11 ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ

1587 คำ
5 ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ผ่านเมื่อวานมาได้แบบหัวใจแหลกสลายไม่เหลือชิ้นดี ใช่ว่าจะทำให้เฌอลิณณ์ยอมแพ้แบบราบคาบเสียเมื่อไหร่ เธอเสียใจแค่คืนเดียวเท่านั้นแหละ หลังจากนั้นกลับรู้สึกตื่นเต้นเร้าใจหนักกว่าเดิม ยิ่งเขาบอกว่าให้เลิกก็เหมือนยิ่งยุให้ทำต่อ อยากสลัดเธอทิ้งเหมือนสิ่งของไร้ค่า มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอก จะอยู่ขวางหูขวางตาให้อกแตกตายไปเลย คิดแล้วก็รู้สึกสนุกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ความจริงแล้วเธอรู้สึกหวั่นไหวกับความสัมพันธ์มึนเมาอยู่ต่างหาก จะให้ตัดฉับ ๆ อย่างที่มนรดาพูด ทำได้ง่ายที่ไหนกัน หลังกินมื้อเที่ยงเสร็จสองสาวก็กดลิฟต์ลงไปชั้นล่าง เพื่อซื้อเครื่องเดิมเหมือนที่เคยทำเป็นประจำ วันนี้มนรดาแอบหลอกถามเฌอลิณณ์ เรื่องที่เกิดขึ้นในห้องทำงานของกลทีป์อยู่หลายครั้ง แต่เจ้าตัวทำเมินเหมือนลมผ่านหูเฉไฉไปเรื่อย แต่ความอยากรู้อยากเห็นของมนรดานั้น เข้าขั้นหน้าด้านหน้าทนเสียแล้ว หลังจากได้เครื่องดื่มแล้ว ทั้งคู่มองหาโต๊ะนั่งคุยกันในร้านเหมือนที่เคยทำ “พี่ลิณณ์เล่าได้หรือยังว่าคุณสุดหล่อคุยอะไรกับพี่ลิณณ์ นะนะ” มนรดาตื้ออยากรู้ความจริงใจแทบขาด เมื่อวานที่เธอยอมล่าถอยแต่โดยดี เพราะเห็นรังสีอำมหิตแผ่ขยายรอบตัว แต่วันนี้รุ่นพี่คนสวยของเธอ กลับมาเป็นคนสวยใจดีเหมือนเดิมแล้ว “จะอยากรู้ไปทำไมยัยมน” เฌอลิณณ์คนหลอดกาแฟในมือเบา ๆ ปรายตามองไปรอบ ๆ บริเวณร้าน ไม่ให้ดูเป็นการตั้งใจจนเกินไป “พี่ลิณณ์ให้มนรู้เรื่องคุณสุดหล่อแล้ว ก็ต้องบอกให้หมดสิคะ มันคาใจมากนั่งทำงานก็ไม่มีความสุข สมองมนโคตรไม่ปลอดโปร่งแบบสุด ๆ มันอัดอั้นอกแทบระเบิดเลยนะพี่ลิณณ์” มนรดาพยายามบรรยายความรู้สึก แสนตึงเครียดของตนเองให้อีกคนได้เข้าใจ “การเผือกเรื่องของพี่นี่มันทำให้สมองเธอโล่งสบายขนาดนั้นเลยเหรอยัยมน” เพราะอะไรทำให้เฌอลิณณ์ไม่เคยโกรธยัยเด็กใหม่นี่ได้จริงจังเลยสักครั้ง คงเพราะนิสัยตรงไปตรงมาบ้า ๆ บอ ๆ พอกันล่ะมั้ง หรืออีกอย่างคงเพราะทุกครั้งที่มองมนรดา เธอเหมือนมองเห็นตัวเองในอดีตก็ไม่ปาน “สวัสดีครับ” เสียงทักทายนุ่มนวลดังมาจากชายหนุ่มคนหนึ่ง สองสาวเงยหน้าขึ้นมองในทันที มนรดาหันกลับไปมองรุ่นพี่ด้วยสายตาตั้งคำถามว่าใคร “เอ่อ สวัสดีค่ะ คุณ เอ่อ” ให้ตายสิเธอจำชื่อผู้บริหารคนนี้ไม่ได้ ทำแค่ยิ้มแห้ง ๆ ให้มนรดาแทนคำตอบ “ผมก่อฤกษ์ผอ.ทีมขายครับ” เขาแนะนำตัวเองสั้น ๆ สถานการณ์แบบนี้สองสาวคงไม่รู้จักชื่อเขาจริง ๆ รู้สึกผิดหวังนิดหน่อย สมองของสองสาวเหมือนจะมีปัญหา เพราะนึกยังไงก็นึกไม่ออก ว่าทำไมผู้บริหารคนนี้ถึงมาทักทายพวกเขา “สวัสดีค่ะ” เฌอลิณณ์ยกมือขึ้นไหว้ เพราะคิดว่าต้องไหว้ ผอ.หน้าหล่อยังกับไอดอลเกาหลีเลย “สวัสดีค่ะ” มนรดาเลยยกมือขึ้นไหว้ตาม สีหน้าเลิ่กลั่กจนก่อฤกษ์ต้องถอนหายใจใส่เบา ๆ “แผนผังผู้บริหารพวกคุณไม่เคยดูกันเลยเหรอครับ” เขาถามแบบขำ ๆ “ขอโทษค่ะคุณก่อฤกษ์ เหมือนฉันจะเห็นคุณในห้องประชุม อ้อ คุณก่อฤกษ์ อ้อ ๆ ฉันจำได้แล้วค่ะ คุณเป็นน้องชายคุณสุดหล่อ” “หา / ฮ้า” มนรดากับก่อฤกษ์พูดออกมาพร้อม ๆ กัน “น้องชายคุณสุดหล่อเหรอครับ” ‘แอบมอง แอบจองเป็นปี ๆ’ โอ๊ะโอ งานนี้มีเรื่องสนุก ๆ แล้วสิ จากที่แค่จะเข้ามาทักทาย เพราะเห็นว่าเป็นญาติกับนภาวดี เมื่อวานเขายังไม่หลุดจากเรื่องขำ ๆ ในห้องประชุม เลยไม่ได้พิจารณาให้ดี ว่าทำไมพี่ชายเขาถึงได้ดูโกรธเฌอลิณณ์มากนัก ตอนนี้ก่อฤกษ์ชักแน่ใจขึ้นมาอีกเรื่อง แม่สาวขี้เมาคนนั้นคงเป็นเฌอลิณณ์คนนี้นี่เอง “ฉันขอโทษค่ะที่จำผอ.ฝ่ายขายไม่ได้ ส่วนนี่มนรดาเป็นเด็กใหม่ของแผนก เพิ่งมาทำงานได้ไม่กี่เดือนเองค่ะ” เฌอลิณณ์ไม่อยากให้เขาเหมารวมมนรดา เรื่องไม่รู้จักหน้าตาของผู้บริหาร เลยบอกเรื่องอายุงานให้เขารู้ ‘เปลี่ยนเรื่องเก่งจริงนะแม่คุณ’ “แล้วที่ว่าผมคือน้องชายของคุณสุดหล่อนี่ มันหมายความว่ายังไง แล้วเกี่ยวอะไรกับพี่ทีเขาเหรอครับ” ชายหนุ่มแสร้งยิ้มยิงฟันใส่แบบกว้าง ๆ “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ว่าแต่คุณก่อฤกษ์มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ” เฌอลิณณ์ตัดบทไม่ตอบตามจริง ปกติไม่เคยทักทายกัน ไม่เคยรู้จักกันด้วยซ้ำ บางทีเฌอลิณณ์ก็ลืมหน้าตาผู้บริหารไปบ้าง จากที่ได้ข่าวมาเหมือนสองพี่น้อง จะกลับมาทำงานที่บริษัทนี้พร้อมกัน เธอไม่เคยเห็นก็ไม่แปลก “เชิญนั่งก่อนค่ะ” มนรดาเห็นท่าทั้งคู่คงคุยกันต่ออีกหน่อย เลยขยับตัวเข้าไปด้านในโซฟา ซึ่งก่อฤกษ์ก็ไม่ได้ปฏิเสธเขาทิ้งตัวลงนั่งแบบเป็นกันเอง คงมีแต่มนรดาที่นั่งเกร็งจนตัวแข็ง เป็นคนเชิญเขาเองแท้ ๆ แต่กลับตัวเล็กตัวน้อยเข้ามุมโซฟาไปเลย “คุณเฌอลิณณ์เป็นญาติกับคุณอาเด่นภูมินี่ครับ ผมไม่เคยรู้เลยว่าคุณทำงานอยู่ที่บริษัทเราด้วย” ก่อฤกษ์ยิ้มนุ่มนวลตามสไตล์ผู้ชายอบอุ่น เฌอลิณณ์เหมือนไม่ได้ยินคำพูดของก่อฤกษ์ ในใจกำลังคิดว่าเขาน่าจะสูงราวหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร คนเป็นพี่ชายดูสูงกว่าเล็กน้อย รูปร่างอาจไม่หนาเท่ากลทีป์ แต่ดูแข็งแรงเหมือนคนออกกำลังกายอยู่อย่างสม่ำเสมอ บ้านนี้ช่างดูดีทั้งพี่ทั้งน้องจริง ๆ “คุณเฌอลิณณ์ครับ !” “คะ” “มองผมแล้วเหม่อ นี่คุณแอบคิดอะไรกับผมหรือเปล่าครับ” “พรูด !” ชานมไข่มุกทะลักออกจากปากของมนรดา ‘ช่างหน้าไม่อายจริง ๆ’ “ผมล้อเล่นน่ะครับ” ก่อฤกษ์ยิ้มให้คนตรงหน้า ก่อนหันมามองคนด้านข้าง ลนลานหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดพื้นโต๊ะ ที่ตัวเองทำชานมไข่มุกหกใส่ “ผมแค่มาทักทายทำความรู้จักกันไว้น่ะครับ ยังไงเราก็เป็นญาติ เอ ไม่ใช่นี่นะ ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันแล้วนี่นา” เหมือนชายหนุ่มจะตกลงกับตัวเองไม่ได้ นั่นสินะ พี่ชายเขาไม่ได้แต่งงานแล้วนี่ เฌอลิณณ์ก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับเขาอยู่แล้ว สายตาของก่อฤกษ์มองไปเห็นพี่ชายเดินเข้ามาในร้านพอดี รีบยกมือขึ้นโบกเรียกทันที “พี่ทีทางนี้ครับ” มนรดาตาโตขึ้นอย่างตกใจ นั่งแทบไม่ติดโซฟาอีกต่อไป พยายามส่งสายตาบอกว่าเป็นเขาจริง ๆ เฌอลิณณ์รู้สึกเสียวสันหลังวาบ เธอไม่ได้หันหลังไปมองเขาด้วยซ้ำ แต่ดูจากท่าทางตื่นตระหนกของมนรดาแล้ว เป็นเขาแน่นอน “ทำไมแกมาอยู่นี่ได้ล่ะก่อ ไหนว่าสู้กาแฟที่เลขาชงให้ไม่ได้ไง” กลทีป์ถามน้องชายเบา ๆ มองมนรดาที่ยกมือขึ้นไหว้แบบคนอ่อนแรง ท่าทางเหมือนคนเห็นผีนั่นมันอะไร “สวัสดีค่ะ” นานกว่าที่มนรดาจะเอ่ยคำนี้ออกมาได้ บรรยากาศแปลกชอบกล เขาก้มลงมองคนที่นั่งฝั่งเขายืน สบตากันแวบเดียวปากของกลทีป์ก็เม้มเป็นเส้นตรงในทันที เฌอลิณณ์หันหน้าหนีเขาไปดื้อ ๆ ไม่พูดไม่จาไม่ทักทายเขาอีกด้วย ชายหนุ่มหรี่ตามองน้องชายแบบไม่เข้าใจ ทำไมถึงได้มานั่งตรงนี้กับสองสาวนี่ได้ “พี่ทีนั่งก่อนสิครับ” ‘อย่าชวนเซ่’ เฌอลิณณ์อยากตะโกนดัง ๆ ออกไป “ขยับไปสิครับคุณเฌอลิณณ์” เขาบอกคนที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนขึ้นตรงศอก ด้านล่างเป็นกางเกงยีนขายาวทรงเอวสูง รวบผมแบบง่าย ๆ ไว้ตรงท้ายทอย บริษัทของเขาไม่มีชุดฟอร์มให้ พนักงานทุกคนสามารถแต่งตัวตามสบายได้ แต่ผู้บริหารแบบเขาต้องสวมสูทผูกเนกไท ดูไปแล้วไม่ยุติธรรมเลยจริง ๆ “ค่ะ” หญิงสาวขยับไปด้านในให้ชิดกับผนังร้านมากที่สุด สายตามองมนรดาแบบคนหมดหนทางสู้ ‘เอ๋’ เธอขยับมาในสุดแล้วนะ ทำไมขาของเขายังชนกับขาของเธอได้อีก ขยับไปอีกนิดก็ชิดผนังสุดทาง ขาเขาก็ยังตามมาโดนขาของเธออีก ‘เอ๊ะ’ นี่จงใจหาเรื่องกันนี่นา กว่าเฌอลิณณ์จะรู้ตัวว่าโดนแกล้ง ก็โมโหจนควันออกหูไปเสียแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม