ตอนที่ 5 ขอจูบได้ไหม

4449 คำ
ตอนที่ 5 ขอจูบได้ไหม เสียงเพลงดังจากดนตรีสดดังเคล้าคลอมากับเสียงพูดคุย บรรยากาศสบาย ๆ ในร้านเหล้าที่ผมเคยชอบ แต่ตอนนี้ผมกลับไม่รู้สึกอินกับมันสักนิดเพราะตอนนี้สมองผมเอาแต่คิดเรื่องคุณพนาอยู่ ตั้งแต่ที่แยกกันไปวันนั้นก็ผ่านมาเกือบหนึ่งอาทิตย์แล้ว วาโยเงียบหายไป อันนี้ไม่แปลกเพราะเราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันแล้ว แต่คุณพนาเองก็ด้วย แถมที่ผมยังกังวลอยู่นี่เพราะรอบล่าสุดที่เจอกัน ดูเหมือนระหว่างผมกับคุณพนามันตึง ๆ ซึ่งนั่นทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก “กูควรเริ่มด่ามึงยังไงดี” เก้าอี้ข้าง ๆ ผมมีคนมานั่งลง และนี่เป็นคำทักทายคำแรกจากคนที่เพิ่งจะนั่งลง วันนี้ผมออกมาคนเดียว แล้วก็โทรเรียกไอ้บูมกับแฟนมันออกมาด้วย ตอนแรกมันก็ไม่ยอมเพราะพรุ่งนี้วันเสาร์ มันอยากจะใช้เวลาอยู่กับแฟนมาก ๆ แต่พอผมตัดสินใจเล่าเรื่องระหว่างผม คุณพนา แล้วก็วาโยให้ฟัง ไอ้บูมกับแฟนมันก็รีบมาหาผมทันที “อย่าซ้ำเติมกูดิ กูกำลังเศร้านะ” “ก็สมควร แม่งเอารุ่นน้องในเอกก็ปวดหัวแล้ว ยังจะไปชอบพ่อเขาอีก” ไอ้บูม บ่นผมยกใหญ่ ยังดีที่มีน้องวิวคอยลูบแขนมันไว้ แต่เชื่อเถอะว่าที่น้องวิวช่วยปลอบเพราะผมเป็นพี่ ถ้าผมเป็นเพื่อนน้องวิว น้องก็น่าจะด่าผมเหมือนกันนั่นแหละ ทำไงได้เล่า ความรู้สึกมันห้ามกันได้ที่ไหนล่ะ “มึงจะด่าอะไรกูก็ได้ แต่ด่าแล้วช่วยกูคิดด้วยนะว่าทำยังไงต่อดี” “ก็ไม่เห็นยาก มึงติดต่อไปขอเอากับวาโยอีก แค่นี้มึงก็ได้ไปบ้านพ่อน้อง แล้วก็ตามง้อเขาซะ ไม่ว่าเขาจะตึงกับมึงเรื่องอะไรก็ตาม” “ไม่ได้ แบบนั้นเขาก็จะยิ่งไม่เอากู เพราะคิดว่ากูเป็นเมียลูกเขาสิ” ผมรีบค้าน อันที่จริงพอมานั่งประมวลผลดูแล้วผมก็พอจะเดาได้ แต่ก็ยัง ไม่ชัวร์หรอกนะ แต่ผมเดาว่าคุณพนาน่าจะตึงกับผมเพราะเรื่องวาโยนี่แหละ เพราะตอนแรกเรายังดี ๆ กันอยู่ พอทำอาหารเสร็จแล้ววาโยเดินมาจูบคอแล้วมานัวเนียกับผม หลังจากนั้นคุณพนาก็เริ่มเปลี่ยนไป ผมเพิ่งคิดเรื่องนี้ได้ไม่กี่คืนก่อนเอง ก่อนหน้านั้นก็คิดไม่ออก พอได้มาตั้งสติ ค่อย ๆ เรียบเรียงเหตุการณ์ก็คิดได้ว่าน่าจะเป็นแบบนี้ แต่ก็นั่นแหละ เพราะถ้าไม่ได้เป็นแบบนี้มีอีกเหตุผลหนึ่งที่คุณพนาตึงกับผม ก็คือเขาไม่อยากได้ผม และโกรธที่ผมอ่อยจริง ๆ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นผมคงเศร้า “บิ๊ก กูถามจริงนะ มึงจริงจังกับพ่อวาโยมากเลยเหรอ” บูมมันดึงแก้วเหล้า ในมือผมไว้แล้วจับให้ผมหันหน้าไปคุยกับมันดี ๆ คำถามที่บูมถามมันคือคำถามที่ผมก็ถามตัวเองเหมือนกัน และคำตอบมันก็ชัดมาก ๆ ในใจผม “อื้อ จริงจัง กูชอบเขา ชอบมาก ๆ” “เฮ้อ” ไม่มีคำพูดใดนอกจากเสียงถอนหายใจ หลังจากได้ฟังความในใจของผม บูมมันก็นั่งบ่นผมอีกนิดหน่อยก่อนจะคิดหาทางช่วย นี่แหละ บ่นแต่สุดท้ายก็ช่วย เพื่อนผมมันน่ารัก แถมน้องวิวเองก็ช่วยคิดแผนอีกแรงจนคิดแผนมาได้สำเร็จ แต่กว่าจะคิดได้ ร้านที่เรานั่งก็กำลังจะปิดแล้วละ “ตกลงเอาแบบที่วิวเสนอไหม แต่ถ้าไม่สำเร็จคือชัดเจนเลยนะว่าเขาไม่เอามึง แล้วมึงก็ต้องตัดใจ” บูมถามความเห็น ตอนนี้ผมกำลังชั่งใจกับแผนของบูมกับวิว สำหรับผมมันก็ไม่ใช่แผนที่ดีมาก แต่มันก็น่าจะเป็นแผนเดียวที่ทำให้ผมกับคุณพนาได้เจอกันอีก แต่มันก็มีความเสี่ยงที่จะไม่สำเร็จ ซึ่งมันก็จะทำให้วัดได้เลยว่าสรุปแล้วคุณพนาสนใจผมรึเปล่า “ได้ ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย” ผมตัดสินใจลองเสี่ยงดู เมื่อตัดสินใจเสร็จเราก็เดินกันออกมาที่หน้าร้านเหล้าเพื่อที่จะได้คุยโทรศัพท์รู้เรื่อง ไอ้บูมจัดการใช้เบอร์ของมันโทรเข้าเบอร์บ้านของวาโย งานนี้ก็ต้องขอบคุณวิวที่มีเบอร์บ้านของน้องด้วย “สวัสดีครับ” หลังจากโทรได้ไม่นานก็มีคนรับสาย ซึ่งเสียงคนรับก็เป็นเสียงที่ผมจำได้ดี เสียงของคุณพนา บูมมันหันมามองหน้าผมว่าใช่รึเปล่า พอผมพยักหน้ารับมันก็พูดต่อ “สวัสดีครับ อันนี้บ้านน้องบิ๊กรึเปล่าครับ พอดีพี่เป็นพี่ที่ทำงานน้องบิ๊ก ตอนนี้น้องบิ๊กเมามาก จะไปส่งบ้านน้องก็พูดไม่รู้เรื่องเลย เห็นน้องเมมเบอร์นี้ว่าบ้านเลยลองโทรถามดู” บูมเนียนพูดตามบท ถึงมันจะฟังดูไม่ค่อยเมคเซนส์เท่าไร ก็เถอะนะ “บิ๊กนี่ใช่บิ๊กที่ฝึกงานอยู่โมเดิร์นเฮาส์รึเปล่า” “ใช่ครับ อันนี้เป็นญาติน้องใช่ไหม” “ไม่ใช่ครับ” พอคุณพนาตอบกลับมาว่าไม่ใช่ ผมกับไอ้บูมก็มองหน้ากันอัตโนมัติ แล้วปรึกษากันผ่านทางสายตาว่าจะเอายังไงต่อดี “อ่อ งั้นไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมเอาน้องบิ๊กไปนอนที่ห้องผมก็ได้” “เดี๋ยว ตอนนี้บิ๊กอยู่ไหน” “อยู่กับผมที่ร้าน SQa แต่ไม่เป็นไรครับ ถ้าคุณไม่ใช่...” “เดี๋ยวผมไปรับบิ๊ก ขอเวลาไม่เกินยี่สิบนาที” พูดจบคุณพนาก็วางหูไป ผมสามคนมองหน้ากันอัตโนมัติ “เชี่ย เขาชอบกูแน่ ๆ” นี่เป็นคำแรกที่หลุดออกจากผม พูดจบบูมมันก็เคาะหัวผมเรียกสติทันที “รู้ว่าชอบเขา แต่พักมโนบ้าง แม่งเอ๊ย นี่ถ้าเขาพาเข้าบ้านมึงไม่ฝันถึงตอนเป็นแฟนเลยเหรอ” “กูฝันถึงงานแต่งงานเลยบูม” ยิ่งพูดบูมมันยิ่งเอือม ส่วนวิวนี่สิ ยืนขำผมสนุกสนานเลย เอาละ ใครจะว่าผมมโนก็ช่าง แต่ผมว่าผมมีหวัง คุณพนาต้องสนใจผมบ้างแหละ ผมเชื่อแบบนั้น “แล้วจะให้พวกกูรอเป็นเพื่อนรึเปล่า” “ไม่เป็นไร มึงไปกันเลย” “อื้ม แต่กูจะถามมึงให้แน่ใจเป็นครั้งสุดท้ายนะ มึงเสียใจมาเยอะ รู้ใช่ไหมว่าแต่ละครั้งมันแย่แค่ไหน มึงจะรับผลของครั้งนี้ได้ใช่ไหมถ้ามันจะจบแบบเดิม” “อื้ม ถ้าเป็นคุณพนา กูยอมเสี่ยง” หลังบูมกลับไปผมก็นั่งรอคุณพนาอยู่บนฟุตพาทข้างร้านลูกชิ้นหน้าร้านเหล้าด้วยใจจดจ่อ ใช้เวลาประมาณยี่สิบนาทีคุณพนาก็เดินทางมาถึง ร่างสูงเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าผม ผมยังนั่งอยู่ที่ฟุตพาทอยู่ ใบหน้าของผมเงยขึ้นมองคุณพนา ตอนนี้ผมรู้สึกดีใจมาก ๆ ที่ได้เจอคุณพนาอีก แต่ผมก็ยังเศร้าที่โดนคุณพนาดุไปวันนั้นอยู่ เลยได้แต่มองแล้วทำหน้างอเหมือนจะร้องไห้อยู่แบบนี้ “ไหวรึเปล่า” คุณพนานั่งลงให้ตัวเสมอกับผม มือหนาวางบนหัวผมแล้วจู่ ๆ น้ำตาผมก็ไหลออกมาเอง “ผมคิดถึงคุณ” พอผมพูดจบคุณพนาก็พยักหน้ารับรู้ แล้วประคองตัวผมให้ยืนขึ้นก่อนจะพาไปที่รถ “กลับหอใช่ไหม” คุณพนาถามแต่ผมส่ายหน้า “แล้วเธอจะไปไหน” ผมยังคงไม่ตอบ นอกจากไม่ตอบผมยังเอื้อมมือไปจับคุณพนาอีก คราวนี้คุณพนาไม่ได้ชักมือออกแบบรอบที่แล้ว “ผมคิดถึงคุณ” ผมย้ำคำเดิม คุณพนาไม่ได้ตอบอะไรกลับมา แต่เริ่มออกรถทันที ซึ่งทางที่ขับมามันไม่ใช่ทางไปหอผม แล้วมันก็ไม่ใช่ทางกลับบ้านคุณพนาเช่นกัน ตลอดระยะทางบนรถไม่มีใครพูดอะไร ผมไม่ได้ถามว่าทำไมคุณพนาถึงยอมมารับผม คุณพนาก็ไม่ได้ถามว่าทำไมผมยังมีสติ ไม่เห็นจะเมาจนไม่รู้เรื่องเหมือนที่ไอ้บูมมันโทรไปบอก แต่ถึงจะเงียบผมก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดเท่าไร ใช้เวลาไม่นานคุณพนาก็พาผมมาถึงที่หมาย มันคือคอนโดฯ แห่งหนึ่งที่ผมเคยผ่านบ่อย ๆ ตอนมาสำรวจงาน เพราะเดี๋ยวสัปดาห์หน้าผมก็ต้องเริ่มเข้าไซต์ก่อสร้างใหม่ที่อยู่ใกล้ ๆ นี้ “คอนโดฯ คุณเหรอ” “อื้ม” คุณพนาพยักหน้าแล้วพาผมขึ้นห้องทันที คุณพนาพาผมมาที่ห้องห้องหนึ่ง ขนาดของมันไม่ได้ใหญ่มากแต่ค่อนข้างจะดูมีราคาเพราะการตกแต่งสุดหรู ผมเดินเข้าไปก็อดมองสำรวจไปรอบ ๆ ไม่ได้ “ห้องคุณเหรอ” “อื้ม” “คุณพาผมมาที่ห้องงั้นเหรอ” ผมหันไปยิ้มให้คุณพนา ก่อนจะนึกได้ว่าเราสองคนยังตึง ๆ กันอยู่เลยหุบยิ้ม แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ทันเพราะคุณพนาเห็นผมไปแล้ว “เธอบอกว่าไม่อยากกลับหอ” คุณพนาพาผมไปนั่งที่โซฟาแล้วหาน้ำมาให้กิน ผมรับน้ำมาดื่ม จังหวะที่ดื่มอยู่ก็เห็นคุณพนากำลังปลดกระดุมเสื้อจึงเผลอสำลักจนน้ำหกเลอะเทอะไปหมด “แค่ก ๆ” “ไหวไหม ค่อย ๆ กินสิ” คุณพนาดุผมแล้วเอาทิชชูมาเช็ดน้ำที่หกเลอะปาก คาง และหน้าอกให้ผม จังหวะที่มือหนาเลื่อนลงมาที่หน้าอก ถึงแม้เราจะยังตึงกันแค่ไหน แต่สัญชาตญาณความแรดของผมมันก็ทำงาน ผมเผลอแอ่นอกให้คุณพนาแล้วครางอื้ออึงทันที “อื้อ” “บิ๊ก” คุณพนากดเสียงต่ำแล้วเอาทิชชูไปทิ้ง โดนดุอีกแล้ว ยั่วนิดยั่วหน่อยก็ต้องดุ ดุแต่ก็พามาคอนโดฯ คุณพนาย้อนแย้งไปหมดจนผมตามไม่ทันแล้วนะ “คุณรับผมมาทำไม” เมื่อคุณพนาไม่ยอมให้อ่อยผมก็ตั้งคำถามแทน คำถามของผมทำคุณพนานิ่งเหมือนไม่รู้จะพูดอะไร “รุ่นพี่เธอบอกว่าเธอเมาไม่ได้สติ และเธอไม่มีที่นอน” “ถ้าคุณไม่มารับผมก็ไปนอนกับเขา หรือคุณกลัวผมไปนอนกับเขา” คราวนี้เราก็ต่างคนต่างเงียบอีกครั้ง แล้วก็เป็นคุณพนาที่เริ่มเปลี่ยนเรื่องก่อน “อยากเปลี่ยนชุดรึเปล่า ฉันจะลองหาให้ แต่มันอาจจะใหญ่กว่าตัวเธอมากหน่อย” คุณพนาเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วก็เริ่มหาชุดให้ผม การเปลี่ยนเรื่องของคุณพนาทำให้ผมขัดใจ ผมเลยเดินตามคุณพนาไปยืนอยู่ด้านหลัง “ตัวนี้เธอน่าจะใส่ได้ ลองใส่ดูว่าพอดีไหม” คุณพนาหยิบเสื้อยืดให้ผม ผมรับเสื้อยืดนั้นมาแล้วจัดการถอดเสื้อต่อหน้าคุณพนา จนคุณพนาต้องหันหน้าหนีไป ทางอื่น “เธอควรไปเปลี่ยนในห้องน้ำนะ” “ผมไม่ได้อะไรกับลูกคุณ ลูกคุณก็ไม่ได้อะไรกับผม เราแค่วันไนท์สแตนด์ แต่ตอนนี้ทุกอย่างจบแล้ว เราไม่ได้ติดต่อกัน ไอจีเรายังไม่ฟอลกันเลย” คราวนี้เป็นผมที่เปลี่ยนเรื่องบ้าง ผมพูดจนจบคุณพนาก็ยังไม่หันมามองผม คราวนี้ผมเลยเดินเข้าใกล้แล้วสวมกอดคุณพนาอย่างเชื่องช้า ก่อนจะยืนยันอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงและดูออดอ้อนขึ้น “คุณ ผมพูดจริง ๆ นะ ผมกับโยไม่ได้เป็นอะไรกันจริง ๆ” ผมพูดเสียงอู้อี้อยู่ตรงอกคุณพนา สองแขนยังกอดคุณพนาแน่นไม่ยอมปล่อยจนคุณพนาเป็นคนจับผมออกเอง “อื้ม ฉันรู้แล้ว” คุณพนาพยักหน้ารับรู้แล้วหยิบเสื้อในมือผมไป แล้วเป็นคนบรรจงใส่ให้ผมเอง คุณพ่อตัวโตใส่เสื้อให้ผมเสร็จก็ยังมองผมอยู่แบบนั้น แต่ดวงตาของคุณพนาดูเปลี่ยนไป เขาดูไม่ได้ตึงใส่ผมแบบตอนแรก “ส่วนกางเกง...” “เดี๋ยวนะ เดี๋ยวผมจะโทรหาวาโยให้ดู” ถึงคุณพนาจะดูเหมือนเชื่อคำพูดผมขึ้นมาแล้วแต่ผมก็อยากให้คุณพนามั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์จะได้ไม่มีอะไรขัดขวางการอ้อน การอ่อยของผมได้อีก ผมวิ่งไปหยิบโทรศัพท์หวังจะโทรหาวาโยแต่ก็นึกขึ้นได้ “ผมไม่มีเบอร์โย เอ๊ะ แต่เหมือนโยจะเคยโทรมาตอนครั้งที่แล้ว” ผมนั่งกดดูคนที่โทรเข้าหาผมแล้วเป็นเบอร์แปลก ๆ จนคุณพนาต้องเอาโทรศัพท์ผมไปกดเบอร์วาโยให้ “ขอบคุณครับ” ผมขอบคุณแล้วยิ้มหวาน ก่อนจะกดโทรออกหาวาโย ใช้เวลาไม่นานน้องมันก็รับโทรศัพท์ผม “โย พี่เอง” “พี่บิ๊กเหรอ อึก มีอะไร” วาโยตอบกลับผมเสียงกระท่อนกระแท่น ประเด็นคือนอกจากวาโยแล้วยังมีเสียงคนอื่นด้วย แต่ฟัง ๆ ดูแล้วมันไม่ใช่เสียงพูดคุยปกติ แต่ดูเหมือนจะเป็นเสียงครางมากกว่านะ “พี่จะถามว่าโยชอบพี่รึเปล่า” “ฮะ เราก็เคลียร์กันไปแล้วไงว่าเราแค่นอนด้วยกัน” วาโยตอบกลับมาแบบไม่ค่อยสบอารมณ์ คงจะรำคาญที่โดนกวน พอวาโยตอบกลับมาแบบนั้นผมก็มองหน้าคุณพนาแล้วสื่อสารกับคุณพนาทางสายตาว่าเห็นไหม ๆ “ดีมาก พี่ก็ไม่ได้ชอบโย เรามาเป็นพี่น้องกันนะ” “เออ พี่มีอะไรอีกปะ” “ไม่มี โยตามสบายเลย” สิ้นสุดคำพูดผมวาโยก็วางสายไปทันที “เห็นไหม ผมไม่ได้อะไรกับวาโยจริง ๆ เราแค่นอนด้วยกัน และจะไม่นอน อีกแล้ว จบคือจบ” ผมยืนยันหนักแน่น มือบางคว้ามือคุณพนามากุมไว้แล้วมอง คุณพนาอย่างอ้อน ๆ “คุณเชื่อผมไหม” “อื้ม ฉันเชื่อเธอ” คำว่าฉันเชื่อเธอมันทำให้หัวใจผมพองโต รู้สึกเหมือนได้รับความเชื่อใจจากคุณพนา พูดจบคุณพนาก็หันไปหากางเกงให้ผมต่อ แต่จังหวะที่หันผมเหมือนจะเห็นคุณพนายิ้มนิด ๆ ด้วย ที่แท้คุณพนาก็กังวลเรื่องนี้จริง ๆ ด้วย ระหว่างที่คุณพนากำลังคุกเข่าลงและค้นหากางเกงเก่า ๆ ที่พับอยู่ด้านล่าง ผมก็นั่งแบะขาลงกับพื้นข้าง ๆ คุณพนา ผมหันตัวไปหาคุณพนาก่อนจะเริ่มพูดต่อ “ที่จริงไม่ใช่แค่กับวาโยหรอกนะคุณ กับคนอื่น ๆ ที่ผมเคยนอนก็ด้วย ผมไม่ได้คิดอะไรกับใครเลยสักนิด นอกจากว่าคนนี้เอาเก่งไหม คนนี้จู๋ใหญ่รึเปล่า ๆ ฮ่า ๆ แต่อันที่จริงช่วงนี้ผมก็ไม่ได้นอน...” “บิ๊ก” ผมพล่ามไปเรื่อย ๆ เหมือนเก็บกดจนคุณพนาที่กำลังตั้งใจหากางเกงให้ผม และดูเหมือนจะหาแสนยากเย็นต้องหันกลับมามอง แล้วเรียกชื่อผมให้ผม เลิกเพ้อ “ครับ” “ไหนรุ่นพี่เธอบอกว่าเธอเมาไม่ได้สติไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงพูดไม่หยุดขนาดนี้” “คุณรำคาญเหรอ” “เปล่า” “งั้นให้ผมพูดนะ ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณตั้งเยอะ” สิ้นสุดคำขอ คุณพนาก็ไม่ได้ตอบอะไร เป็นอันว่าอนุญาต ผมจึงเริ่มพูดต่อทันที ผมพูดเรื่องงาน เรื่องร้านเหล้า บ่นคิดถึงคุณพนาไปเรื่อยระหว่างที่รอกางเกง แต่สุดท้ายคุณพนาก็หากางเกงให้ผมไม่ได้ ด้วยเหตุผลว่า “ฉันไม่เคยตัวเล็ก มันเลยไม่มีไซซ์เธอ” “ไม่เป็นไรครับ ผมมีวิธี” ผมสรุปแล้วรีบเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำทันที พอผมอาบเสร็จแล้วออกมาใหม่ก็พบว่าคุณพนายังอยู่ในชุดเดิม ไม่ได้ใส่ชุดนอนแบบที่ ผมคิด “คุณจะใส่ชุดนี้นอนเหรอ” “ฉันจะกลับไปนอนที่บ้าน” คุณพนาบอก พอได้ยินแบบนั้นผมก็เริ่มงอแงทันที “คุณ คุณจะให้ผมนอนที่นี่คนเดียวเหรอ” “อื้ม” “คุณไม่กลัวผมปล้นห้องคุณเหรอ” “ในห้องนี้ไม่ได้มีของมีค่า หรือถ้าเธออยากได้อะไรก็เอาไปเถอะ” “คุณ” ผมรีบเดินไปกอดแขนคุณพนาไว้แล้วเงยหน้ามองคุณพนาอย่างอ้อน ๆ “นอนเป็นเพื่อนผมเถอะ ผมกลัวผี” “แต่...” “น้า นอนกับผมเถอะนะ” ผมถูหัวไปกับแขนคุณพนาแล้วทำแก้มป่อง จังหวะนั้นคุณพนาก็ดูจะชะงักไป แล้วหันหน้าหนีไปทางอื่นแทน “ก็ได้” สุดท้ายคุณพนาก็ยอมนอนกับผม ระหว่างที่รอคุณพนาไปเปลี่ยนชุด ผมก็นอนเล่นรอบนเตียง ไม่นึกไม่ฝันเหมือนกันว่าจะได้นอนเตียงเดียวกับคุณพนาไวขนาดนี้ ก็ต้องขอบคุณความหน้าด้านของตัวเองด้วยแหละ เพราะถ้ารอคุณพนาจะมาชวนผมขึ้นเตียงเองก็คงจะเป็นชาติหน้า คุณพนากลับออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดนอนแบบที่ชอบใส่ตอนอยู่ที่บ้าน หลังออกมาจากห้องน้ำเสร็จคุณพนาก็เดินไปล้างแก้ว จากนั้นก็เดินมาพับเสื้อผ้าในตู้ พอพับเสื้อผ้าเสร็จก็ทำเหมือนจะหาอะไรทำต่อ ผมเริ่มเดาทางได้ว่าคุณพนาน่าจะแกล้งทำโน่นทำนี่รอผมหลับ พอคิดได้เช่นนั้นผมเลยแกล้งหลับมันซะเลย แล้วมันก็ได้ผล เพราะพอผมแกล้งหลับผมก็ไม่ได้ยินเสียงคุณพนาทำอะไรแล้ว “บิ๊ก” คุณพนาเรียกผมเบา ๆ พอเห็นว่าผมไม่ตอบ ร่างสูงก็เดินมาปิดไฟแล้วขึ้นมาบนเตียง คุณพนานอนลงข้างผม ผมกำลังจะพุ่งตัวเข้าไปกอดคุณพนาแต่ยังไม่ทันทำอะไรก็รู้สึกถึงสัมผัสบริเวณศีรษะ คุณพนากำลังลูบหัวผมช้า ๆ “ดื้อ” คุณพนาพูดขึ้นมา น้ำเสียงที่ได้ฟังไม่ใช่น้ำเสียงตำหนิเท่าไร ออกจะฟังดูเหมือนเอ็นดูมากกว่า “อื้อ” ผมแกล้งขยับตัวเข้าไปกอดคุณพนา พอคุณพนาจะแกะมือออกก็ยังกอดแน่นไม่ยอมปล่อย “บิ๊ก ฉันรู้ว่าเธอยังไม่หลับ” พอผมยื้อไม่ยอมปล่อยคุณพนาก็จับได้ ได้ยินแบบนั้นผมก็ยอมลืมตาเฉลยความจริงว่าผมไม่ได้หลับ แล้วขยับตัวมานอนกอด คุณพนาแบบเต็มตัว “คุณ ผมหนาว” ผมบดเบียดลำตัวแนบชิดกับตัวคุณพนา “บิ๊ก เธอใส่กางเกงอะไรมา” เหมือนคุณพนาจะเพิ่งนึกออกว่าหากางเกงให้ผมใส่ไม่ได้ แล้วคงจะสงสัยว่าตอนนี้ผมใส่อะไรอยู่ “คุณก็ลองดูเองสิ” ผมพูดจบคุณพนาก็เปิดผ้าห่มขึ้น ที่ตอนแรกคุณพนาไม่รู้ว่าผมใส่กางเกงเพราะเสื้อคุณพนายาวปิดต้นขาผมลงมา แต่พอนอนแบบนี้เสื้อที่ใส่อยู่มันก็เปิดขึ้นถึงไหนต่อไหน นั่นทำให้คุณพนาได้เห็นเต็มตาว่าด้านล่างไม่ได้ใส่อะไรเลย “เธอ...” “คุณ ผมหนาว” ผมย้ำคำเดิมแล้วกอดคุณพนาแน่น ช่วงล่างเบียดเสียดแล้วถูร่างกายไปกับร่างกายของคุณพนาจนรู้สึกเสียววูบวาบไปหมด “ไม่เล่นนะบิ๊ก” “ผมก็ไม่เล่น ผมแค่ขอนอนกอดคุณ” ผมซุกหน้าเข้ากับคอของคุณพนา แล้วจับมือคุณพนามาวางบนก้นตัวเอง ก่อนตัวเริ่มเบียดแก่นกายของตนเองให้ถูกับแก่นกายใหญ่โตของคุณพนาที่อยู่ใต้กางเกง “อึก” “อื้อ คุณกอดผมหน่อยสิ” ผมล้วงมือเข้าไปที่หน้าท้องของคุณพนา มือลูบซิกซ์แพ็กของคุณพนา ซิกซ์แพ็กคุณพนาแน่นมาก ๆ แค่จับก็รู้สึกฟินจนผมทนไม่ไหวเลิกเสื้อตัวเองขึ้นแล้วใช้ร่างกายของตนเองสัมผัสกับซิกซ์แพ็กคุณพนาแทน “อยู่นิ่ง ๆ บิ๊ก” “อื้อ คุณ ช่วยผมหน่อยได้ไหม” ผมแอ่นก้นเข้าหามือของคุณพนา ปากก็ยังครางอื้ออึงอยู่ใกล้ ๆ หูคุณพนาไม่ห่าง “ไม่” “นะ อึก แค่ใช้นิ้วให้ผมหน่อย อื้อ นะครับ” ผมครางอ้อน รอดูว่าคุณพนาจะใจแข็งกับผมแค่ไหน แต่ก็ดูเหมือนรอบนี้คุณพนาจะใจแข็งจริง ๆ นั่นแหละ นิ้วคุณพนาไม่ยอมสอดเข้ามาในร่องก้นผมเลยด้วยซ้ำ “คุณพนา อื้อ ช่วยผมที” “บิ๊ก” คุณพนาเรียกชื่อผม แต่น้ำเสียงเหมือนกำลังข่มอารมณ์ตัวเองมากกว่า ยิ่งเห็นคุณพนาข่มอารมณ์เหมือนจะต้องอดทน ผมก็ยิ่งบดเบียดร่างกายเข้าหา แต่คุณพนาก็ยังไม่ทำอะไร “ก็ได้ งั้นขอแค่จูบคุณได้ไหม อื้อ แล้วผมจะไม่ดื้อแล้ว” ผมเปลี่ยนมาขอจูบแทน คุณพนามีท่าทีลังเล พอผมส่ายก้นไปมาแล้วจับมือหนาค่อย ๆ สอดเข้าร่องก้น คุณพนาก็เหมือนจะคิดได้ว่าควรยอม ไม่อย่างนั้นผมคงไม่หยุด “อื้ม แต่เธอต้อง...อื้ม” ทันทีที่คุณพนาอนุญาต ผมก็ประกบริมฝีปากลงบนริมฝีปากของคุณพนาทันที ทันทีที่ริมฝีปากเราทั้งสองแนบชิดกัน ผมก็ไม่รอช้ารีบสอดลิ้นเข้าไปหยอกล้อกับคุณพนาทันที ในตอนแรกเหมือนคุณพนาจะปล่อยให้ผมทำ ก่อนจะพลิกบทบาทเป็นฝ่ายนำเกมแทน ลิ้นร้อนของคุณพนาเกี่ยวกระหวัดทักทายกับลิ้นผม คุณพนาลูบท้ายทอยผม จัดองศาหน้าของเราให้เข้ากันแล้วเริ่มบดจูบที่ดุดันและถึงใจขึ้น วินาทีนั้นมันเหมือนร่างกายของผมมันล่องลอย รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก “อื้อ” เราสองคนจูบกันแล้วผละออก แต่ก็เป็นคุณพนาที่ประกบปากลงมาใหม่ราวกับห้ามตัวเองไม่อยู่ คราวนี้ร่างกายผมก็เริ่มขยับบ้าง ผมบดเบียดร่างกายแนบชิดกับตัวของคุณพนาแล้วถูร่างกายไปมา แรงเสียดสีทำให้ผมรู้สึกเสียวที่แก่นกายมาก ๆ ปกติเวลาช่วยตัวเองผมชอบทำข้างหลังด้วยตลอดเพราะผมรู้สึกเสียวกับข้างหลังมากกว่า แต่วันนี้แค่ได้นอนจูบแล้วถู คุณพนาไปด้วยผมก็รู้สึกฟินจนไม่ต้องแตะต้องช่องทางด้านหลัง “อื้อ” เวลาผ่านไปเนิ่นนานเราก็ยังจูบกันไม่เลิก จะผละออกกี่ครั้งเราก็พุ่งตัวเข้าหากันใหม่ทุกครั้ง พอจูบกันนานและได้ถูกันนานขึ้นผมก็เริ่มรู้สึกทนไม่ไหว ร่างกายมันรู้สึกเหมือนกำลังจะปลดปล่อย ผมกอดคุณพนาแน่น มือบางบีบกล้ามแขนคุณพนาเพื่อระบายอารมณ์ คุณพนาเองก็เหมือนจะรู้ว่าผมใกล้เสร็จ มือใหญ่ ๆ ข้างหนึ่งเลยช่วยเล้าโลมด้วยการลากนิ้วไปตามกระดูกสันหลังผม ส่วนอีกข้างก็บีบคลึงก้นผมแน่น ตอนนี้ผมรู้สึกดีมาก ๆ ทั้งรู้สึกดีกับจูบ รู้สึกดีที่ได้กอดกับคุณพนา รู้สึกดีที่คุณพนากำลังลูบไล้ร่างกายผม และยังรู้สึกดีที่ข้างล่างมันได้ถูกับของของคุณพนาถึงจะผ่านเนื้อผ้าก็ตาม จนในที่สุดก็ทนไม่ไหว “อื้อ” ผมถูตัวเองรัว ๆ ก่อนจะปลดปล่อยออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ทั้ง ๆ ที่ปากก็ยังโดนคุณพนาระดมจูบแบบไม่หยุดหย่อน แม้กระทั่งรู้ว่าผมเสร็จแล้วคุณพนาก็ยังจูบผมไม่เลิก “อื้อ” ผ่านไปเนิ่นนานเกินครึ่งชั่วโมงกว่าเราสองคนจะผละใบหน้าออกจากกัน แต่ก็ยังมองกันแบบอาลัยอาวรณ์เหมือนอยากจะพุ่งเข้าจูบกันอีกครั้ง จังหวะที่เราผละออกจากกัน น้ำลายของเราสองคนก็ไหลเชื่อมกันออกมาเป็นสายจนเห็นได้ชัด ผมรู้สึกเหมือนทั้งริมฝีปากทั้งลิ้นผมโดนคุณพนาดูดจนมันเหมือนจะบวมไปหมด “คุณทำปากผมเจ่อ” ผมท้วง “เธอก็ทำตัวฉันเลอะ” แต่คุณพนาไม่ยอมแล้วสวนกลับมาผมจึงก้มลงไปดู แล้วก็พบว่าผมปล่อยออกมาเลอะเทอะชุดคุณพนาจริง ๆ “ผมเช็ดให้นะ” ไม่รอให้คุณพนาอนุญาต ผมรีบคว้าทิชชูแล้วขยับขึ้นไปนั่งคร่อมอยู่บนต้นขาของคุณพนา แต่ด้วยสภาพที่ผมไม่ใส่กางเกงและเสื้อก็ตัวโตจนแขนตกไหล่แบบนี้เลยทำให้คุณพนาไม่ค่อยมองมาที่ผมเท่าไร “คุณพนา ผมเช็ดแล้วนะครับ” ผมลองเรียกดู คราวนี้ผมเห็นว่าคุณพนาหันมามองผมจึงเริ่มเช็ดน้ำที่เลอะบนตัวคุณพนาอย่างอ้อยอิ่ง ก้นก็แอบบดเบียดต้นขาคุณพนาไปด้วยจนกระทั่งเช็ดเสร็จผมจึงยอมเอาทิชชูไปทิ้งแล้วกลับมานอนกอด คุณพนาเหมือนเดิม คุณพนาเอื้อมไปปิดไฟเป็นสัญญาณว่าจะนอนจริงจัง ผมยอมเลิกอ่อย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังกอดคุณพนาไม่ปล่อย “คุณกอดผมคืนหน่อยได้ไหมครับ ผมอยากโดนกอดบ้าง” ผมลองถามขึ้นมาท่ามกลางความมืด ไม่แน่ใจว่าคุณพนาหลับรึยัง จนกระทั่งวงแขนล่ำ ๆ ยกแขนขึ้นกอดผมคืน “ขอบคุณนะครับ” คืนนี้ต้องเป็นคืนที่ผมนอนฝันดีที่สุดในชีวิตแน่ ๆ ผมรู้สึกได้ ------------------------------------------------------ ยัยเด่กมันเป็นเผลอไม่ได้ อยู่ใกล้คุณพนาแล้วจะต้องลวนลามคุณเค้าตลอดเวลาแหละ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม