บทที่ 8 สับสน

2045 คำ
“ป้าพรคะ เคสต้องขอโทษป้าพรด้วยนะคะที่ทำตัวไม่มีสัมมาคารวะกับป้า เคสขอโทษจริง ๆ ค่ะ” ป้าพรแอบอมยิ้มน้อย ๆ เพราะส่วนตัวแล้วป้าพรไม่ได้อยากมีเรื่องบาดหมางกับคาริสา ทั้งหมดก็เป็นเพราะแดเนียลทั้งนั้น “หวังว่าคุณเคสจะรู้สึกผิดจริง ๆ นะคะ” คำพูดของป้าพรทำเอาคาริสาต้องหันไปมองแดเนียลด้วยสีหน้าเจื่อน ๆ คนรับใช้ที่อยู่แถวนั้นต่างแอบยิ้มเย้ยเบา ๆ เพราะไม่ว่าใครก็ต้องแพ้ทางให้กับป้าพร แน่นอนว่าคาริสาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่แต่เธอก็ต้องเก็บอาการ “รู้สึกผิดจริง ๆ สิคะ อันที่จริงถ้าเคสไม่รู้สึกผิด เคสก็ไม่จำเป็นต้องขอโทษป้าพรก็ได้ แต่นี่เคสเห็นว่าป้าพรเป็นคนเก่าคนแก่ของที่นี่ เราก็ต้องรู้จักมีมารยาทถูกไหมคะ” คาริสาพูดแล้วลากเสียงตรงคำว่า ‘แก่’ ป้าพรที่ไม่อยากต่อปากต่อคำกับเธอ จึงหันไปพูดกับแดเนียลแทน “นายน้อยคะ เชิญทานข้าวดีกว่าค่ะ อาหารกำลังร้อน ๆ เดี๋ยวจะเย็นหมดก่อน” แดเนียลพยักหน้าแล้วหันไปชวนคาริสามาทานข้าวด้วยกัน ในขณะที่ทานข้าวอยู่เอกเดินมากระซิบที่ข้างหูของแดเนียล ทำให้คาริสาต้องจ้องมองพวกเขาอย่างไม่ละสายตาแต่เธอก็ทำเป็นทานข้าวไปด้วยฟังสิ่งที่พวกเขาคุยกันไปด้วย คาริสาเดินไปเดินมาภายในห้องอย่างกระวนกระวายใจ เธอกำลังเรียบเรียงลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เริ่มต้นจากที่เธอขึ้นไปบนเรือและได้พบกับแดเนียล ตอนที่เธอได้แอบฟังแดเนียลคุยกับคนของเขา จึงได้รู้ว่าเขามีความลับอะไรบางอย่าง มันเป็นธุรกิจดำมืดที่แดเนียลเป็นคนอยู่เบื้องหลังและเป็นคนที่เธอกำลังตามล่าอยู่ ทว่าอยู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงของหนักตกพื้นจนเธอสะดุ้งตัวโยน ก่อนจะเดินไปตามที่มาของเสียง จึงพบว่าแดเนียลกำลังเอาปืนจ่อหัวชายคนหนึ่งซึ่งกำลังร้องขอชีวิตอย่างอาลัยอาวรณ์ “อย่านะครับนาย ผมขอร้องนะครับ” ปัง! เหมือนคำขอของเขาจะไม่ได้ผล เมื่อเสียงปืนดังลั่นก่อนที่ชายคนนั้นจะหงายกลิ้งไปกับพื้นพร้อมกับเลือดที่ไหลโชก ทำเอาคาริสาแทบทรุดตัวลงเมื่อเห็นคนถูกยิงตายต่อหน้าต่อตา แม้เธอจะเคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วน แต่เธอกลับรับไม่ได้เมื่อเป็นแดเนียลที่ยิง ตัวเธอเกร็งไปหมด เอกมองเห็นคาริสาท่าไม่ค่อยดี จึงรีบวิ่งไปคว้าตัวเธอก่อนที่จะล้มลงหมดสติ แดเนียลเห็นคาริสาอยู่อ้อมกอดของลูกน้องคนสนิทก็รีบวิ่งตรงไปหาเธอทันควัน “เธอคงจะตกใจน่ะครับนาย” “คนที่มันทรยศหักหลังกู มันก็ต้องเจอจุดจบแบบนี้แหละ” แดเนียลพูดโดยมือข้างหนึ่งลูบแก้มคาริสาเบา ๆ เขาส่งปืนให้เอกแล้วอุ้มคาริสาขึ้นไปพักบนห้อง แน่นอนว่าคาริสาไม่ได้เป็นลมจริง ๆ เธอยังคงแกล้งและแสร้งทำเป็นอ่อนแอเหมือนอย่างเคย และนั่นก็ทำให้เธอได้ยินอะไรบางอย่างที่ไม่คาดคิด เมื่อแดเนียลคุยสายกับใครบางคนโดยไม่ทันระวังว่ามีเธออยู่ในห้องด้วย “ไอ้พวกอีแร้งสีกากีนั่นน่ะเหรอ จัดการมันอย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว” สั่งงานจบก็วางสายอย่างหัวเสีย เมื่อมีตำรวจกลุ่มหนึ่งมาขัดขวางงานของเขา “นายครับ...” เอกเดินเข้ามาเมื่อได้ความคืบหน้าบางอย่าง เขายังไม่ทันได้เอ่ยอะไรไปมากกว่านั้น แดเนียลก็ยกมือส่งสัญญาณให้หยุดพูดก่อน เขาหันมองคาริสาเพียงนิดแล้วเดินออกไปคุยกับลูกน้องคนสนิทนอกห้อง คาริสากำลังจะลุกขึ้นตามไปหวังจะแอบฟัง แต่ตาดันไปสะดุดตาสะดุดกับโคมไฟขึ้นมา ดูเหมือนว่ามีดวงตาที่สามแฝงอยู่ในโคมไฟนั่น ยังร้ายเหมือนเดิมนะแดน นายนี่มันซาตานชัด ๆ เมื่อทำอะไรไม่ได้ เธอจึงเลือกที่จะนอนนิ่ง ๆ และกำลังคิดว่าจะปฏิบัติตัวกับแดเนียลยังไงหลังจากนี้ “มันคือองค์กรอะไร” “ไม่ทราบชื่อครับนายแต่เป็นที่รู้จักในสัญลักษณ์เพชรดำ พวกนี้มีทั้งพวกที่ทำงานให้กับตำรวจและพวกที่ทำงานให้เหล่านักธุรกิจที่มีอำนาจอยู่เหนือกฎหมาย” “พวกมันอยู่ฝั่งไหนกันแน่” “คนในองค์กรพวกนี้ไม่เลือกฝั่งแบบตายตัว พวกมันทำงานอย่างอิสระ และดูท่าจะขัดแย้งกันเองในองค์กรด้วย ธรรมดาของพวกที่แบ่งเป็นก๊กเป็นเหล่า” “แล้วถ้ากูอยากจะว่าจ้างให้ใครสักคนในองค์นั่นมาทำงานให้ พอจะเป็นไปได้ไหม” “เป็นไปได้ครับ แต่อาจจะยากหน่อยเพราะพวกมันไม่ไว้ใจใครง่าย ๆ” “ฝากมึงจัดการด้วย” “ครับนาย” คนที่ไม่สามารถลุกขึ้นมาทำอะไรได้อย่างคาริสาข่มตาหลับลงอย่างใช้ความคิด ก่อนจะได้ยินเสียงของเพื่อนรักควบตำแหน่งหัวหน้าองค์กรดังหลอกหลอนเข้ามาในความคิด “คนพวกนี้เกิดมาเพื่อกอบโกยเงินทองและอำนาจบนโลก พวกมันทำได้ทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ กฎหมายไม่สามารถเอาผิดพวกมันได้ จึงต้องมีองค์กรนี้เพื่อกำจัดพวกมันแบบลับ ๆ” “ไม่! แดนต้องไม่ใช่คนพวกนั้นสิ” คาริสาเริ่มสับสน ความคิดของเธอมันขัดแย้งตีกันวุ่นวายไปหมด แต่หลักฐานที่มีก็บ่งบอกว่าเขาเป็นคนผิดนะ เธอจะเอาความรู้สึกมาตัดสินคนผิดไม่ได้ “ไม่!” คาริสาตะโกนออกมาทั้งน้ำตาพร้อมยกสองมือปิดหูตัวเองไว้ ความรู้สึกที่เธอเก็บไว้มาตลอด ในที่สุดมันก็ระเบิดออกมา “ฮือ ๆ พอซะที” “เคส!” แดเนียลเปิดประตูห้องเข้ามาด้วยความร้อนใจ เขาโถมเข้าไปโอบกอดเธอให้ตื่นจากฝันร้าย แต่ทว่าเธอกลับแสดงอาการหวาดกลัวเขายิ่งกว่า “อึก!” คาริสาผลักแดเนียลออกพลางยกมือเช็ดน้ำตาลวก ๆ สร้างความงุนงงสงสัยให้กับคนที่ตั้งใจเข้ามาปลอบ “เกิดอะไรขึ้นเคส เธอเป็นอะไร” คาริสามองแดเนียลพลางเบะปากเหมือนจะร้องไห้ เขาจึงดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้ง “แค่ฝันร้ายเอง” “ไม่ใช่! ตอนที่ฉันเห็นนายยิงคนตายมันไม่ใช่ความฝัน” “เขาทำผิดน่ะเคส คนทรยศก็ต้องถูกกำจัดเป็นเรื่องปกติ” “ฆ่าคนตายเนี่ยนะเรื่องปกติ” “เธออย่าใส่ใจเลย ลืมมันไปเถอะ” แดเนียลลูบศีรษะคาริสาเบา ๆ แต่คาริสาก็ต้องผละแดเนียลออกอีกครั้ง “เห็นคนถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตา บอกให้ลืมเหรอ ฉันลืมไม่ลงหรอกนะแดน” “ฉันว่าเธอเลิกงี่เง่าแล้วไปเก็บของซะ เย็นนี้เราต้องออกเดินทาง” “แดน!” “ถึงเวลาที่ต้องเริ่มงานกันจริง ๆ แล้ว” “งาน! นายทำงานอะไรกันแน่” แม้จะรู้อยู่แล้วแต่เธอก็อยากฟังทุกอย่างจากปากของเขา “ฮึ! ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคนอย่างเธอไม่รู้อะไรเลย” แดเนียลเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ พร้อมโน้มใบหน้าเข้าหาคาริสา “โต ๆ กันแล้ว ไม่เห็นต้องพูดอะไรให้มากความ ไปเก็บของซะ” “ฉันไม่มีอะไรต้องเก็บ” “นั่นสินะ ตอนมาเธอย่องขึ้นเรือฉันนี่นา ฉันเคยสงสัยว่าเธอเป็นตำรวจและตอนนี้ฉันก็ยังสงสัยอยู่” “เหอะ จะหาเรื่องกำจัดฉันเหมือนคนพวกนั้นสินะ เอาสิ อยากฆ่าฉันก็เอาเลย แต่ฉันบอกไว้ก่อนนะว่าถ้าฉันตาย ฉันจะมาหลอกหักคอนายเป็นคนแรก” บทสนทนาของคู่แทบจะลุกเป็นไฟ แต่แดเนียลกลับหลุดขำกับประโยคสุดท้ายของเธอ “ขำอะไร ฉันไม่ตลกแดน” เธอจริงจังขนาดนี้แต่เขากลับมองเป็นเรื่องตลก “เธอจะมาหลอกหักคอฉันงั้นเหรอ” “ใช่!” คาริสาตะเบ็งเสียงตอบอย่างไว “ไม่มีวันนั้นหรอก” “ก็ลองให้มีสิ ฉันพูดจริงทำจริงนะ” “ไม่มีวันที่เธอจะได้หักคอฉันต่างหากล่ะ เพราะฉันมีวิธีจัดการกับเธอ” “จัดการ! จัดการอะไร นี่นายจะเอาหมอผีมาปราบฉันเหรอ นายนี่มัน...” “ไม่เห็นต้องให้ถึงมือหมอผีเลย เพราะแค่ฉันคนเดียวก็เอาเธออยู่หมัดแล้ว” “หมายความว่าไง” คาริสาเริ่มเอ่ยเสียงแผ่วลง เขามันไม่น่าไว้ใจเลยเวลาทำหน้าทำตาทะเล้นแบบนี้ “ฉันก็จะจับเธอทำเมียไง” “แดน!” “จะเอาเธอแบบไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน ลองดูไหมล่ะ เธอจะได้รู้ว่าฉันก็พูดจริงทำจริง” ว่าแล้วก็ดันร่างเธอให้นอนราบไปกับเตียง “คนฉวยโอกาส นี่ฉันกำลังโกรธที่นายสงสัยฉันอยู่นะ” คาริสาหันหน้าหนีอย่างไม่สบอารมณ์ ทั้งที่ในใจกลัวเขาจนมือไม้สั่นไปหมด ทว่าเธอก็รวบรวมสติลุกขึ้นกอดอกแล้วหันหน้าหนีไปอีกทางเพื่อกลบเกลื่อนอาการหวาดกลัว กลับกลายเป็นแดเนียลที่ต้องยอมให้กับคาริสา อ้อมแขนแกร่งสวมกอดเธอจากด้านหลัง “ใครจะไปสงสัยเธอ แค่เห็นเลือดยังเป็นลมเลย” คาริสาไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา นอกจากนั่งนิ่ง ๆ ให้อีกฝ่ายอ้อน “ฉันเชื่อใจเธอนะเคส” “ฉันก็เชื่อใจนายนะแดน แต่ฉันไม่ไว้ใจนาย คนฉวยโอกาส!” พูดจบก็ตีศอกเข้าที่ท้องแกร่งอย่างแรง ทำเอาคนโดนกระทำจุกจนพูดไม่ออก “ออกไปจากห้องนี้เลยนะ” คาริสาดึงแขนแดเนียลให้เดินตาม ก่อนจะผลักเขาออกไปจากห้องอย่างไม่ใยดี ซ้ำยังปิดประตูใส่หน้าอย่างเอาแต่ใจ หลังจากที่โดนอดีตคนรักผลักไสออกมาจากห้อง แดเนียลก็สั่งให้ลูกน้องขนของขึ้นเรือเพื่อออกเดินทาง หลายชั่วโมงต่อมา... แดเนียลยื่นมือรอรับคาริสาที่กำลังจะลงจากเรือ เขาและเธอพูดคุยกันระหว่างเดินไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ โดยมีเหล่าลูกน้องตามดูแลความปลอดภัย “เราต้องจากกันอีกแล้วใช่ไหม” “คงใช่มั้ง” คาริสาตอบ “แล้วเราจะเจอกันอีกเมื่อไหร่” “ไม่รู้สิ อื้อ...” เสียงของคาริสาขาดช่วง เมื่อแดเนียลดึงร่างเธอเข้าไปกอดอย่างถือวิสาสะ ทว่าแรงโอบรัดระหว่างอ้อมแขนมันแน่นขึ้นราวกับไม่อยากให้เธอจากไปไหน “แดน ฉันอึดอัด” “สองนาที ฉันขอกอดเธอแบบนี้อีกสองนาทีได้ไหมเคส” ใจดวงนี้มันคิดถึงและรอวันที่จะกลับมาเจอเธออยู่ตลอด กลับมาครั้งนี้เขาจะไม่ปล่อยเธอไปไหนอีก “แดน เราต่างคนก็ต่างมีทางเดินเป็นของตัวเอง ฉันมีทางเดินของฉัน นายก็มีทางเดินของนาย ฉันขอให้นายโชคดีกับสิ่งที่นายกำลังทำอยู่ ต่อจากนี้ไปไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันก็ขอให้นายโชคดีและปลอดภัย” ในเมื่อไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของแดเนียลได้ คาริสาก็ได้แต่ภาวนาและอวยพรให้เขาปลอดภัย “เธอก็เหมือนกันนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันขอให้เธอโชคดีและปลอดภัย” “ฉันคงต้องไปแล้วล่ะ” คาริสาปล่อยมือจากแดเนียลแล้วหันหลังให้ รอยยิ้มร้ายยกขึ้นมุมปากเล็กน้อย เราได้เจอกันอีกแน่ สิ้นความคิดนั้นคาริสาก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับไปมองอีกฝ่าย ปล่อยให้แดเนียลมองตามหลังเธอจนสุดทางเดิน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม