“คุณย่า!” คาริสาเอ่ยเรียกท่าน ก่อนจะวางช้อนลง แล้วยกมือไหว้อย่างทุลักทุเล
“หนูเคส! ทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่ แล้วแขนไปโดนอะไรมา”
“เคสเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะค่ะ แดนก็เลยอาสาดูแล”
“ตายจริง! เจ็บมากไหมลูก แล้วหลานย่ามันทำอะไรหนูหรือเปล่า”
“แดนเขาดูแลเคสเป็นอย่างดีเลยค่ะคุณย่า ถ้าเคสไม่ได้แดนมาช่วยก็คงจะแย่กว่านี้”
บทสนทนาของคาริสากับย่าน้อยดูสนิทสนมกัน จนลูกน้องที่วิ่งตามมาเมื่อครู่ทำหน้างง คิดว่าจะเกิดเรื่องซะแล้ว
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับหนูเคสเป็นการส่วนตัว พวกเธอออกไปก่อน” ย่าน้อยหันไปสั่งลูกน้องทุกคนที่ยังยืนอึ้งอยู่ในห้อง
คาริสาทานขนมอีกคำสองคำแล้วดื่มน้ำผลไม้เพียงนิด ก่อนจะส่งสัญญาณให้ป้าแม่บ้านเอาของว่างออกไปด้วย
“หนูยังเจ็บอยู่ไหม ย่ามารบกวนหนูหรือเปล่า” ย่าน้อยเดินมานั่งข้างเตียงพลางกุมมือคนเจ็บเพื่อส่งกำลังใจ
“อาการดีขึ้นมากแล้วค่ะ คุณย่าสบายดีนะคะ ไม่ได้เจอตั้งนานยังแข็งแรงเหมือนเดิมเลย” ถึงแม้ว่าย่าน้อยจะอายุหกสิบปีปลาย ๆ แต่ท่านก็ยังคงแข็งแรง เนื่องจากดูแลสุขภาพเป็นอย่างดี “ว่าแต่คุณย่ามาหาแดนมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ย่าแวะมาเยี่ยมตาแดนน่ะ ตั้งแต่กลับมาไทยตาแดนก็ไม่เคยไปหาย่าเลย เอาแต่ทำงานอยู่นั่นแหละ”
“แดนนี่ไม่ได้เรื่องจริง ๆ ปล่อยให้คุณย่าเหงาได้ยังไงเนี่ย” คาริสาบ่น
“เจอหนูก็ดีแล้ว ย่ามีเรื่องจะให้ช่วย”
“ช่วย? เรื่องอะไรคะ”
“ปลายเดือนหน้าจะมีงานเลี้ยงฉลองตำแหน่งประธานบริษัทฯ คนใหม่ ตอนแรกย่ากะจะให้หนูมาเซอร์ไพรส์ตาแดน แต่น่าเสียดายที่เราสองคนเจอกันก่อนแล้ว”
“คุณย่ามีแผนอะไรหรือเปล่าคะ เคสช่วยทำตามแผนของคุณย่าได้นะคะ”
“เอาไว้เดี๋ยวย่าคิดออกจะบอกหนูนะ หลานย่านี่มันจริง ๆ เลย นอกจากจะได้เจอหนูแล้ว ยังพาหนูมาอยู่ด้วยอีก ตาแดนมันขู่บังคับอะไรหนูหรือเปล่า”
“ไม่เลยค่ะ คุณย่าก็รู้ว่าไม่มีใครบังคับเคสได้”
“แล้วมันกล่อมหนูด้วยวิธีไหนล่ะ”
“ไม่มีค่ะ ถ้าไม่ติดว่าเคสเจ็บอยู่ เคสก็คงไม่ได้มาอยู่ที่นี่” คาริสาปฏิเสธทุกคำถามของย่าน้อย แต่ดูเหมือนว่าท่านจะรู้ทันคำโกหก
“ไม่จริง! ถ้าหลานย่าแค่ต้องการจะช่วยดูแล มันให้หนูไปอยู่ห้องนอนรับรองก็ได้ บ้านหลังนี้ออกจะใหญ่โต ห้องนอนก็มีเยอะแยะ การที่ตาแดนให้หนูมาอยู่ในห้องนอนส่วนตัวแบบนี้ มันแปลก ๆ นะหนูว่าไหม”
“...” คาริสาได้แต่ยิ้มเจื่อน ย่าน้อยรู้ทันตลอด
“ย่ารู้ว่าหลานย่ามันไม่ธรรมดา หนูบอกย่ามาเถอะว่าตาแดนใช้วิธีไหน”
คาริสาพ่นลมหายใจออกมาอย่างอึดอัด โกหกคุณย่าไม่ได้แล้วสินะ แต่ก็เอาเถอะ ปกติเธอก็พูดกับคุณย่าได้ทุกเรื่องอยู่แล้ว
“แดนเขาให้เคสมาช่วยเป็นไม้กันหมา! เคสหมายถึงให้มาช่วยกันผู้หญิงที่ชอบตามตื๊อเขาน่ะค่ะ แต่ดูท่าแล้วเคสคงมาเป็นภาระมากกว่ามาเป็นไม้กันหมานะคะ”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นย่าก็คงจะทำอะไรไม่ได้สินะ”
แม้คาริสาจะยอมเล่าความจริงให้ย่าน้อยฟัง แต่เธอก็บอกไม่หมด เธอจะบอกท่านได้อย่างไร ว่าเธอมาอยู่ที่นี่ในฐานะผู้หญิงของแดเนียล
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณย่า ดีซะอีก แดนเขาดูแลเคสเป็นอย่างดี” คาริสาเอ่ยให้ท่านสบายใจ
“ถ้าหนูนอนห้องนี้แล้วตาแดนนอนห้องไหน” คาริสาไม่พูดอะไรนอกจากอมยิ้มอย่างเขินอาย “อย่าบอกนะว่า...”
“ปะ...เปล่านะคะคุณย่า ถึงเราจะนอนห้องเดียวกัน แต่เราก็นอนกันคนละที่ค่ะ คือ แดนเขานอนอยู่บนโซฟาตัวนั้นน่ะค่ะ” คาริสาใช้มือข้างที่ไม่เจ็บชี้ไปยังโซฟาตรงมุมห้อง เธอไม่ได้มีพิรุธเลยจริง ๆ
“ย่าก็ไม่ได้ว่าอะไร เราทั้งคู่ก็โต ๆ กันแล้ว” ย่าน้อยพูดพลางหัวเราะออกมาอย่างมีหวัง ถึงจะมีอายุมากแล้ว แต่ท่านก็ไม่ใช่คนหัวโบราณที่จะรับเรื่องพวกนี้ไม่ได้
“จะว่าไป ถ้าย่าเป็นตาแดน ย่าจะให้หนูมาอยู่ด้วยสักสิบปีเอาให้คุ้ม”
“คุณย่า! เยอะไปแล้วค่ะ เคสก็ไม่ต้องทำอะไรเลยพอดี”
“ผมเห็นด้วยครับ” เสียงนั้นดังมาจากประตูห้อง เขาคือคนที่อยู่ในบทสนทนาของคาริสากับย่าน้อย
“แดน!”
“ตาแดน! เป็นยังไงบ้างหลาน ตั้งแต่กลับมาไม่เห็นไปเยี่ยมย่าบ้างเลย”
“งานที่บริษัทฯ เยอะจนผมไม่มีเวลาเลยครับ” แดเนียลเดินมากอดคุณย่า พร้อมหอมแก้มท่านหนึ่งทีให้หายคิดถึง “คุณย่ามีธุระต่อไม่ใช่เหรอครับ”
“นายคิดจะทำอะไร คิดจะไล่คุณย่าเหรอ?” คาริสาคว้าท่อนแขนแกร่งมาหยิกแรง ๆ ให้หายหมั่นไส้
“คุณย่ามีธุระต่างหาก” แดเนียลหันไปทำสีหน้าอ้อน ๆ ให้คนเป็นย่าเห็นใจ
ไม่ทันไรก็ไล่ย่าซะแล้วเจ้าหลานคนนี้ สงสัยจะอยากอยู่กับคนรักสองต่อสอง
ย่าน้อยอมยิ้มกริ่ม เห็นหลานรักอยู่กับคนที่ท่านอยากได้มาเป็นหลานสะใภ้แต่ไหนแต่ไร ก็ปลื้มปิติจนเก็บอาการไม่อยู่
“งั้นย่าไม่กวนแล้วดีกว่า หนูเคสจะได้พักผ่อน ย่าไปก่อนนะเดี๋ยวจะแวะมาเยี่ยมใหม่”
“ไม่กวนเลยค่ะคุณย่า อยู่กับเคสต่ออีกหน่อยนะคะ”
“ย่ามีธุระต้องไปต่อน่ะหนูเคส เดี๋ยวว่าง ๆ ย่าจะมาเยี่ยมใหม่นะ” ว่าแล้วย่าน้อยก็เดินจากไปอย่างรู้งาน โดยมีแดเนียลหลานรักเดินตามไปส่ง
แดเนียลส่งคนเป็นย่าขึ้นรถเสร็จสรรพก็หันหลังเดินเข้าบ้านทันที เขาฮัมเพลงพร้อมกับเดินขึ้นบันไดไปอย่างอารมณ์ดี แต่เสียงสวรรค์ดังขัดเมื่อไอ้ลูกน้องเวรไม่รู้กาลเทศะตะโกนขึ้นมา
“อาการคุณเคสเป็นยังไงบ้างครับนาย” เอกถามไถ่อาการของคาริสา เพราะหลังจากเกิดเหตุเขาก็ยังไม่ได้เจอเธอเลย
“ไอ้เอก!” แดเนียลเค้นเสียงเรียกลูกน้องหมายจะตำหนิ
“แต่จะว่าไปก็คงไม่เป็นอะไรมากหรอกนะครับ ตกบันไดสามชั้นอย่างมากก็แค่ฟกช้ำ”
“อะไรนะ! เคสตกบันไดแค่...” เขาแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน พลางก้มมองบันไดที่ตนยืนอยู่ “...สามชั้นเองเหรอ?”
“ครับ” เอกขานรับแล้วยื่นแท็บเล็ตที่บันทึกภาพเคลื่อนไหวของคาริสาตอนตกบันไดให้เจ้านายดู
“ตกบันไดแค่นี้ไม่น่าจะกระดูกร้าวได้นะ”
“คุณเคสกระดูกร้าวเหรอครับ”
“หมอบอกอย่างนั้น”
“แล้วหมอจะโกหกไปทำไม” เอกเกิดความสงสัย ขนาดเขาไม่ได้เป็นหมอยังวินิฉัยได้เลยว่าคาริสาคงไม่ได้เป็นอะไรมาก
“ถ้ากระดูกร้าวก็ต้องใส่เฝือกนานเป็นเดือน เธอต้องการอะไรกันแน่”
แดเนียลครุ่นคิดอยู่ในใจ เขาเริ่มไม่ไว้ใจในตัวคาริสาเสียแล้ว
เอกเริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ จึงไล่ดูกล้องวงจรปิดทุกตัวในบ้าน
“นายครับ” เขายื่นแท็บเล็ตให้เจ้านายดูอีกครั้ง เมื่อวานก่อนเกิดเหตุ คาริสาดูท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ เธอเดินเข้าห้องนั้นออกห้องนี้ราวกับกำลังสำรวจอะไรบางอย่าง
“เคส!” มาเฟียหนุ่มเรียกคาริสาเสียงเหี้ยม เธอกำลังจะทำในสิ่งที่เขาไม่อยากให้เกิดขึ้น
ถ้าเธอลงมือเมื่อไหร่ เขาก็จะไม่ละเว้นเธอเหมือนกัน