขอบคุณมากครับ”
“ช่วงนี้น้องตังก็อย่าเครียดพี่รู้นิสัยของไอ้ภามดีมันไม่มีทางนอกใจน้องตังหรอก มีอะไรก็ลองปรึกษามันดูเห็นแบบนั้นมันก็รักเรามากนะ” ข้าวตังยิ้มหลังจากพูดคุยกันอีกพักใหญ่ช่วงเที่ยงข้าวตังก็กลับมาที่คอนโดเมื่อเปิดโทรศัพท์ก็เจอสายเรียกเข้าที่ไม่ได้รับสิบสายข้าวตังชะงักก่อนจะกดโทรออกเสียงโทรศัพท์ของปลายสายดังขึ้นคิ้วสวยขมวดเพราะเสียงมันดังอยู่ในห้องนอนเมื่อเปิดประตูเข้ามาก็เจอกับร่างสูงกำลังนอนอยู่บนเตียงเหมือนภามเพิ่งกลับมาเสื้อเชิ้ตถูกถอดโยนไว้เข็มขัดปลดออกอย่างลวก ๆ ใบหน้าหลับสนิทฉายแววเหนื่อยล้า เมื่อข้าวตังเดินเข้าไปใกล้ก็ถูกคนที่คิดว่าหลับรวบเข้าไปกอดจนนอนบนเตียงด้วยกันทั้งคู่
“หนูไปไหนมา เฮียโทรก็ไม่รับ” น้ำเสียงของภามยังติดงัวเงียเหมือนยังตื่นไม่เต็มตา สองร่างนอนแนบชิดกันอยู่บนเตียงข้าวตังนอนอยู่บนร่างกายที่ล่ำสัน
“ไปโรงพยาบาลไงไปตามนัดของพี่ซันผมบอกเฮียไปแล้วนะ แล้วเฮียมาได้ยังไงไม่ใช่ว่ากลับพรุ่งนี้เหรอ ไหนจะเมื่อคืนอีก” คำถามยิงเข้าใส่รัว ๆ ทำให้สมองของภามทำงานหนักสุดท้ายก็ต้องดันตัวขยับไปพิงหัวเตียงไว้ในอ้อมกอดมีข้าวตังอยู่
“ก็หนูไม่รับสายเฮียเป็นห่วงเลยบินกลับมาก่อน” ข้าวตังขมวดคิ้วไอ้เป็นห่วงเขาก็เข้าใจอยู่หรอกแต่ถึงกับทิ้งงานมานี่มันน่านัก
เมื่อเห็นสายตาของข้าวตังภามก็ถูไถใบหน้ากับซอกคอขาวสูดกลิ่นหอมเข้าปอดก่อนจะเอ่ยแก้ตัว
“ความจริงประชุมจบแล้ววันนี้แค่คุยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ปล่อยให้คนอื่นคุยก็ได้”
“แน่ใจนะครับ แล้วเมื่อคืนทำไมเมาหนักจนให้คุณน้ำเพชรเป็นคนรับสาย”
“ไม่รู้เหมือนกันครับเฮียก็ไม่ได้ดื่มมากเท่าไหร่รู้ตัวอีกทีก็อยู่เตียงแล้ว”
“ไม่ได้มีอะไรผิดปกติใช่ไหมครับ” ข้าวตังถามขึ้นเขากลัวว่าบางทีอาจจะถูกวางยาแล้วลากขึ้นเตียงเหมือนในละครที่ลูกน้องต้องการจับเจ้านายเพื่อหวังรวยทางลัด
“ไม่ครับ” เมื่อเห็นสีหน้าของภามข้าวตังก็พยักหน้าด้วยความสบายใจดูเหมือนเขาจะดูหนังมากเกินไปสินะ
น้ำเพชรหงุดหงิดแต่เช้าเพราะอะไรน่ะเหรอก็เจ้านายของเขาจู่ ๆ ก็บินกลับโดยไม่บอกไม่กล่าวแถมยังบินกลับคนเดียวปล่อยเขาทิ้งไว้ที่นี่แม้จะให้เงินไว้สำหรับเดินทางกลับแต่ก็อดหงุดหงิดไม่ได้ แม้ตอนนี้จะยังไม่ได้พัฒนาความสัมพันธ์แต่พระเอกไม่ควรเย็นชากับว่าที่นายเอกขนาดนี้สิ! ระหว่างที่ระบายอารมณ์กับกระเป๋าเดินทางของตัวเองน้ำเพชรก็หยิบมือถือขึ้นมาดู
“ภาพนี้ต้องเป็นประโยชน์ในอนาคตแน่ ๆ” ภาพในมือถือคือใบหน้าหล่อเหลาของภามกำลังนอนหลับสนิทและน้ำเพชรทั้งคู่ไม่ได้ใส่เสื้อภาพเป็นมุมแอบถ่ายแต่เห็นใบหน้าของทั้งสองชัดเจน น้ำเพชรบันทึกรูปไว้ในหลาย ๆ แอพเพื่อป้องกันการหายแน่นอนว่ามันไม่ได้เกิดอะไรขึ้นเขาแค่ต้องการสร้างสถานการณ์เหมือนเกิดขึ้นจริงบางทีภาพนี้อาจจะเป็นประโยชน์ในอนาคต
“ทำไมไอ้เจ้าบ้านั่นไม่รีบลงมือสักที” น้ำเพชรเลื่อนอ่านแชทของกวินด้วยความหัวเสียเขาต้องการดำเนินเรื่องให้ไวที่สุดจะได้รีบกลับโลกเดิม ตามพล็อตหลังจากที่กวินและข้าวตังได้พบกันทั้งคู่จะเริ่มติดต่อกันมากขึ้นและสุดท้ายทั้งคู่ก็นอนด้วยกันหลังจากนั้นนายเอกก็บังเอิญเจอเข้าและภามก็ตามมาเจอหลังจากนั้นทั้งคู่ก็จะทะเลาะกัน นายเอกที่อยู่กับพระเอกในช่วงที่เขาเจ็บมากที่สุดทำให้พระเอกเริ่มใจอ่อนแต่ก็ยังตัดกับข้าวตังไม่ขาดเพราะรักมากส่วนนายเอกก็เข้าใจไม่ขออะไรมากขอแค่ได้อยู่เคียงข้าง (จากไรท์:ตอแหล!!!)
“หึ้ย! หงุดหงิดไอ้พระเอกเฮงซวยไม่พอต้องมาหงุดหงิดไอ้ตัวร้ายกวินอีก ทำไมไม่ได้ดั่งใจสักคน!” น้ำเพชรเตะที่กระเป๋าเดินทางระบายความโมโห
น้ำเพชรเดินลากกระเป๋าออกจากโรงแรมเพื่อไปที่สนามบินแต่ระหว่างที่เช็คเอาท์ออกก็เจอกับบุคคลที่น้ำเพชรเกือบลืมไปสนิท แววตาของน้ำเพชรเป็นประกายเขาลืมไปได้ยังไงว่าตัวนายเอกแม้ว่าจะเป็นเด็กกำพร้าโตจากบ้านเด็กกำพร้าแต่ความจริงแล้วเป็นเด็กที่มีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่ เขาลืมไปได้ยังไงกันนะคนที่ช่วยเหลือจนทำให้ธุรกิจของพระเอกพังทลายและก็เป็นคนที่ช่วยให้ธุรกิจของพระเอกกลับมารุ่งเรือง!!ตระกูลวิภาพรรณ
------------------------------------
น้องเริ่มคลำทางถูกแล้ว กว่าน้องจะมาถูกทางน้ำเพชรก็เริ่มแผนต่อไปแล้ว น้องงงงงงงงงงงง