EPISODE 06

1466 คำ
EPISODE 06 "หนูชื่อญานินค่ะ" "อื้อหือ ได้ยินคำว่าหนูแล้วกูใจสั่นเลย" พี่คิวพูดแล้วยกมือขึ้นมาทาบอกตัวเองทำท่าเหมือนจะทนไม่ไหว "มีน้องน่ารักขนาดนี้กูถึงว่าไม่ยอมพามารู้จักซักที" "กูกลัวน้องตัวเองไม่ปลอดภัย" พี่นธีพูดแล้วมองเพื่อนสองคนอย่างเอือมๆ จากนั้นก็พากันแซวฉันต่อซึ่งฉันก็ได้แต่ยิ้มตามแห้งๆ เพราะยังคงอึดอัดอยู่ "..." ขณะที่พี่ๆ คนอื่นคุยเล่นกันคนตรงหน้าก็เอาแต่เงียบ เขาจับหลอดแล้วเล่นกับน้ำแข็งวนไปมาอยู่อย่างนั้นอีกมือก็เล่นมือถือไปเหมือนไม่สนใจคนรอบข้างเท่าไหร่นัก นี่คงเป็นครั้งแรกหลังจากที่เราเลิกกันไปแล้วได้มาเห็นเขาใกล้ๆ แบบนี้ พี่ทศกัณฐ์ดูดีขึ้นจากเมื่อก่อนมาก จากที่ตอนนั้นฉันก็แทบคลั่งแล้วตอนนี้ยิ่งมากเข้าไปใหญ่ แต่...ฉันคงเป็นคนที่เขาเลือกจะมองข้ามไปแล้วล่ะ "เป็นอะไรของมึง นั่งเงียบอยู่ได้" "..." พี่ทศกัณฐ์เงยหน้าขึ้นมามองพี่ฮ่องเต้เหมือนรำคาญก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองมือถือต่อ อึดอัดจัง ครืด~ Ninoey : ฉันถึงหอแล้ว แกเปิดดูกระดาษแผ่นนั้นยัง ข้อความของยัยนิเนยทักมาพอดีฉันจึงแกล้งสนใจเรื่องอื่นไปเพราะไม่อยากอึดอัดไปให้มากกว่านี้ Yanin : ยังเลย กำลังกินข้าวหลังมอกับพี่ Ninoey : เปิดดูเลย มองรอบๆ ด้วยว่าไม่มีพี่คณะเรา ฉันอ่านข้อความของเพื่อนก่อนจะหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมา หันไปมองรอบๆ ไม่มีเสื้อสีชมพูของรุ่นพี่อ่อนก็รีบเปิดดูทันที 'ถ้าอยากได้ป้ายคืน ให้ไปขอเบอร์และไลน์ของ ทศกัณฐ์ วิศวะไฟฟ้า ปี3 ถ้าได้มาแล้วมารับป้ายคืนได้ที่ตึกRE7 ชั้น2 ห้อง 2218 เวลาห้าโมง' "..." ฉันอ่านข้อความในกระดาษนั้นด้วยหัวใจเต้นรัวก่อนจะรีบพับมันเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์เหมือนเดิม "มีอะไร" พี่นธีหันมาถามฉันด้วยความสงสัย "ปะ...เปล่า" ฉันตอบเม้มปากแน่นมองพี่ชายตัวเอง แล้วกับข้าวที่สั่งไว้ก็มีคนมาเสริฟพอดีทำให้พี่ๆ คนอื่นๆ ที่มองฉันอยู่เลิกสงสัยแล้วหันไปสนใจกับข้าวของตัวเองแทน ฉันรีบพิมพ์ขอความนั้นบอกยัยนิเนยทันทีและยัยนั่นก็ส่งข้อความกลับมารัวๆ เหมือนกำลังตกใจสุดขีด Ninoey : มันจะไม่บังเอิญไปหน่อยเหรอ แสดงว่าเป็นรุ่นพี่ผู้หญิงที่เก็บได้แล้วต้องสนใจพี่ทศกัณฐ์อยู่ Ninoey: แล้วแกจะเอาไงวะ แกก็ไม่ได้ติดกับเขาแล้วด้วย Ninoey: ให้พี่ชายแกขอมั้ย Yanin: ก็คิดอยู่ ฉันคิดไตร่ตรองอยู่นานก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าควรทำยังไงดีจนกระทั่งกลับมาที่รถฉันก็ยังเงียบเพราะเอาแต่คิดหาวิธี ถ้าฉันไม่มีของไปแลกป้ายคืนเพื่อนก็จะเดือดร้อนเพราะฉันแน่ๆ ทั้งๆที่ฉันมีโอกาสแล้วแต่จะไม่ทำมันอย่างนั้นเหรอ แล้วทำไมต้องเป็นเขาด้วยนะ คนที่ทำแบบนี้ชอบเขาจริงๆเหรอทำไมรู้สึกเจ็บจัง "เป็นอะไรเห็นทำหน้ายุ่งตั้งแต่เมื่อกี้ละ" พี่นธีถามตอนที่ขึ้นมาบนรถ "พี่ นินมีเรื่องนึงจะปรึกษา" "ว่ามาดิ" "อันนี้" ฉันหยิบกระดาษแผ่นนั้นมาให้พี่ชายตัวเองดูแล้วเขาก็ขำออกมาเหมือนมันเป็นเรื่องตลก "นินทำป้ายหายเลยโดนแบบนี้" "แล้วจะทำไง" พี่นธีถามออกมาเหมือนมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย รู้ว่าเป็นพี่ว้ากเหมือนกันแต่ช่วยเครียดกับน้องหน่อยเถอะ "พี่ทศกัณฐ์ยังใช้ไลน์เดิมมั้ย เบอร์ด้วย" ถ้ายังใช้อันเดิมฉันก็แค่เอามันไปให้ง่ายๆ เพราะทุกอย่างของเขาฉันยังจดจำมันได้ดี "จะไม่ขอมันหน่อยเหรอ" "..." ฉันเงียบไปเมื่อได้ยินคำถามนั้น ถ้าเขารู้ว่าฉันทำแบบนั้นโดยไม่ได้ขอคงจะโกรธฉันมากแน่ๆ "ลงไปขอมันดิ" แล้วพี่ชายฉันก็หยุดรถเทียบขอบรั้วหน้าร้านคาเฟ่ร้านหนึ่งที่ตอนนี้มันปิดไปแล้ว เห็นพี่ทศกัณฐ์กำลังจะเดินไปที่รถสปอร์ตคันหรูของเขาพอดี "...ค่ะ" ฉันลงจากรถด้วยหัวใจที่เต้นระส่ำ ทำไมต้องเป็นเขาด้วยนะ ผู้หญิงมากมายชอบเขาขนาดนั้นแต่ฉันกลับเป็นตัวร้ายที่เคยทำไม่ดีกับเขา "พี่ทศกัณฐ์" ฉันเรียกเขาเอาไว้ก่อนที่เขาจะเปิดประตู "..." เขาหันมามองฉันด้วยสีหน้าเย็นชาและเงียบเหมือนรอให้ฉันพูดต่อ "มีเรื่องจะรบกวนค่ะ" "อะไร" เขาถามแล้วเริ่มขมวดคิ้วเข้าหากัน "นินขอเบอร์กับไลน์พี่ได้มั้ย" ฉันพูดออกไปพร้อมกับกำมือไว้แน่นจนเหงื่อซึมออกมาเพราะความตื่นเต้น "..." "นินโดนทำโทษรับน้อง" ฉันพูดแล้วทำหน้าสลดขณะที่อีกคนก็มองมาอย่างไม่พอใจนัก "..." เขาไม่ตอบอะไรเลยแม้แต่คำเดียวก่อนจะเปิดประตูรถเข้าไปนั่ง ขับออกไปและปล่อยให้ฉันยืนมองเหมือนหมาข้างถนนไปเลย ใจร้ายชะมัด! "ไง ไม่ได้เหรอ" พี่นธียิ้มเหมือนดูหนังตลก แต่ฉันไม่ตลกนะฉันเครียดอยู่ "ถ้าได้จะทำหน้าแบบนี้มั้ยล่ะ" ฉันตอบออกไปห้วนๆ "พรุ่งนี้ไปถามมันดูอีกรอบ วันนี้ไปรับน้องมามันน่าจะเหนื่อย" "ต้องไปอีกเหรอ แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเขาเกลียดเราขนาดไหน" ฉันพูดแล้วยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาตัวเองเงียบๆ "ร้องไห้อีกละ ไม่อยากเห็นแล้วนะยัยนิน" "ก็นินเจ็บ" "..." พี่นธีถอนหายใจออกมาเหมือนเซ็งๆก่อนจะขับรถไปส่งฉันที่คอนโด ซึ่งอยู่ห่างจากคอนโดของเขาไม่ไกลนัก ตอนแรกแม่จะให้เราสองคนอยู่ที่เดียวกันแต่ฉันกับพี่นธีคิดว่ามันไม่ดีเลย เพราะเราต่างอยากเว้นระยะห่างจะได้ไม่หาเรื่องอีกฝ่ายไปฟ้องแม่ พอกลับมาถึงห้องฉันก็ทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อนก่อนจะหันไปมองกีตาร์ที่พิงอยู่ข้างโต๊ะทำงานและเดินไปหยิบมันมา ถึงจะเอามันมาด้วยแต่แทบจะไม่ได้เล่นมันเลย ตัวนี้เขาซื้อให้ฉันตอนที่ฉันเริ่มเล่นมันได้เพราะเขาเป็นคนสอนไว้ตั้งแต่ตอนนั้นเราคบกันแรกๆ ก๊อกๆ ฉันวางกีตาร์พิงกับโซฟาก่อนจะเดินไปที่ประตู เมื่อเห็นว่าเป็นยัยนิเนยจึงเปิดให้เข้ามา หอพักของนิเนยอยู่ไม่ไกลจากฉันนักเราจึงแวะเวียนมาหากันบ่อยๆแบบนี้ "สรุปว่ายังไงกับเรื่องป้ายดี" นิเนยถามขึ้นทันทีแล้วขยับมานั่งลงข้างฉัน มองกีตาร์ที่ฉันกำลังเล่นคอร์ดอยู่ "ขอแล้ว เจอเขาเมื่อกี้" "หา! แกเจอพี่เขาเหรอ" นิเนยทำสีหน้าตกใจไม่น้อย "อืม" "แล้วเขาว่าไง ให้มั้ย" "..." ฉันส่ายหน้าเป็นคำตอบแล้วแกล้งสนใจกีตาร์ต่อ เพราะไม่อยากพูดให้มาก ทุกคนรอบตัวต่างรู้ดีว่าฉันอ่อนแอแค่ไหนกับเรื่องนี้ "ช่างเถอะ ค่อยหาวิธีอื่น ทำอะไรสนุกๆดีกว่า" ว่าแล้วยัยนิเนยก็หยิบมือถือฉันขึ้นมาปลดล็อก "เฟสนี้ยังทักแกมาอีกเหรอ" "อืม ทักมาตลอด สองปีกว่าแล้วมั้ง" เฟสที่ว่าเป็นใครสักคนที่ไม่เปิดเผยตัวตน รูปโปรไฟล์เป็นรอยสักตัว 'N' เหมือนชื่อของเขาที่มีแต่อักษรตัว N เขาสักมันไว้ที่ไหนซักแห่งบนร่างกาย หรือไม่ก็คงรูปจากในเน็ตแต่ฉันลองค้นหาดูแล้วกลับไม่เจอเลย ช่วงนั้นที่เขาทักมาฉันไม่ได้สนใจหรอก ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง ตอนนี้เขาก็ยังคงทักมาแต่เราเริ่มคุยกันมากขึ้น ปรึกษากันบางเรื่อง แต่ส่วนมากจะเป็นเรื่องของฉันมากกว่าเพราะเขาแทบไม่ให้ฉันรู้อะไรเกี่ยวกับตัวเขาเลย แต่ก็สบายใจเหมือนกันเป็นที่ระบายให้รู้สึกดีขึ้น "ใครมันจะแอบชอบได้นานขนาดนั้นวะ แถมยังเก็บความรู้สึกเก่งด้วยไม่เปิดเผยแบบนี้" นิเนยว่าก่อนจะกดกล้องหน้าเปิดไลฟ์สด "ทำอะไร" ฉันหันไปมองเพื่อน "โปรโมทตัวเอง"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม