ดวงตากลมโตที่ถูกแต่งแต้มอย่างสวยงามมีวาวน้ำลื่นคลออยู่เต็ม ค่อยๆ ช้อนขึ้นมองเจ้าบ่าวรูปหล่อที่ยืนอยู่ด้านข้าง เขาเองก็ได้ยินบทสนทนาทั้งหมด แต่เขาไม่พูด ไม่แม้แต่จะชำเลืองดูหล่อน ทำราวกับหล่อนเป็นอากาศธาตุที่ไม่มีค่าอะไรเลย แต่หล่อนไม่อยากให้เขาเข้าใจผิดไปแบบนั้น เรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ได้มีใครอยากให้เป็นแบบนั้น ทั้งหล่อน พ่อ แม่ ไม่มีใครรู้เรื่อง
“พี่พีทคะ”
“เรียกฉันว่าคุณพีท ฉันกับเธอไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ทางที่ดีไม่ต้องพูดคุย ไม่ต้องมาอยู่ใกล้”
‘พีท’ ปรายตามองเจ้าสาวคนสวยที่เขาต้องยอมรับว่าหล่อนสวยจริงๆ ไม่เคยคิดหรอกว่าเด็กกะโปโลที่เห็นมาตั้งแต่เล็กจะเติบโตขึ้นเป็นสาวสะพรั่งได้ขนาดนี้ แต่เขาก็เห็นแล้วนี่ว่าสะพรั่งจริง สะพรั่งไปทั้งเนื้อทั้งตัว เพราะภาพใบหน้าอ่อนใสจนเห็นเลือดฝาดที่ผิวแก้ม รวมทั้งเรือนร่างขาวอมชมพูไปทั้งเนื้อทั้งตัวยังฝังอยู่ในสมอง แต่เขาจะสนใจใบหน้าและเรือนร่างนี้ไม่ได้ เพราะต้องไม่ลืมว่าหล่อนกับพ่อแม่ของหล่อนทำอะไรไว้กับเขาบ้าง ซึ่งเขาจะไม่เป็นเหยื่อไปมากกว่านี้
“ค่ะ... คุณพีท เจ้าขาอยากจะบอกว่า”
“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น คนอย่างเธอ แค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว ไม่ต้องมาคิดคำโป้ปดอะไรอีก ฉันอีกจะรู้เช่นเห็นชาติเธอแล้ว ฉันแค่รอเวลาจะเป็นอิสระก็เท่านั้น”
“อิสระเหรอคะ”
“ใช่ แค่ปีเดียว ฉันก็จะเขี่ยเธอทิ้งเหมือนเขี่ยกระดูกให้หมาแทะ”
เจ้าขาอ้าปากค้าง คำพูดของเขาร้ายกาจที่สุด นี่ใช่พี่พีทที่หล่อนเคยหลงใหลได้ปลื้มหรือเปล่า เขาคนนี้ เจ้าบ่าวที่ยืนเคียงข้าง ช่างห่างไกลกับชายในฝันคนนั้นอย่างไกลลิบโลก
“ทำไมคุณพีทพูดกับเจ้าขาแบบนี้ล่ะคะ”
“แล้วทำไมฉันจะพูดไม่ได้ ก็เธอมันเหมาะสำหรับหมาจริงๆ คนอย่างฉันไม่คิดจะกินของไม่มีราคาอย่างเธอหรอก ไม่สิ ฉันพูดผิด ไม่ใช่ไม่มีราคาเพราะค่าตัวเธอมันตั้งห้าสิบล้านนี่! เปรียบกับอะไรดีล่ะ”
เขาทำสีหน้านึกได้ยียวนกวนประสาทที่สุดก่อนจะทำเหมือนนึกได้ หันมาจ้องหล่อนเขม็ง ใบหน้าหล่อมีรอยยิ้มที่มุมปาก แม้ในเวลาที่เขาร้ายกาจ หล่อนก็ยังคิดว่าน่ามอง ผู้ชายหล่อร้ายแบบนี้กร้าวหัวใจหล่อนจนเต้นระรัว
“เธอมันเป็นของมีราคาเพราะอุปโลกน์ แต่ไร้ค่า และของไร้ค่า ไม่ว่าจะแพงแค่ไหน ฉันก็ไม่คิดจะกิน ฉันเลือกกินแต่ของมีประโยชน์”
“แต่กระดูกมันก็มีค่ากับหมานะคะ” คำพูดที่โพล่งออกไปไม่ใช่นิสัยของหล่อนเลย แต่เขาเปรียบเทียบเธอเกินไป
“ใช่ เพราะมันเป็นขยะไงล่ะ ขยะที่คนอย่างฉันโยนให้หมาแดก และถ้าเธออยากให้หมาตัวไหนแดก ก็บอกฉันนะ ฉันจะได้โยนได้ และอย่าใช้สายตาอ่อยเหยื่อแบบนั้นมองฉันอีก เพราะฉันไม่ใช่หมา ไม่กินขยะ”
“คุณพีท…”
เจ้าขาได้แต่เรียกชื่อเขาและอ้าปากค้างอยู่แบบนั้น ในขณะที่เขามองเมินไปทางอื่น ไม่ได้สนใจเจ้าสาวที่สวยสดหมดจดไปทั้งเนื้อตัวอย่างหล่อนด้วยซ้ำ
น้ำตาราวจะรื้นขึ้นเพิ่ม เพราะหูยังได้ยินเสียงนินทาด้านหลัง แต่ตรงหน้าเจ็บยิ่งกว่า
เดิมหล่อนคิดว่าแม้เขาจะไม่ยินดีที่จะแต่งงานกับเธอ แต่เมื่อถึงวันแต่งงานถ้าเขาได้เห็นหล่อนแต่งชุดเจ้าสาวสวยงามขนาดนี้ เขาก็น่าจะชายตาแลบ้าง เหมือนที่แม่บอกไว้
‘เจ้าขาของแม่สวยมากเลยรู้ไหมลูก พี่พีทน่ะต้องตะลึงเมื่อเห็นหน้าเจ้าขาของแม่’
แม่บอกหล่อนในวันที่ไปลองชุดแต่งงาน แน่นอนว่าเจ้าบ่าวของหล่อนไม่มีทางเยี่ยมกายไปด้วย
‘จริงเหรอคะแม่ แต่พี่พีทเขารังเกียจเจ้าขานะคะ’
หล่อนนึกถึงสายตาของเขาที่มองหล่อนในวันนั้น ไม่มีสิ่งใดเจือปนอยู่เลยนอกจากความรังเกียจ
‘แม่ก็รู้ว่าพี่พีทเขาไม่อยากแต่งงานกับเจ้าขา เจ้าขาผิดเอง เจ้าขาไม่น่าเข้าไปอยู่ในห้องของพี่พีทเลย เจ้าขาไม่อยากให้พี่พีทรังเกียจ แต่ตอนนี้เจ้าขาก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ แม่คะ แต่เจ้าขายืนยันนะคะ ว่า... ว่าเจ้าขากับพี่พีทไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ ถึงแม้ว่า... แม้ว่าเจ้าขาจะไม่รู้ว่าผู้หญิงกับผู้ชายมีอะไรกันครั้งแรกแล้วเป็นยังไง แต่เจ้าขาก็แน่ใจค่ะว่ามันจะต้องมีเรื่องไม่ปกติเกิดขึ้นกับร่างกายของเจ้าขา แต่เนี่ย เจ้าขาสำรวจแล้วนะคะ มันไม่มีอะไรผิดปกติเลย ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง แล้วมันก็จริงตามที่พี่พีทเขาบอกเลยค่ะ ว่าพี่เขาไม่ได้ทำอะไรเจ้าขาเลย เจ้าขาก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้นอนขี้เซาอย่างนั้น เราก็คงแค่เผลอถอดเสื้อผ้ากันเท่านั้นเองค่ะ แต่ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีอะไรเกินเลย’
หล่อนพูดความจริงทุกอย่าง ร่างกายหล่อนไม่มีอะไรผิดปกติ ไม่มีเลยสักอย่าง ทุกอย่างยังครบถ้วนสมบูรณ์ จากที่หล่อนรู้มา ครั้งแรกต้อง ‘เจ็บมาก’ แต่หล่อนสำรวจแล้ว ไม่มีตรงไหนเจ็บปวดสักนิด เหมือนแค่หล่อนถอดเสื้อผ้าเท่านั้น
‘แล้วรอยเลือดนั่นล่ะ’
ใช่... รอยเลือดปื้นใหญ่บนผ้าปูที่นอน ‘เจ้าขา... เจ้าขาอาจมีเมนส์ก็ได้นะคะแม่ เพราะเจ้าขา... เอ่อ... ไม่เจ็บเลย’