บุษบาบัณมองไปที่ผนังซึ่งมีนาฬิกาทรงกลมสีทองติดอยู่“เก้าโมงเก้านาทีค่ะฤกษ์รดน้ำของเราทนอีกนิดนะคะ ฉันรู้ว่าคุณเบื่อแต่คงไม่ขนาดเฉาตายหรอก” บุษบาบัณหันไปตอกกลับด้วยความหมั่นไส้ จึงเห็นสีหน้าที่ปั้นยากของเขาพร้อมสายตาคาดโทษ
“ผมอยากให้มันเสร็จ ๆ ตั้งแต่นาทีนี้ งานแต่งงานมันน่าเบื่อจะตายไปไม่เข้าใจทำไมคนถึงดิ้นรนอยากจะผูกมัดตัวเองกันนักคุณว่าจริงไหม”
“ก็ไม่ทราบสิคะ”จะมีใครหนอต้องมานั่งทนฟังเจ้าบ่าวของตนเองบ่นเบื่องานแต่งงาน บุษบาบัณพยายามให้กำลังใจตัวเองว่าอย่าได้คิดน้อยใจเพราะนี่คืองานเท่านั้น
“ทนเอาหน่อยเถอะค่ะคุณพี ไม่เกินสิบเอ็ดโมงพิธีเช้าคงจะเสร็จเรียบร้อย แล้วจากนั้นคุณก็จะได้ไปพัก ส่วนพิธีฉลองมงคลสมรสเริ่มตั้งแต่ หกโมงเย็นไปจนถึงสี่ทุ่ม”
“จะบ้าตายนี่ผมต้องทนเมื่อยทนแสร้งฉีกยิ้มไปจนถึงสี่ทุ่มเชียวเหรอคุณป้า คืนนี้สงสัยผมคงต้องไปให้ริต้านวดให้เสียหน่อย”
ดวงหน้าหวานมุ่นคิ้ว “ฉันว่าคืนนี้คงไม่เหมาะนะคะ เพราะคืนนี้คุณต้องเข้าห้องหอ ตามประเพณีไทยเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวต้องอยู่ในห้องหอด้วยกันตลอดคืนห้ามออกจากห้องจนกระทั่งเช้า” เธอเชื่อว่าเขารู้ดีอายุจะเข้าเลขสี่แล้ว แม้ใบหน้าหล่อเหลาของชลลัมพีมักทำให้ใครต่อใครคิดว่าอายุเขาไม่น่าจะเกินสามสิบสองปีก็ตาม
“นั่นเป็นเรื่องบ้าที่สุด นี่คุณไม่ต้องเล่นตามบทตลอดเวลาก็ได้เรื่องบนเตียงไม่ต้องน้องริต้าเขาทำอยู่แล้ว จำไม่ได้หรือไง อีกอย่างคุณไม่พูดผมไม่พูดใครจะรู้ล่ะว่าเจ้าบ่าวของคุณไม่ได้อยู่ในห้องหอตลอดทั้งคืน ยกเว้นว่าคุณป้าจะมีแผนการจะจับผมเป็นสามี”
“คนบ้า! พูดเองเออเอง”
ดูเอาเถอะถึงมันเป็นการแต่งงานจอมปลอมก็เถอะนะ แต่คืนส่งตัวเจ้าบ่าว เขาก็คิดจะชิ่งหนีเจ้าสาวไปหาผู้หญิงอื่นมันน่าอดสูนัก ไม่ใช่ว่าเธออยากเข้าห้องหอกับเขาหรอกนะก็รู้อยู่แก่ใจที่ทำไปทั้งหมดก็คืองานก็เพื่อเงิน แต่ถ้าเขาหายไปจากห้องหอและมีคนเห็นเอาไปบอกคุณหญิงชลัมพรเธอจะต้องเหนื่อยในการหาข้อแก้ตัวให้เขาอีกสักแค่ไหน
“แล้วถ้าคุณหญิงทราบเรื่องว่าคุณพีหนีจากห้องหอล่ะคะคุณพีมีแผนรองรับมือเรื่องนี้หรือยัง”
ร่างสูงเพรียวฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ “ไม่มี ทำไมต้องมี หน้าที่นี้เป็นของคุณก็คุณรับเงินผมไปแล้วเพราะฉะนั้นมันเป็นเรื่องที่คุณต้องคิด เอง ป่านนี้ริต้าคงจะนอนร้องไห้โฮผมจะต้องไปเคลียร์กับเธอให้เข้าใจ ยังไงหลังงานแต่งงานของเราคุณว่าง ๆ แล้วก็ช่วยเช็กคิวให้ผมหน่อยว่าช่วงไหนผมว่างพอจะพาสาว ๆ ของผมไปตากอากาศที่เมืองนอกได้บ้าง”
เป็นคนอื่นเจอเจ้าบ่าวสั่งให้จัดคิวระหว่างเขากับสาวคู่ขาเพื่อไปเริงรักกันถึงต่างประเทศคงได้ลุกขึ้นมาแหวกอกเจ้าบ่าวแล้ว แต่นี่คือบุษบาบัณเธอเงียบและนิ่งเฉยซะ บอกตัวเองว่าปล่อยเขาพล่ามต่อไป….
“ผมพูดด้วยทำไมไม่ตอบ”
บุษบาบัณถอนหายใจ“ทราบแล้วค่ะเจ้านายว่างแล้วฉันจะเช็กคิวของคุณให้ว่าช่วงไหนพอจะว่างไปต่างประเทศได้ ว่าแต่คุณจะไปกับใครก็ช่วยบอกด้วยฉันจะได้จัดคิวให้ถูกระบุชื่อมาด้วยแล้วกันนะคะจะได้ทำเรื่องจองตั๋วเครื่องบินจะได้ทำนัดได้ถูกคน”
ชลลัมพียิ้มกว้างอย่างเปิดเผยและกระซิบเบา ๆ “คุณนี่เป็นยอดเลขา และยอดภรรยาของผมจริง ๆ ผมนี่ตาถึงชะมัด” เขากระซิบกระซาบพร้อมอมยิ้ม เพิ่งจะรู้วันนี้ว่าบุษบาบัณตัวหอมมากกลิ่นหอมหวานอ่อน ๆ ติดปลายจมูกมาเลย ปกติที่ทำงานอยู่ด้วยกันทุกวันจะเข้าใกล้เธอมากนักก็ไม่ได้เพราะกลัวจะถูกครหาว่าไปแทะเล็มลูกน้อง
แต่บุษบาบัณไม่ได้โต้ตอบอะไรเขาเลยนอกจากวางหน้าเรียบเฉย นิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว
‘คุณหญิงชลัมพร’ ในชุดผ้าไหมราคาแพงสีโอโรสตัดเย็บด้วยแบบเรียบหรูแต่ดูทันสมัยงดงามรับกับเรือนร่างอวบอิ่มเกล้าผมสวยงามยกระบังหน้าเล็กน้อยกำลังยกมือไหว้และทักทายกับคุณหญิงโฉมศรีภรรยาท่านทูตประจำประเทศสเปนที่มาร่วมงานและกล่าวเชื้อเชิญให้แขกเข้าไปในงาน หลังคุณหญิงโฉมศรีเดินผ่านไป คุณหญิงชลัมพรก็มองไล่เลยไปที่บุตรชายเพียงคนเดียวที่นั่งอยู่บนตั่งน้ำสังข์ในท่ารอรดน้ำสังข์และเลื่อนสายตาไปที่ลูกสะใภ้คนสวยอย่างพออกพอใจ
“เป็นยังไงบ้างคะคุณสุดท้ายฉันก็เอาเจ้าลูกชายตัวดีใส่ตะกร้าล้างน้ำขายได้สำเร็จ” ‘นายพล ชลกร อัครเดชโภคิน’ สามีของคุณหญิงชลัมพรกล่าวพร้อมมองไปที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวของงานที่กำลังคุยกันอย่างกะหนุงกะหนิง
“ถามจริง ๆ คุณเชื่อเหรอว่าเจ้าพีมันแอบหลงรักเลขาของมันมาหลายปีจนคุณบังคับมันให้แต่งงานมันถึงเลือกหนูบุษบาบัณคนนี้มาเป็นสะใภ้ให้คุณ”
คุณหญิงกระซิบตอบสามีเบา ๆ พร้อมสีหน้ารู้ทัน “ไม่เชื่อหรอกค่ะ ฉันเป็นแม่ตาพีนะคะทำไมฉันจะมองไม่ออกว่าเจ้าลูกชายตัวดีที่ได้เชื้อไม่ทิ้งแถวของพ่อมันจะยอมแขวนนวมความเจ้าชู้ง่าย ๆ ตาพีมันมีสาว ๆ เป็นสิบแต่ไม่ถูกใจฉันสักคนถ้าไม่ทำแบบนี้คงไม่ได้หนูบุษมาเป็นสะใภ้”
ท่านนายพลหันควับมามองหน้าคุณหญิงด้วยแววตายากที่จะเข้าใจ “คุณหญิงหมายความว่ายังไง”
“จะต้องให้ฉันอธิบายอีกเหรอคะคุณ ว่าไอ้เจ้าลูกชายตัวดีมันก็เล่นละครยอมแต่งงานตามที่ฉันบังคับ แต่ไม่สิ้นลายง่าย ๆ หรอก หารู้ไม่ว่าเข้าทางแม่” คุณหญิงยกมือขึ้นปิดปากก่อนจะหัวเราะ
ท่านนายพลที่แม้ว่าอายุจะถึงวัยเกษียณแล้วแต่ด้วยเป็นบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถจึงยังทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับกองทัพต่อเป็นกรณีพิเศษมองบุตรชายที่ตนก็คิดว่ายังไม่สิ้นลายและหันมามองหน้าศรีภรรยา “แล้วทำไมคุณหญิงถึงได้ยอมล่ะ”
“ก็บังเอิญว่าคนที่นายพีบอกจะแต่งงานด้วย คือหนูบุษบาบัณคนที่ฉันแอบเลือกเอาไว้ในใจว่าอยากได้มาเป็นศรีสะใภ้น่ะสิคะคุณขา” คุณหญิงหัวเราะเบา ๆ หน้าตาระรื่นก่อนจะยกพัดลายสวยขึ้นโบกเบา ๆ อย่างสบายใจและเดินแยกออกไปรับแขกอีกทาง ปล่อยให้ท่านนายพลยืนอึ้งอยู่คนเดียว อย่างไม่เข้าใจทั้งศรีภรรยาและลูกชายเพียงคนเดียวของท่านว่าทั้งสองคนกำลังเล่นเกมอะไรกันแน่ ลูกหรอกแม่ หรือ แม่หรอกลูก เพราะมองแววตาลูกชายที่ฉายแววกรุ้มกริ้มยามมองเจ้าสาวมันก็ชักยังไงๆ
“แม่ลูกสองคนนี้ ใครหรอกใครกันแน่” ท่านนายพลส่ายหน้าก่อนจะพ่นลมหายใจร้อนผ่าวออกมา