ในยุคที่การระบาดของโรคร้ายเกิดขึ้นทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ประเทศที่หญิงสาวอาศัยอยู่ตอนนี้ ซึ่งเป็นประเทศกำลังพัฒนามาได้ 20ปีแล้ว และใน 7ปีหลังมานี้ได้มีผู้นำที่ฉลาดและมีความรักชาติมากที่สุดคนหนึ่งเป็นผู้บริหาร ซึ่งเธอได้ลองมองไปในอนาคตของตัวเองแล้วเห็นแต่ความสดใสเสมือนสีของน้ำในคลองแสนแสบเมื่อสิบปีก่อนไม่มีผิด..
เกริ่นมาซะยาวขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ฉันมีชื่อว่ามีมี่ค่ะ อายุ 33ปี เป็นลูกเสี้ยวจีนโคราชสูง 160 ตัวไม่ขาวผิวออกคล้ำแดดนิดๆ ก็นะแดดเมืองไทยใครจะไปขาวไหวกัน ส่วนดวงตาก็สองชั้นชัดเจนไม่มีหลบ หน้าตาพอไปวัดตอนค่ำๆ ได้ไม่ตกใจตัวเอง
ไม่มีแฟน ไม่มีสามี หรือที่เรียกว่าขึ้นคานนั่นเอง แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่เราจะมาสนใจกันเดี๋ยวนี้คนโสดเป็นเรื่องปกติและใช่ค่ะ ฉันกำลังปลอบใจตัวเองอยู่มาค่ะเข้าเรื่องของเรากันต่อ ในยุคนี้ที่คนตกงานและเศรษฐกิจกำลังแย่ ตัวเธอเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
เธอเป็นลูกคนเดียวพ่อแม่ได้จากไปแล้วทั้งคู่ไม่มีญาติมิตรที่ไหนอีก โดยพ่อกับแม่ได้ทิ้งกิจการเป็นหอพักและร้านขายของชำเล็กๆ แถวชานเมืองกรุงเทพฯ ไว้ให้ ซึ่งเมื่อก่อนกิจการก็พออยู่ได้มีกำไรเพียงพอต่อการอาศัยอยู่ตัวคนเดียวไม่ลำบาก
แต่เมื่อเจอพิษเศรษฐกิจที่พุ่งลง ตามด้วยโรคระบาดคนตกงานจำนวนมาก ผู้เช่าก็พากันย้ายออกจากหอพัก และไหนจะกำลังเงินในกระเป๋าที่น้อยลงจนคนขาดกำลังซื้อ กิจการเล็กๆ นี้จึงเริ่มประสบปัญหาการเงิน ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าของที่ต้องซื้อมาไว้ลงขาย
แต่เธอก็ยังมองในแง่ดีว่าเดี๋ยวมันก็จะผ่านพ้นไป ด้วยการปลอบใจจากพระเอกในนิยายทั้งหลายที่กดติดตามอ่านมาตลอดจนเมื่อเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดได้เกิดขึ้นและมันก็ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอไปตลอดกาล
วันหนึ่งในช่วงค่ำๆ ขณะที่เธอกำลังอ่านนิยายซึ่งมีพระเอกในดวงใจคนที่ 998 อยู่นั้นก็ได้ยินเสียงผู้คนตะโกนโวยวายอยู่ด้านนอกของหอพัก เธอจึงเดินออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ได้เห็นคนกลุ่มหนึ่งพากันกรีดร้องและวิ่งกระจัดกระจายเหมือนกำลังหนีอะไรบางอย่างผ่านหน้าเธอไป
ต่อมาเธอก็ได้ยินเสียง 'ปัง ปัง ปัง!!' ดังขึ้นและอยู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บบริเวณหน้าอกพอก้มลงมองดูก็พบน้ำสีแดงสดไหลออกมาจากบริเวณหน้าอก หลังจากนั้นสติก็ดับวูบไปและก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย
ผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้จนเธอรู้สึกตัวลืมตาขึ้นมาซึ่งสิ่งแรกที่มองเห็นคือม่านโปร่งสีชมพูอ่อนและเพดานไม้ นอนทำความเข้าใจอยู่สักพักจึงค่อยๆ พยุงตัวขึ้นและมองไปรอบๆ พบว่าเป็นห้องๆ หนึ่งมีผนังเป็นไม้ มีโต๊ะ เก้าอี้ ตู้ใบใหญ่ ชั้นวางของ และตั่งไม้ข้างหน้าต่างที่ปิดอยู่ เมื่อเห็นดังนั้นเธอจึงหย่อนเท้าลงบนพื้นและพยายามจะลุกขึ้นยืนเพื่อออกไปตามหาหมอหรือพยาบาลเพื่อสอบถามข้อมูล แต่เพียงแค่ยกตัวขึ้นร่างกายก็รู้สึกอ่อนแรงจนเกือบจะล้มลง ดีที่มือคว้าเตียงไว้ทันจึงพยุงตัวนั่งลงบนที่นอน และก้มลงมองมือตัวเองแล้วพบว่า
"เฮ้ย..ทำไมมือถึงได้เล็กลงขนาดนี้" นอกจากมือที่เล็กลงแล้ว สีผิวยังขาวขึ้นมากขาวจนออกซีดอีกด้วย มองเลยขึ้นมาที่แขนและตัวก็พบว่าชุดที่ใส่อยู่เป็นเสื้อสีขาวแขนยาว ด้านหน้าเป็นแบบป้ายข้างและมีเชือกผูก ส่วนกางเกงก็เป็นกางเกงขายาวสีขาวมีเชือกผูกที่เอวเช่นเดียวกัน
แต่ที่รู้สึกแปลกก็คือเนื้อผ้าของชุดเป็นเนื้อผ้าที่สวมใส่แล้วรู้สึกเย็นสบาย อีกทั้งยังดูลื่นเป็นเงาให้สัมผัสนุ่มมือ ไม่เหมือนเสื้อผ้าของชุดโรงพยาบาลทั่วไปที่เป็นผ้าแข็งๆ หรือว่าเตียงของทางโรงพยาบาลไม่พอจนต้องให้เธอมานอนพักฟื้นที่อื่น
เมื่อสำรวจเสื้อผ้าที่สวมอยู่เสร็จแล้ว ก็ลองมองรอบๆ ห้องอีกครั้งพบว่าเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดนอกจากเป็นไม้แล้วยังดูสวยงามมากอีกด้วยเนื้อไม้เงางามรูปลักษณ์ดูประณีต มีการแกะสลักลวดลายอย่างงดงามอ่อนช้อย ยังมีฉากกั้นที่ใช้บังตาและแบ่งส่วนใช้งานในห้องอีกด้วย
พอมองไปทางปลายเตียงก็พบโต๊ะกระจกบานใหญ่ที่ดูแปลกตา เนื่องจากตัวกระจกนั้นมีสีออกเหลืองไม่ใสดังกระจกที่เคยเห็นทั่วไป
เมื่อตั้งตัวได้แล้วเธอค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่กระจกบานนั้น ซึ่งมันมองไม่ชัดเท่ากระจกที่เคยใช้แต่ก็ยังมองเห็นว่าในกระจกนั้นสะท้อนภาพของเด็กผู้หญิงผอมๆ ตัวเล็ก อายุน่าจะประมาณสักสิบขวบ ใบหน้ารูปไข่แก้มตอบ ดวงตาลึกแต่กลมโต จมูกเล็กโด่ง ปากเป็นกระจับดูแห้งแตก ถ้ามีเนื้อหนังกว่านี้คงจะน่ารักมากทีเดียว เมื่อเห็นดังนั้นเธอยกมือขึ้นเพื่อจะสัมผัสภาพนั้น แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าเด็กหญิงในกระจกก็ยกมือขึ้นเช่นกัน
"เฮ้ย!!" เธอส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจอีกครั้งแล้วจึงลองเอามือยื่นไปจนแตะโดนกระจกซึ่งเด็กผู้หญิงในกระจกคนนั้นก็ทำเช่นเดียวกัน
"นี่มันเกิดอะไรขึ้น" หลังจากพูดประโยคนี้จบอยู่ๆ เธอก็รู้สึกง่วงนอนมาก จนต้องค่อยๆ เดินกลับไปที่เตียง ล้มตัวลงนอนและหลับไปในทันทีระหว่างที่หลับอยู่นั้นก็รู้สึกเหมือนตนเองกำลังฝันเห็นเรื่องราวเรื่องหนึ่ง
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นที่ดินแดนที่มีชื่อว่า 'ซื่อหลิง' หรือดินแดนแห่งสัตว์เทพ เป็นดินแดนที่มีพลังปราณ มีสัตว์อสูร การปรุงยา อักขระและสมุนไพรวิญญาณ ดินแดนแห่งนี้มีการแบ่งแผ่นดินออกเป็นสี่ราชวงศ์ห้าแคว้นอันได้แก่
แคว้นที่หนึ่งแคว้นชิงหลง มีสัตว์เทพประจำแคว้นคือมังกรฟ้า ที่ตั้งแคว้นอยู่ทางทิศตะวันออก มีพื้นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ เน้นการค้าข้าว พืช ผัก และผลไม้ มีราชวงศ์ชิงเป็นผู้ปกครอง
แคว้นที่สองแคว้นไป๋หู่ มีสัตว์เทพประจำแคว้นคือเสือขาว ที่ตั้งแคว้นอยู่ทางทิศตะวันตก มีภูเขาและป่าไม้อุดมสมบูรณ์ เน้นการค้าสมุนไพร และสัตว์อสูร มีราชวงศ์ไป๋เป็นผู้ปกครอง
แคว้นที่สามแคว้นจูเชว่ มีสัตว์เทพประจำแคว้นคือหงส์ไฟ ที่ตั้งแคว้นอยู่ทางทิศใต้ มีพื้นที่สูงมีภูเขาไฟที่ดับแล้วเป็นจำนวนมาก เน้นการทำเหมืองแร่ และเหมืองหินปราณ มีราชวงศ์จูเป็นผู้ปกครอง
แคว้นที่สี่แคว้นเสวี่ยนอู่ มีสัตว์เทพประจำแคว้นคือเต่าดำ ที่ตั้งแคว้นอยู่ทางทิศเหนือ มีพื้นที่ติดทะเล เน้นการเดินเรือ การค้าขายสัตว์ทะเล และเกลือ มีราชวงศ์เสวี่ยนเป็นผู้ปกครอง
และแคว้นกลางหวงหลง มีสัตว์เทพประจำแคว้นคือมังกรทอง ตั้งอยู่ตรงกลางของแคว้นทั้งสี่แคว้น และเป็นที่ตั้งของสำนักศึกษาอันดับหนึ่งของแผ่นดินซื่อหลิง อีกทั้งยังมีโรงหมอ โรงประมูล โรงเตี้ยม เหลาอาหาร ร้านค้าที่มีชื่อเสียงทั้งหลาย ต่างตั้งอยู่ที่แคว้นกลางแห่งนี้ โดยได้รับการดูแลจากคนของแคว้นกลางเองไม่ขึ้นตรงต่อแคว้นใด ซึ่งก็ไม่มีใครรู้ว่าผู้ปกครองของแคว้นกลาง คือใคร
ในดินแดนซื่อหลิงยังมีการฝึกลมปราณและพลังธาตุอยู่ซึ่งพลังธาตุมีดังนี้
ธาตุพื้นฐานได้แก่
ธาตุ ลม สีเขียว
ธาตุ น้ำ สีฟ้า
ธาตุ ไฟ สีแดง
ธาตุ ดิน สีน้ำตาล
ธาตุหายาก
ธาตุน้ำแข็ง สีขาว
ธาตุสายฟ้า สีม่วง
ธาตุทอง สีทอง
ลมปราณแบ่งเป็นสิบสองขั้น มีระดับต่ำ กลาง สูง อันได้แก่
ขั้นที่หนึ่ง ก่อกำเนิด มีหนึ่งวงแหวน
ขั้นที่สอง หลอมรวม มีสองวงแหวน
ขั้นที่สาม พื้นฐาน มีสามวงแหวน
ขั้นที่สี่ ทหาร มีสี่วงแหวน
ขั้นที่ห้า แม่ทัพ มีห้าวงแหวน
ขั้นที่หก จอมยุทธ์ มีหกวงแหวน
ขั้นที่เจ็ด ปรมาจารย์ มีเจ็ดวงแหวน
ขั้นที่แปด ราชา มีแปดวงแหวน
ขั้นที่เก้า จักรพรรดิ มีเก้าวงแหวน
ขั้นที่สิบ เทพเซียน มีวงแหวนเป็นสีเงิน
ขั้นที่สิบเอ็ด อมตะ มีวงแหวนเป็นสีทอง
ขั้นที่สิบสอง นิรันดร์ มีวงแหวนเป็นสีดำ
อักขระ ซึ่งแบ่งเป็นหกขั้น มีระดับต่ำ กลาง สูง ได้แก่
ขั้นที่หนึ่งไม้ อักขระมีสีเหลือง
ขั้นที่สองทองแดง อักขระมีสีส้ม
ขั้นที่สามเหล็ก อักขระมีสีแดง
ขั้นที่สี่เงิน อักขระมีสีเขียว
ขั้นที่ห้าทอง อักขระมีสีฟ้า
ขั้นที่หกหยก อักขระมีสีม่วง
ขั้นที่เจ็ดเพชร อักขระมีสีรุ้ง
การปรุงยา แบ่งเป็นห้าขั้น มีระดับต่ำ กลาง สูง ได้แก่
ขั้นที่หนึ่งฝึกหัด ถือครองป้ายไม้
ขั้นที่สองชำนาญ ถือครองป้ายเหล็ก
ขั้นที่สามอาจารย์ ถือครองป้ายเงิน
ขั้นที่สี่ปรมาจารย์ ถือครองป้ายทอง
ขั้นที่ห้าเทพเซียน ถือครองป้ายหยก
สมุนไพรวิญญาณมีสามขั้นแบ่งเป็นระดับต่ำ กลาง สูง และแยกตามความบริสุทธิ์ของพลังปราณ ตั้งแต่ หนึ่งจนถึงสิบส่วน
สัตว์อสูรมีสิบสองขั้นตั้งแต่หนึ่งถึงสิบสอง ซึ่งแบ่งเป็นระดับต่ำ กลาง สูง และจะสามารถสื่อสารได้กับผู้ทำพันธะเท่านั้น
สัตว์เทวะไม่มีขั้นจะแบ่งเป็นระดับ ต่ำ กลาง สูง ซึ่งจะสามารถแปลงร่างเป็นคนและสื่อสารได้กับทุกคน
นอกจากเรื่องราวของดินแดนที่ได้รับรู้แล้ว ยังมีอีกสิ่งที่ได้เห็นในฝันนั้นก็คือ เรื่องราวของเด็กหญิงคนหนึ่งที่มีชื่อว่า 'ชงเหมยฮวา' อายุสิบปี ชงเหมยฮวาเป็นลูกสาวคนที่สามของบ้านชงแห่งแคว้นไป๋หู่
ในครอบครัวประกอบด้วย ท่านปู่ ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ชายและพี่สาว ซึ่งบ้านชงมีอาชีพเป็นนายพรานหาของป่าและสมุนไพรขายซึ่งฐานะก็ไม่ได้ดีมากนัก ค่อนไปทางยากจน
กระทั่งวันหนึ่งชงเหมยฮวาขึ้นเขาไปหาสมุนไพรและเกิดอุบัติเหตุตกเขาได้รับบาดเจ็บ คนบ้านชงพากลับมารักษาแต่บาดแผลรุนแรงเกินไปชงเหมยฮวาจึงเสียชีวิตลง แต่แล้วจู่ๆ ก็มีวิญญาณหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งมาจากยุคอื่นชื่อเหมยฮวาเช่นกันได้เข้ามาอยู่ในร่างแทน
เมื่อวิญญาณนั้นฟื้นขึ้นก็ช่วยครอบครัวชงทั้งหาอาหารและของป่ามาขาย ซึ่งก็ถือว่าชงเหมยฮวาคนใหม่นี้มีโชคพอสมควรไปพบเจอสมุนไพรวิญญาณขั้นสูง จึงนำไปขายจนมีเงินมาช่วยเหลือครอบครัวและเริ่มทำกิจการจนร่ำรวย
จากที่เคยอาศัยอยู่เมืองชายแดนเมื่อกิจการเจริญก้าวหน้าก็พาครอบครัวย้ายมาอยู่เมืองหลวงเพราะในดินแดนซื่อหลิงแห่งนี้เมื่ออายุครบ 15ปี มีสิทธิสอบเข้าศึกษาที่สำนักศึกษาหวงหลงที่ถือเป็นสำนักอันดับหนึ่งของแผ่นดินซื่อหลิงที่ตั้งอยู่ที่แคว้นกลางหวงหลงนั้นเอง
ซึ่งเรื่องราวต่างๆก็เกิดขึ้นที่สำนักศึกษาหวงหลงแห่งนี้ นั่นก็คือการที่ชงเหมยฮวาคนใหม่นี้ได้เข้าศึกษาที่สำนักศึกษาหวงหลงและได้รู้จักชายหนุ่มคนสำคัญสี่คน และทั้งสี่คนหลงรักชงเหมยฮวาและทำทุกอย่างเพื่อให้ชงเหมยฮวาตอบรับตน
ชายหนุ่มคนแรกมีนามว่า ชิงเยี่ยหัว เป็นองค์รัชทายาทของแคว้นชิงหลง มีนิสัยเด็ดขาด มีความเป็นผู้นำสูง ค่อนข้างเชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง มีปมที่บิดามีสนมมากมายได้เห็นมารยาต่างๆ จึงมิใคร่ชอบพูดคุยหรือเข้าใกล้สตรี
ชายหนุ่มคนที่สองมีนามว่า ไป๋อี้ห่าน เป็นว่าที่องค์รัชทายาทของแคว้นไป๋หู่ เป็นคนนิ่งๆ ดูเย็นชา และถือตัวแต่เป็นคนรักพวกพ้องและเจ้าเล่ห์มากแผนการ มีปมที่พี่น้องต่างมารดาคิดร้ายและวางแผนเข่นฆ่ากันเองจึงปกครองคนของตนเองอย่างเด็ดขาดและโหดเหี้ยม
ชายหนุ่มคนที่สามมีนามว่า จูหมิงอัน เป็นองค์ชายสี่ของแคว้นจูเยว่ มีนิสัยใจร้อน ขี้โวยวาย ชอบการต่อสู้ มีปมที่ถูกเปรียบเทียบกับพี่ชายจึงชอบการเอาชนะเป็นที่สุด
ชายหนุ่มคนที่สี่มีนามว่า เสวี่ยนอ้าย เป็นองค์ชายใหญ่ของแคว้นเสวี่ยนอู่ มีนิสัยใจดี อบอุ่น มีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือผู้อื่นมีรอยยิ้มอ่อนโยนอยู่เสมอ มีปมคือชอบศึกษายาพิษจึงต้องคอยปิดบังคนอื่นตลอดเวลา
เรื่องราวของหญิงสาวที่ชื่อชงเหมยฮวานี้เหตุการณ์เกือบทั้งหมดจะเกิดขึ้นที่สำนักศึกษาหวงหลงแห่งแคว้นกลาง เพราะไม่ว่าจะชายหรือหญิงถ้าที่บ้านมีฐานะก็อยากจะเข้าศึกษาให้ได้ ที่ว่าต้องมีฐานะเพราะค่าเล่าเรียนตกปีละร้อยตำลึงทอง ซึ่งชาวบ้านทั่วไปคงไม่สามารถส่งลูกหลานมาเรียนได้ เพราะเงินร้อยตำลึงทองชาวบ้านทั่วไปอาจจะใช้จ่ายได้ถึงสิบปี
ชงเหมยฮวาที่ตัดสินใจย้ายมาเมืองหลวงก็เพื่อที่จะยกฐานะครอบครัว เพื่อจะให้ตนเองได้มีสิทธิสอบเข้าเพราะใครก็ตามที่ได้มาศึกษาที่สำนักศึกษาหวงหลงจะเป็นการยกฐานะของตนเองได้ในสังคม และยังช่วยในเรื่องกิจการของครอบครัวรวมถึงเรื่องคู่ครองอีกด้วย ซึ่งชงเหมยฮวารับรู้ถึงเรื่องนี้ดีจึงได้พยายามพาครอบครัวย้ายมาอยู่ที่เมืองหลวง
เรื่องราวต่างๆจะเริ่มเมื่อชงเหมยฮวาได้เข้ามาเรียนที่สำนักศึกษาหวงหลงแล้ว ชงเหมยฮวาเป็นหญิงสาวหน้าตางดงาม ดูบอบบางอ่อนหวาน และมีรอยยิ้มบริสุทธิ์ ทำให้องค์ชายทั้งสี่ให้ความสนใจและตกหลุมรัก แต่ละคนจึงแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงหัวใจของชงเหมยฮวามาครอง
องค์ชายทั้งสี่ถือเป็นยอดบุรุษของแคว้นย่อมต้องมีหญิงสาวมากมายมาสนใจ ซึ่งก็มีคนคอยมาหาเรื่องเพื่อให้ชงเหมยฮวาต้องพบเจออุปสรรคต่างๆ นานามากมาย
นอกจากที่ชงเหมยฮวาจะต้องเลือกองค์ชายคนใดคนหนึ่งคนใดแล้ว ยังต้องคอยสู้รบกับเหล่าหญิงสาวอีกมากมาย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเรือขององค์ชายคนไหนจะได้เข้าเทียบท่าซึ่งมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
**********