“แค่ผมแต่งให้ก็บุญแล้วนะครับ พ่อกับแม่อย่ามาเรียกร้องอะไรอีก ก็แค่งานแต่งงาน เจ้าบ่าวก็มีแล้ว เจ้าสาวก็มีแล้ว จะให้ไปประกาศความรักบนเวทีอีกทำไม อยากจะประจานให้คนอื่นรู้เหรอครับว่าเจ้าบ่าวถูกบังคับให้แต่งงาน”
“เจ้าพีท! แกจะทำอะไรแกคิดถึงหน้าตาพ่อแม่บ้าง”
“แล้วที่ทำอยู่นี่ไม่เรียกว่าคิดถึงหน้าตาหรอกเหรอครับ ถ้าผมไม่มีสิ่งนั้น ผมไม่มายืนอยู่ตรงนี้หรอก ไม่มาใส่ชุดบ้าๆ แบบนี้ด้วย แล้วก็จะไม่ยอมให้ใครมาจับด้วย”
“เจ้าพีท! แกทำผิดแล้วแกยังจะกล้ามาพูดแบบนี้อีกเหรอ แกพูดได้ยังไงว่าน้องมันจับแก ในเมื่อแกเป็นคนลากน้องเข้าไปในห้องนอนของแกเอง ถ้าแกไม่ทำน้อง เหตุการณ์วันนี้มันจะเกิดขึ้นไหม!”
แพทริคตวาดลั่นอย่างเหลืออด ไม่เคยโมโหลูกชายมากขนาดนี้มาก่อน
“พ่อกับแม่จะให้ผมพูดกี่ครั้ง ผมบอกแล้วไงว่าผมเอาผู้หญิงมาเป็นร้อย ก็อีแค่แก้ผ้านอนกับผู้หญิงน่ะ มันไม่ได้แปลว่าผมเอาแล้วหรอกนะ แล้วถ้าผมเอาจริง ยัยคุณหนูเจ้าขาของพ่อแม่คงไม่นั่งสะดีดสะดิ้งอยู่บนเตียงได้แบบนั้นหรอก คงต้องหยอดน้ำข้าวต้มไปแล้ว”
“เจ้าพีท! แกพูดบ้าอะไรของแก”
“ผมพูดจริง! ผมเอายังไง เอาแบบไหน เอาแค่ไหน ผมรู้ดี มีใครรู้ดีไปกว่าตัวผมอีกล่ะ”
“แล้วแกตอบได้ไหม ว่าน้องเข้าไปนอนในห้องแกได้ยังไง ในเมื่อนังชื่นมันเห็นกับตาตัวเองว่าแกเป็นคนลากน้องเข้าไป”
“แล้วทำไมชื่นไม่ห้ามล่ะครับ”
พ่อกับแม่ที่อึ้งไปทำให้พีทต้องถอนหายใจหนักๆ กำหมัดแน่น เพราะนั่นมันคำถามพาลชัดๆ เรื่องของเจ้านาย คนงานในบ้านคงไม่กล้าเข้ามายุ่งเกี่ยว โดยเฉพาะกับเขาด้วยแล้ว ใครจะกล้า แต่เขาก็อยากรู้ว่าถ้าเขาทำแบบนั้นจริง เขาจะไปลากยายนั่นมาจากตรงไหน
“เอาล่ะผมไม่อยากเถียงกับพ่อแม่แล้ว เอาเป็นว่างานแต่งงานวันนี้จะจบแค่นี้”
สมาพรอ้าปากค้างหน้าแดงก่ำ “แล้วแกจะให้ฉันตอบแขกว่ายังไง ไหนจะยังคุณเมฆกับคุณจันทร์อีก ถ้าเขาถามว่าแกไปไหนฉันจะตอบว่ายังไง ฮะ! เจ้าพีท!”
“คงไม่ต้องตอบแล้วมั้งครับ”
สายตาคมเข้มของลูกชายที่มองตรงไปด้านหลังทำให้แพทริคและสมาพรต้องมองตาม สมาพรทาบฝ่ามือที่อกกันเสียงอุทาน เพราะทั้งเจ้าสาวและพ่อแม่เจ้าสาวยืนอยู่ด้วยกันครบ แปลว่าได้ยินทุกอย่างที่ลูกชายหล่อนพูด
“น้องจันทร์อย่าถือสาเจ้าพีทมันเลยนะ”
สมาพรรีบเข้าไปจับต้นแขนของจันทร์ที่ทำหน้าอย่างบอกไม่ถูก เรียกได้ว่าพ่อแม่ลูกดูจะมีสีหน้านิ่งอึ้งไปตามๆ กัน
“จะถือสาผมก็ไม่ว่าหรอกครับ แต่ผมขอให้รู้ไว้ว่าผมยอมแต่งงานแล้วก็คือจบ อย่ามาเรียกร้องอะไรมากกว่านี้อีก ผมไม่ได้ใจดี แต่ถ้าทุกคนยังยืนยันว่าจะให้ผมขึ้นไปบนเวที ผมก็จะขึ้น แต่ผมจะป่าวประกาศบอกทุกคนว่างานแต่งในวันนี้มันเกิดขึ้นโดยที่ผมไม่ได้เต็มใจ เพราะมันเป็นแผนการของคนที่ต้องการจะจับผม”
“เจ้าพีท!”
แพทริคร้องเสียงหลงในสิ่งที่ลูกชายพูด ก่อนที่เจ้าของร่างในชุดเจ้าบ่าวจะเดินออกไปอย่างไม่แยแสว่าคนด้านในห้องจะเป็นยังไงบ้าง
เสียงคุณลุงแพทริคที่ตะโกนเรียกพี่พีท เสียงแหลมของคุณป้าสมาพรที่ร้องอย่างขัดใจดังก้องอยู่ในหู เสียงหวานแต่สั่นของแม่ และเสียงทุ้มของพ่อที่เข้ามาโอบกอดหล่อนเอาไว้ ทำให้เจ้าขาที่ยังคงยืนอึ้งค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่ง โดยมีพ่อแม่คอยประคองเอาไว้
หล่อนไม่รู้เลยว่าชีวิตต่อจากนี้จะเป็นยังไง นี่แค่วันแรกของการแต่งงาน หัวใจหล่อนยังสั่นและเจ็บปวดขนาดนี้ แล้ววันต่อๆ ไปล่ะจะเป็นยังไง แค่จะก้าวออกไปข้างนอกให้คนทั่วไปเห็นว่าหล่อนถูกทิ้งก็ยังไม่กล้า
“เจ้าขาไม่เป็นไรนะลูก ไม่เป็นไรนะ ลุงกับป้าอยู่กับหนูที่นี่ พ่อกับแม่หนูก็อยู่ที่นี่ด้วย ไม่เป็นอะไรนะลูก ยังไงลุงกับป้าก็รับหนูเป็นลูกสะใภ้แล้ว หนูไม่ต้องห่วง”
นั่นคือคำปลอบประโลมจิตใจที่คุณป้าสมาพรมีให้หล่อน เจ้าขายิ้มทั้งน้ำตาเมื่อเห็นว่าแม่ที่ประคองใบหน้าของหล่อนให้เงยขึ้นนั้นก็น้ำตาท่วมเช่นกัน นี่หล่อนกำลังทำให้แม่เป็นทุกข์ ไม่น่าเลย
“แม่คะอย่าร้องไห้นะคะ เจ้าขาไม่เป็นอะไร เจ้าขาจะเข้มแข็งค่ะ เรื่องแค่นี้ทำอะไรเจ้าขาไม่ได้หรอก ยังไงวันนี้พี่พีทก็แต่งงานกับเจ้าขาแล้ว เจ้าขาจะใช้ความดีที่แม่สอนทำให้พี่พีทรักเจ้าขาให้ได้ค่ะ เจ้าขาสัญญา”
“แม่เชื่อว่าเจ้าขาทำได้อย่างแน่นอนจ้ะ พ่อกับแม่เป็นกำลังใจเจ้าขานะลูก”
“ดีลูก เจ้าขาเก่งมากลูก ป้าเอาใจช่วย ไม่ใช่สิ แม่เอาใจช่วย หนูต้องเชื่อในความดี หนูจะต้องเอาชนะใจพี่พีทเขาได้แน่”
นั่นคือเสียงสนับสนุนของคุณป้าสมาพรที่เรียกแทนตัวเองว่าแม่ เจ้าขามองคนที่รักหล่อนผ่านม่านน้ำตาพยักหน้าน้อยๆ แล้วโผเข้าหาอ้อมกอดของแม่ หล่อนจะเข้มแข็งให้มาก ในเมื่อคุณป้าและคุณลุงยอมรับหล่อนเป็นลูกสะใภ้แล้ว หล่อนก็จะสู้ แม้ว่าไม่รู้จะชนะหรือเปล่าก็ตาม