“เรียบร้อยหรือยังครับคุณเคส”
เสียงของเอกทำให้คาริสาสะดุ้งเล็กน้อย เธอหันไปพยักหน้าเพื่อกลบเกลื่อนอาการตกใจ
ขณะเดินลงมาหน้าอพาร์ตเมนต์ คาริสาจึงใช้โอกาสนี้ถามเอกเรื่องแดเนียล เนื่องจากวันนี้เขาดูอารมณ์ไม่ดี อยากรู้เหลือเกินว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่ายังไม่ทันจะได้เอ่ยปากถามเอกก็พูดขึ้นมาก่อน
“ชอบอ่านหนังสือพิมพ์เหรอครับ”
“ทำไม?”
“ท่าทางคุณจะชอบอ่านข่าวที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรข้ามชาติ ผู้ร้ายต้างแดนอะไรพวกนี้นะครับ”
“ไม่เกี่ยวเลย ข่าวในหนังสือพิมพ์มีอะไรอัปเดตฉันก็อ่านตามนั้น” คาริสาหรี่ตามองเอกอย่างลองเชิง เธอชักจะไม่ไว้ใจลูกน้องคนนี้ของแดเนียลซะแล้ว
“แปลกนะครับ เพราะเท่าที่ผมเห็น มีแต่หนังสือพิมพ์ปีก่อน ๆ ไม่มีฉบับปัจจุบันเลย”
เอกยิ้มมุมปากแล้วเดินแยกออกไปจัดการกับสัมภาระท้ายรถ ทิ้งให้คาริสามองตามหลังด้วยความหมั่นไส้
คอยดูเถอะ จะฟ้องแดเนียลให้จัดการสถานหนัก!
คนมีแผนร้ายกระโดดขึ้นมานั่งบนรถด้วยท่าทางดี๊ด๊า เธอทำหน้าออดอ้อนหวังเอาใจมาเฟียหมุ่น ทว่ายังไม่ทันจะเอ่ยฟ้องอะไร ก็กลับถูกเขามองด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
มองแรงขนาดนี้ จับเธอโยนลงจากรถเลยดีกว่า
“ฉันไม่รู้ว่านายไปอารมณ์เสียมาจากไหน แต่...” คาริสาหลบตาเขาด้วยความอึดอัด “นายอย่ามองหน้าฉันแบบนี้ได้ไหม ฉันกลัวนะ”
“...” นอกจากจะไม่สนใจเธอแล้ว ยังทำเหมือนเธอเป็นเพียงธาตุอากาศอีก
ปล่อยไว้แบบนี้นาน ๆ ไม่ดีแน่ ต้องทำอะไรสักอย่าง!
“ยิ้มหน่อยสิ” คาริสาสอดมือเข้าไปกอดแขนเขาไว้ พลางเกยคางไว้บนบ่าแกร่ง “อาการมันเป็นยังไง บอกหมอซิ”
นอกจากจะไม่ได้ผลยังถูกเขามองตาดุกว่าเดิมอีก เธอก้มหน้าหลบตาโดยเอาหูแนบไว้ที่กลางอกแกร่ง
“ทำอะไร!”
“ฟังเสียงหัวใจนายอยู่” มือเรียวสัมผัสสอกข้างซ้ายตำแหน่งเดียวกับหัวใจ เธอเงยหน้ามองเขาตาแป๋ว “อุ๊ย! เสียงหัวใจเราเต้นพร้อมกันเลย”
“ฮึ” มุมปากหยักได้รูปบิดยิ้มเล็กน้อย
“นายยิ้มแล้ว เย้ ในที่สุดฉันก็ทำให้นายยิ้มได้แล้ว” คาริสาส่งเสียงดีใจเป็นการใหญ่ ก่อนจะถูกมาเฟียหนุ่มอุ้มขึ้นไปนั่งบนตักอย่างถือวิสาสะ “อื้อ คนฉวยโอกาส”
“กลับถึงบ้านเธอต้องเอาใจฉันกว่านี้นะ”
“ฉันยอมให้นายวันหนึ่งแล้วกัน” คาริสาแนบพวงแก้มซบลงกลางอกแกร่งอีกครั้ง
แดเนียลก้มจูบกระหม่อมน้อยอย่างอ่อนโยน แต่ทว่าแววตาที่จ้องมองเธอ กลับมีอันตรายแฝงอยู่กรุ่น ๆ
ณ คฤหาสน์ของแดเนียล
“แดน... อื้อ! ปล่อยนะ ฉันเดินเองได้ ไม่ได้พิการซะหน่อย”
คาริสาโวยวายเนื่องจากถูกแดเนียลอุ้มเข้ามาภายในบ้าน โดยมีเอกกับลูกน้องหลายคนเดินตามหลังอย่างเป็นระเบียบ
เหล่าคนรับใช้ที่รออำนวยความสะดวกต่างรู้งานและแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง
“ข้าวของส่วนตัวของคุณเคส ฝากป้าจัดการและเตรียมห้องนอนให้เธอด้วย”
“เอากระเป๋าเคสไปไว้ที่ห้องฉัน” แดเนียลหันไปสั่งด้วยตัวเอง แล้วก้มมองคนในอ้อมอกอย่างมีเลศนัย
“อย่ามองฉันแบบนั้นนะแดน ไม่ว่านายคิดจะทำอะไร ฉันรับรองว่านายจะไม่ได้ในสิ่งที่นายต้องการแน่นอน”
“ไหนบอกจะยอมฉันวันหนึ่งไง”
“ฉันไม่ยอมนายแล้ว คนฉวยโอกาสปล่อยฉันลงนะ” คาริสาออกแรงดิ้นจนหลุดจากอ้อมแขนแกร่ง
เมื่อเห็นป้าพิมพ์กำลังจะนำกระเป๋าของเธอไปเก็บบนห้อง คาริสาจึงวิ่งหนีแดเนียลโดยตามป้าพิมพ์ไปยังชั้นสองของบ้าน
“เคส” แดเนียลตะโกนเรียกคาริสา เผลอไม่ได้จะหนีเขาท่าเดียว
มาเฟียหนุ่มกำลังจะเดินตามเธอขึ้นไป แต่ลูกน้องคนสนิทก็ดันมาจังหวะ ก่อนจะกระซิบบอกอะไรบางอย่าง ทำให้เขาเปลี่ยนทิศทางเดินไปยังนอกบ้านแทน
“มึงไปอยู่ไหนมา ทำไมเพิ่งกลับมาตอนนี้”
“นายครับ” คนถูกสอบสวนยังไม่ทันจะได้อธิบายอะไร แดเนียลก็พูดขึ้นแทรก
“กูจะให้โอกาสมึงพูด แต่กูไม่รับประกันว่ามึงจะรอดจากลูกปืนกู” เสียงคาดโทษนั้นทำเอาคนฟังกลัวจนขนหัวลุก
“นายครับ ผมถูกพวกมันทำร้ายจากด้านหลัง รู้สึกตัวอีกทีผมก็อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้”
“กูจำได้ว่ากูสั่งให้มึงตามผู้หญิงคนหนึ่งไป มึงอย่าบอกนะว่าคนที่ทำร้ายมึงคือผู้หญิงคนนั้น” เอกเค้นต่อ
“แค่ผู้หญิงคนเดียวมึงยังสู้ไม่ได้ กูก็ไม่รู้ว่าจะเก็บมึงไว้ทำไม”
“นายครับ นังผู้หญิงคนนั้นมันเป็นสายให้กับตำรวจ และผมจำหน้ามันได้”
“กูไม่สนว่ามึงจะจำหน้ามันได้หรือไม่ได้ กูสนแค่ว่าเพราะอะไรกูจะต้องเก็บมึงไว้”
“นายครับผมขอโอกาส ชีวิตผมไม่เหลือใครแล้ว ผมขอโอกาสอีกสักครั้งนะครับนาย”
แดเนียลยื่นมือขออาวุธปืนจากลูกน้องคนสนิท ก่อนจะส่งมันให้ลูกน้องตรงหน้า
“ถ้ามึงจงรักภักดีต่อกู มึงก็ฆ่าตัวตายซะ”
มาเฟียหนุ่มกดดันเสียงเหี้ยม ทำเอาคนไม่มีทางสู้แขนขาสั่นจนเยี่ยวแทบราด เขาหลับตาลงแล้วเล็งปืนไปยังศีรษะของตัวเอง ทว่าปืนยังไม่ทันจะได้ลั่นไก เสียงเอะอะโวยวายขอความช่วยเหลือก็ดังมาแต่ไกล
“ช่วยด้วยค่ะช่วยด้วย คุณเคส...”
“คุณเคสทำไมป้า!” เอกตะโกนถามกลับไป
“เคสเป็นอะไร”