ซิ่นหนิงเยว่กลับมายังเรือนของตนด้วยความเหนื่อยล้าไปทั่วร่างกาย ความหอมหวานจากอิสระที่นางวาดฝันคงเป็นไปได้อย่างลำบากยากเย็น นางนอนคิดถึงเมื่อครั้งอยู่ที่ในร่างของอาจู นางมองเห็นคู่รักทะเลาะเบาะแว้งอย่างมิอายใคร แย่งชิงกันเปิดเผย เลิกรากันง่ายดาย แม้จะน่าละอายแต่ก็หามีผู้ใดสนใจ กลับมีแรงสนับสนุนเมื่ออีกฝ่ายสมควรได้รับสิ่งนั้น สตรีมิได้อยู่ภายใต้อาณัติของบุรุษ บุรุษยอมคุกเข่าให้สตรี และพวกนางเหล่านั้นสามารถเลือกคนรักเองได้ นางอยากเป็นแบบนั้นเหลือเกิน
ความเหนื่อยอ่อนทำให้ซิ่นหนิงเยว่คล้อยหลับไป ตื่นมาอีกทีก็ถึงมื้อค่ำ แต่นางไม่รู้สึกไม่อยากอาหารเลย แต่ก็ยากที่จะบ่ายเบี่ยงจึงต้องจำยอมให้หยวนเพ่ยนำผ้ามาเพื่อเช็ดหน้า และบ้วนปาก และจัดชุดให้เรียบร้อยพร้อมจัดทรงผมให้ดี
มื้อนี้นางรู้สึกดีขึ้นเพราะท่านแม่ทัพไม่อยู่ร่วมโต๊ะอาหาร เพราะคงมีงานด่วนทำให้เขาไม่ได้อยู่ทานมื้อค่ำด้วย นางได้ความจากพ่อบ้านใหญ่ที่เอ่ยตอบคำจากฮูหยินผู้เฒ่าได้ความว่า ท่านแม่ทัพกลับมาเอาเอกสารสำคัญและต้องกลับไปจัดการงานของตน
ร่วมอาทิตย์ที่ซิ่นหนิงเยว่ไม่ได้ออกจากจวน เวลาบ่ายแก่พระอาทิตย์เริ่มทอแสงอ่อนลง ทำให้ไม่ร้อนเหมือนเมื่อช่วงสาย วันนี้นางรู้สึกเบื่อ ไม่รู้จะทำอะไร จึงได้นำหนังสือมานั่งอ่านเล่นที่เรือนของตนเป็นเวลานานแล้ว จนเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้องทำให้ซิ่นหนิงเยว่เงยหน้าขึ้นเอ่ยคำอนุญาต "เข้ามา"
"คุณหนูเจ้าคะ บ่าวนำน้ำชามาเปลี่ยนให้เจ้าค่ะ" หยวนเพ่ยเดินมาพร้อมกาน้ำชา
"อืม" นางรับคำโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง ว่าเวลานี้สาวใช้ของตนมีใบหน้ายิ้มแย้มมากแค่ไหน
"คุณหนูเจ้าคะ" หยวนเพ่ยเรียกนายของตนด้วยน้ำเสียงสดใส จนนางเองรู้สึกแปลกใจกับทีท่าของนาง
"เจ้าเป็นอะไร มีเรื่องอะไรน่ายินดีขนาดนั้นหรือ?"
"คุณหนูเจ้าคะ ท่านแม่ทัพปราบไส้ศึกที่แอบลักลอบเข้ามาสืบข่าวยังเมืองหลวงได้เจ้าค่ะ ฮ่องเต้พระราชทานรางวัลมากมาย และส่งคนจากวังหลวงต่างช่วยกันขนมาไว้ที่เรือนหลักเต็มไปหมดเลยเจ้าค่ะ คุณหนูจะไปดูด้วยไหมเจ้าคะ?" นางพูดพร้อมรินน้ำชาใส่ถ้วยให้กับนายของตน
"ไม่!" นางตอบคำอย่างไม่ยี่หร่ะ แค่เงินทองนางอยากได้ที่ไหนเล่า อิสระสิที่นางอยากได้ นางตอบคำแล้วก็วางหนังสือลง รับน้ำชาที่หยวนเพ่ยยื่นให้มาดื่ม
"เอ่อ...อีกสามวันข้างหน้า เมืองหลวงจะเลี้ยงฉลองใหญ่ บ่าวได้ข่าวว่าเลี้ยงกันเจ็ดวันเจ็ดราตรีเลยนะเจ้าค่ะคะ"
"เจ้าอยากไป?"
"เอ่อ...เจ้าค่ะ บ่าวอยากไปดูพลุไฟเจ้าค่ะ ในยามค่ำคืนคงสวยน่าดูเลยนะเจ้าคะ นานๆ ทีเมืองหลวงจะมีงานเลี้ยงเฉลิมฉลองสักครา"
"เอาสิ ข้าก็เบื่อ อยู่แต่ในเรือน แล้วเจ้ามาเตือนข้าอีกครั้งก็แล้วกัน" นางตอบสาวใช้ที่เปรียบเหมือนพี่สาวของตน พลางนึกถึงว่าตนเองก็ไม่ได้ไปงานเทศกาลยามค่ำคืนนานแล้ว ครั้งสุดท้ายก็งานเทศกาลดอกไม้ไฟที่นางไปกับมารดา
"เจ้าค่ะ" สาวใช้ตอบรับคำด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ทำให้ซิ่นหนิงเยว่ยิ้มสดใสให้กับนาง มีเพียงนางนี่แหละที่เป็นคู่ทุกข์คู่ยากของตน เมื่อนางอยากไปเหตุใดตนต้องห้ามด้วยเล่า ระหว่างที่เจ้านายและสาวใช้บ่าวกำลังยิ้มแย้มให้กันอยู่ เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น หยวนเพ่ยเดินออกไปเปิดประตู เห็นพ่อบ้านพาคนเข้ามายืนรออยู่ หยวนเพ่ยนางจึงหันกลับไปบอกนายของตนถึงว่าผู้มาเยือนคือใคร ซิ่นหนิงเยว่จึงเดินไปที่ประตูเพื่อสอบถามเสียเอง
"ท่านพ่อบ้านมีอะไรหรือ?"
"เรียนฮูหยิน ท่านแม่ทัพให้ข้าน้อยนำของรางวัลมาส่งมอบให้แก่
ฮูหยินขอรับ"
"อืม เจ้าให้คนนำเข้ามาเถอะ"
"ขอรับ"
ซิ่นหนิงเยว่มองหีบที่พ่อบ้านให้คนขนเข้ามาไว้ในห้อง ถึงแม้จะแปลกใจอยู่บ้าง แต่นางก็มิเอ่ยสิ่งใดออกมา นางทำเพียงมองหีบใบใหญ่สอง2ใบที่ข้างในบรรจุผ้าแพรหลายสำรับ และยังคงเหลือหีบใบเล็กที่พ่อบ้านนำมาวางไว้ที่โต๊ะ นางมองตามแม้กระทั่งคนงานคนสุดท้ายเดินออกจากห้องไป
"คุณหนู ทำไมครั้งนี้ถึงส่งมากมายเช่นนี้เล่าเจ้าคะ"
"เจ้าเพิ่งกล่าวเองมิใช่หรือ ว่าฮ่องเต้พระราชทานของรางวัลให้เต็มเรือนหลัก นี่ไม่มากไปหรอก เจ้ามิต้องกังวลไป"
"จริงด้วยเจ้าค่ะ เช่นนั้นบ่าวนำไปเก็บนะเจ้าคะ"
"อืม เสร็จแล้วเจ้าก็ไปบอกฮูหยินผู้เฒ่าให้ข้าเสียหน่อย ว่าคืนนี้ข้าเวียนหัว ขอไม่กินมื้อค่ำ"
"วันนี้คุณหนูทานน้อยอยู่แล้วนะเจ้าคะ ไม่ทานมื้อค่ำ ลมจะตีที่ท้องได้นะเจ้าคะ"
"ข้าไม่หิว เก็บเสร็จก็ไปทำตามที่ข้าบอกก็แล้วกัน"
"เอ่อ...เจ้าค่ะ"
ยามดึกสองร่างนอนกอดก่ายหายใจหอบจากความเหน็ดเหนื่อย หรงเซียะเหม่ยลูบไล้แผงอกผู้เป็นสามีอย่างนึกชมเรือนร่างที่นางได้เป็นเจ้าของในค่ำคืนนี้
"ให้ข้าไปด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ?"
"ข้าก็อยากพาเจ้าไปนะ เหม่ยเอ๋อร์ แต่ภายในงานมีเพียงฮูหยินที่ไปได้เท่านั้น อีกทั้งเป็นงานครบรอบวันประสูติของไทเฮา มิใช่งานเล็กๆ" จางหยูเยี่ยนลูบผมสตรีที่นอนแนบอกเขาอย่างทะนุถนอม ทั้งรู้สึกโกรธตนเองที่ไม่สามารถเชิดหน้าชูตานางได้ตามที่เคยให้คำสัตย์ไว้ แต่ครั้งหนึ่งนางเคยปลอบเขาว่านางมิคิดเล็กคิดน้อย ขอแค่ได้อยู่ปรนนิบัติเขานางก็พอใจแต่เป็นเขาที่ไม่พอใจกับคำสัญญาที่เคยให้ไว้แก่นาง
"แต่ข้าน้อยอยากไปนี่เจ้าคะ"
"เช่นนั้นข้าจะพาเจ้าเที่ยวงานเฉลิมฉลองยามค่ำคืนดีหรือไม่?"
"จริงนะเจ้าคะ" หรงเซียะเหม่ยยันกายขึ้นมองหน้า ดวงตากลมโตเจือแววซุกซน แล้วยิ้มแก้มปริให้กับบุรุษข้างกาย
"ข้าเคยโกหกเจ้าหรือ เหม่ยเอ๋อร์" นางส่ายหน้าและโน้มตัวหอมแก้มเขาอย่างเอาใจ การกระทำนี้อาจสร้างความแปลกประหลาดใจให้กับจางหยูเยี่ยน แต่เขาก็มิว่ากล่าวนาง กลับหัวเราะชอบใจ
"เจ้านี่นะ มักทำอะไรให้ข้าแปลกใจเล่นอยู่เรื่อย"
"แล้วท่านชอบหรือไม่เล่าเจ้าคะ?"
"ข้าย่อมชอบเจ้าอยู่แล้ว" เขาเอ่ยพร้อมจุมพิตที่ริมฝีปากนุ่มนิ่ม "ข้าต้องไปจัดการงานที่ค้างให้เสร็จ เจ้าพักผ่อนเถิด"
"แล้วคืนนี้ท่านแม่ทัพจะเข้ามานอนที่เรือนนี้ หรือกลับเรือนท่านเจ้าคะ?"
"ข้าจะไปห้องหนังสือ เจ้านอนเถิดดึกมากแล้ว"
"เจ้าค่ะ" นางหอมแก้มเขาอีกครั้ง ก่อนปล่อยศีรษะให้ลงบนหมอนและนอนอย่างอ่อนเพลียคล้อยหลังที่จางหยูเยี่ยนจากไป หรงเซียะเหม่ยลืมตาขึ้นมาด้วยรอยยิ้มแห่งความปลื้มปีติ ความรู้สึกนางรับรู้ถึงความสุขที่ไม่เคยได้รับมาก่อนในชีวิตเข้าแทรกซึมเข้าในห้วงหัวใจลึกๆ นางไม่อยากตื่นจากฝันนี้ ความฝันนี้สวยงามนัก และเป็นความฝันที่นางจับต้องได้ แม้สถานะนี้จะเหมือนเมื่อครั้งที่นางจากมา แต่นางก็รู้สึกดีกว่าสถานะเดิมที่ถูกแอบซ่อน และการได้มาอย่างยากลำบาก
สองขาพาร่างสะคราญไปยังห้องด้านในที่เก็บของไว้ แสงเทียนที่นางจุดสว่างไสวทั่วห้องด้วยมือของนางเอง สุกสกาวรอบห้องนางเดินตรงไปยังหีบหลายต่อหลายใบที่วางเรียงรายอยู่ มุมปากยกยิ้มด้วยความพึงใจกับสมบัติที่เป็นของนางตรงหน้าที่เป็นของนาง
"สมบัติเป็นของข้า บุรุษก็ต้องเป็นของข้า ข้าจะต้องมีที่ยืนและให้คนรู้จักข้า ขอบใจนะหรงเซียะเหม่ย ตายไปก็ยังมอบร่างที่งดงามให้แก่ข้า ร่างของเจ้าช่วยข้าได้มากทีเดียว ข้าสัญญาจะดูแลร่างเจ้าเหมือนร่างข้า เพราะข้าคือหรงเซียะเหม่ย"