| 3 - 2

1549 คำ
 ทรงโปรดค่อนข้างตกใจ กับหมายเลขที่ปรากฏในหน้าจอโทรศัพท์มือถือรุ่นเรือธงของเขา เพราะเจ้าของเบอร์นี้ไม่เคยโทรมาหาเขาเลยสักครั้ง อาการนิ่งค้างอย่างคนตกใจของเขาทำให้เลขาฯที่นั่งตรงหน้าต้องเอ่ยปากถามอย่างเป็นห่วง "คุณโปรดคะ"                                                                ชายหนุ่มรีบปรับอาการ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาบอกเลขาฯว่า "เรียบร้อยแล้ว เอาตามนั้นแหละ คุณกลับเถอะ ผมไม่มีอะไรรบกวนแล้ว" เขาบอกเพราะเห็นว่าถึงเวลาเลิกงานพอดี แล้วเจ้าของเบอร์นี้โทรมาช่วงเวลานี้ด้วย บังเอิญหรือว่าตั้งใจ                เมื่อร่างระหงของเลขาฯออกจากห้องนี้ไป ไม่รอให้ความสงสัยเกิดขึ้นได้นาน ทรงโปรดรีบกดรับทันที "ฮัลโหล"                    "คุณโปรด นี่ต้องเองค่ะ"                                                 "ฉันรู้..." ทรงโปรดรับคำ แล้วถามกลับด้วยความอยากรู้ทันที "มีอะไรรึเปล่า"                                                           "ต้องมีเรื่องอยากคุยกับคุณโปรดค่ะ" น้ำเสียงของเธอค่อนข้างเคร่งเครียดทีเดียว ยิ่งทำให้ทรงโปรดขมวดคิ้วเข้าด้วยกันมากขึ้น  "ได้สิ...แล้ว..."                                                              "มีร้านกาแฟร้านหนึ่งอยู่ไม่ห่างจากที่นี่ ต้องจะส่งโลเคชั่นไปให้คุณ แล้วจะไปรอคุณโปรดอยู่ที่นั่น" ต้องมนตร์รีบตอบ ราวกับอ่านใจของเขาออก "ตกลง...ฉั..." และทรงโปรดก็พึมพำรับคำได้เท่านี้ เนื่องจากเธอชิงกดตัดสายไปเสียก่อน ชายหนุ่มมองมือถือ พลางยิ้มแล้วส่ายหน้าด้วยความหัวเสียเล็กน้อย คงมีอะไรเกิดขึ้นแน่ เพราะท่าทางเธอดูอารมณ์ไม่ดีเอาเสียเลย ใช้เวลาราวสามสิบนาที ทรงโปรดก็มาถึงร้านคาเฟ่ที่น่านั่งร้านหนึ่งตามรายละเอียดที่เธอส่งมาให้ ชายหนุ่มเห็นด้านหลังหญิงสาวในชุดนักศึกษา กำลังนั่งละเลียดดื่มเครื่องดื่มที่สั่งมาระหว่างรอคอยเขา แล้วทรงโปรดก็เดินไปหาเธอ แม้รู้ว่าหญิงสาวมาฝึกงานที่บริษัทด้วยเป็นวันแรก แต่เขาและเธอก็แทบไม่ได้พบหน้าคร่าตากันเลยทีเดียว วันนี้เขาก็ยุ่งอยู่กับงานทั้งวัน ส่วนเธอก็คงยุ่งเหมือนกัน  ต้องมนตร์วางช็อกโกแลตมิลค์เชคลง เพื่อยกมือไหว้เขาตามมารยาท ทรงโปรดรับไหว้แล้วนั่งตรงหน้า "คุณโปรดจะสั่งอะไรมาดื่มก่อนมั้ยคะ" ชายหนุ่มส่ายหน้า "ไม่ล่ะ ก่อนจะออกมาฉันดื่มกาแฟมาแล้ว" ต้องมนตร์พยักหน้ารับทราบ ไม่รอเวลาอะไรอีกเธอรีบเข้าเรื่องทันที "งั้นต้องเข้าเรื่องที่นัดคุณมาพบที่นี่เลยก็แล้วกันค่ะ"      หลังจากที่หญิงสาวเล่าจบ เธอก็สังเกตเห็นชายหนุ่มตรงหน้ามีท่าทางงุนงงและดูจะตกใจอยู่ไม่น้อยด้วย                     "เมื่อกี้ เธอว่าโรสไปต่อว่าเธอในเรื่องที่เธอมาฝึกงานที่นี่ และคนอื่นๆ กำลังคิดว่าฉัน เอ่อ ...เข้าไปก้าวก่ายจัดการให้ อย่างนี้น่ะเหรอ" เธอถามกลับอย่างช้าๆ และดูเกรงใจเขาอีกครั้ง "ค่ะ คุณไม่ได้ไปทำอะไรให้ ...ใครๆ เข้าใจอย่างนั้น ใช่มั้ย" "ไม่นี่ ฉันจะทำไปทำไม"                                                "แล้วทำไมคุณโรสรวมถึงคนอื่นๆ ถึงคิดไปแบบนั้นได้" ดวงตาทั้งคู่ของหญิงสาวฉายแววสงสัยหนัก เพราะเธอมั่นใจว่า ต้องมีบางสิ่งเกิดขึ้นกับเธอแน่ๆ เนื่องจากตอนที่เธอสอบถามพี่กี๋ พร้อมกับพยายามสบตาโปรดิวเซอร์คนเก่งรายนี้ไปด้วย อีกฝ่ายก็ไม่กล้าสบตาเธอตรงๆ นี่ย่อมแสดงว่า เรื่องมันต้องมี 'มูล' อยู่ไม่น้อย                                                                                             ทรงโปรดที่ได้เห็นความไม่สบายใจบนแววตา และดวงหน้าหวาน เขาก็พลอยทุกข์ใจ มีไม่กี่เรื่องในชีวิตของเขาหรอกที่จะทำให้เขารู้สึกทุกข์ใจ หนึ่งในนั้นก็รวมเรื่องของเธอเข้าไปด้วย ขณะที่เผลอมองดวงหน้าหวาน ที่กำลังใช้ความคิดอย่างหนัก ขณะนั้น โทรศัพท์มือถือของเขาก็ส่งเสียงขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดู เลขาฯคนเก่งของเขานั่นเองโทรมา ทรงโปรดเลยนึกอะไรออกได้พอดี                                                                                     ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องซุบซิบกันที่ตึกฟอร์เวิร์ด เลขาฯของเขาก็ไม่น่าพลาดเรื่องทำนองนี้ ทรงโปรดรีบกดรับมือถือ ก่อนจะออกไปคุยเรื่องงานกับเลขาฯด้านนอกร้าน เขาก็หันมาบอกให้เธอรอเขาก่อน เพราะกลับเข้ามาอีกครั้ง เขาจะหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้มาให้เธอให้ได้ จากนั้นชายหนุ่มก็ออกไปคุยเรื่องงานกับเลขาฯ เวลานั้นต้องมนตร์ก็มองออกไปด้านนอกร้าน ความจริงก่อนที่เขาจะเดินออกไป เธอเองก็สัมผัสถึงความใส่ใจของเขาที่มีต่อเธอว่า มันไม่น้อยเลย  ตอนนี้ร่างสูงได้ปลดไท้ ปลดสูทเก็บไว้แล้ว ไม่เหลือมาดของนักธุรกิจหนุ่มชื่อดังอีกแล้ว เขาสวมเชื้อเชิ้ตสีขาวที่พับแขนเสื้อขึ้นอย่างลวกๆ ถึงข้อฉอก มือข้างหนึ่งกำมือถือแนบหู ส่วนอีกข้างตวัดกอดอก พร้อมกับเดินวนเวียนอยู่ภายนอกร้าน และหญิงสาวก็เห็นอีกว่าภายนอกเริ่มมีลมพัดแรง และมีเมฆฝนตั้งเค้าขึ้น ซึ่งอีกไม่กี่นาทีเมฆฝนหนาตากลุ่มนี้คงกลั่นเป็นหยดน้ำไหลรินมาจากท้องฟ้าแน่นอน                                                             ต้องมนตร์ก้มดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ พลางคิดด้วยความกังวลเล็กน้อยว่า ...ฝนตกในช่วงเวลานี้ ปัญหารถติดที่มีอยู่แล้ว จะยิ่งติดหนักกว่าเดิม จู่ๆ จิตใจก็หวนคิดถึงย่าของเธอ ป่านนี้ย่าคงกำลังเตรียมมื้อเย็นอร่อยๆ ไว้รอเธอกลับไปกินข้าวเย็นด้วยแน่ๆ  แม้อุบัติเหตุจะพรากบิดาที่แสนดีไป แต่ในชีวิตของเธอยังเหลือย่าที่เป็นหลักเดียวในชีวิตให้เธอยึดอยู่ เธอคิดถึงท่าน คิดถึงรอยยิ้มและแววตาของท่าน จิตใจพลอยสัมผัสถึงความรักและความห่วงใยเหล่านั้นได้ ว่าแล้วหญิงสาวก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา พิมพ์ข้อความส่งไปให้ท่านทางไลน์ว่า เธออาจจะกลับถึงบ้านช้ากว่าปกติ เพราะฝนกำลังจะตก ย่าจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเธอ            หลังจากส่งข้อความแล้ว เป็นเวลาเดียวกับที่ทรงโปรดผลักประตูกลับเข้ามาภายในร้านอีกครั้งหลัง ชายหนุ่มนั่งลงที่เดิม สบสายตากับหญิงสาวในชุดนักศึกษาที่กำลังรอคอยคำตอบด้วยใจจดจ่อพอดี ...เขาดูมีความอึดอัดเล็กน้อย แต่ก็ยืนยันคำเดิมว่า เขาไม่ได้ไปก้าวก่ายเรื่องนี้เลย "อย่างที่บอก ฉันไม่ได้ไปก้าวก่ายกับเรื่องนี้เลยนะ แต่ถ้าให้เดาก็คงมาจากเรื่องที่..."  ทรงโปรด มีความกระดากใจไปเหมือนกันที่จะบอกเหตุผลให้คนที่นั่งรอฟังอย่างใจจดจ่อทราบ แต่เขาได้ให้สัญญากับเธอไปแล้วก่อนจะออกไปคุยเรื่องงานกับเลขาฯคนเก่ง แล้วเขาก็ได้สอบถามเลขาฯของเขาถึงเรื่องนี้ดูด้วย                                 "แล้ว เพราะอะไรล่ะคะ " ต้องมนตร์ถาม เห็นเขานิ่งเงียบแต่สายตายังสบกับเธออยู่เช่นนั้น                                                 "มันอาจจะเป็นเพราะ..." ว่าแล้วทรงโปรดก็เล่าว่า ก่อนหน้านั้น ชายหนุ่มเคยขอให้จิราณีตรวจสอบว่ามีนักศึกษาที่ชื่อ ต้องมนตร์ มาฝึกงานที่นี่หรือไม่ ดังนั้น ชื่อของต้องมนตร์เลยกระฉ่อนไปทั่วตึก ฟอร์เวิร์ด ครั้นหญิงสาวส่งใบสมัครเข้ามา และกี๋ก็เลือกเธอ ทำให้มีคนตั้งข้อสังเกตเองว่า ทรงโปรดคงเป็นคนเข้ามาจัดการเรื่องนี้เพราะเลขาฯเขาถามถึงหญิงสาวอยู่ก่อน จึงทำให้เป็นที่สนใจต่อคนที่รู้อยู่ ทำให้ไม่อาจรอดพ้นหูตาของโรสิตาไปได้นั่นเอง โรสิตาเลยมาเขม่นต้องมนตร์เอาแบบนี้ ตอนท้ายที่พูดคุยกันจิราณีก็ขอโทษเขา เพราะไม่ได้ระมัดระวังตัวจึงทำให้เรื่องนี้เป็นที่อื้อฉาวขึ้น แต่ทรงโปรดก็ไม่ตำหนิอีกฝ่ายหรอก ครั้นได้ฟังความจริงจากปากเขา ต้องมนตร์เองก็นิ่งงันไปเหมือนกัน เขาแคร์ถึงขนาดนี้เชียวหรือ ว่าเธอจะมาหรือไม่มาฝึกงานที่นี่ แต่ก็คงใส่ใจเธออยู่หรอกวันนั้นเขายังไปหาย่าเธอที่บ้านเลย ...  หญิงสาวรู้สึกพึงพอใจ ที่ได้ทราบต้นสายปลายเหตุของเรื่อง แต่ความรู้สึกบางอย่างที่ก่อตัวอยู่ภายในใจทำให้เธอรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ยิ่งมีสายตาคมเขามองตลอดอีก หญิงสาวก้มหน้าหนีทันที เห็นเวลาตรงหน้าปัดนาฬิกาก็รู้แล้วว่าจะหาทางหนีจากสถานการณ์อันอึดอัดรัดแน่นใจเช่นนี้ ได้อย่างไร ว่าแล้วต้องมนตร์ก็รีบตัดบท "รบกวนคุณมานานแล้ว ต้องเองก็สบายใจขึ้นแล้วที่รู้ว่า คุณไม่ได้ไปก้าวก่ายจริงๆ ตอนนี้ต้องต้องรีบกลับบ้านไปหาย่าแล้วค่ะ" บอกแล้วก็รีบหยิบกระเป๋ายกมือไหว้ลาเขา เอาชนิดที่ว่าทรงโปรดเองก็นึกหาเหตุผลมาให้เธออยู่ต่อไม่ทัน นอกจากรีบรับไหว้เธอเท่านั้นเอง  ชายหนุ่มส่ายหัวช้าๆ พร้อมกับยิ้มน้อยๆ ที่ร่างบางนั้นผลักประตูร้านออกไปแล้ว                                                  
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม