“จะให้ผมไปตามเธอมาทานข้าวไหมครับ” ราจีฟถามอลีเซอร์ เมื่อเห็นว่าอลีเซอร์ไม่สนใจผู้หญิงที่ชื่ออลิตา ตั้งแต่เมื่อวานจนกระทั่งตอนนี้ก็เกือบหนึ่งวันแล้ว ที่เธอยังไม่ได้ทานอะไร ในห้องนั้นก็มีเพียงน้ำเปล่าและขนมเท่านั้น
“ยังไม่ต้อง” ผู้เป็นเจ้านายตอบสั้นๆ ตาก็อ่านข้อมูลของอลิตาไปเรื่อยๆ
นางสาวอลิตา เจริญหิรัญ เกิดวันที่ 24 พฤษภาคม 2535 อายุ 26 ปี เกิดและโตที่กรุงเทพ จบปริญญาด้านตรีด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์ ปัจจุบันทำงานเป็นสถาปนิกที่บริษัทเอกชน ชีวิตของเธอเรียบง่ายเหมือนคนทั่วไป จนเขาอ่านแบบคร่าวๆ ได้ ไม่ต้องเจาะจง อาศัยอยู่กับป้าที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะพ่อกับแม่แยกทางกัน และไม่มีรายงานว่าเคยเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรม
“นี่ฉันต้องรอนักสืบหาข้อมูลมาเพิ่มอีกใช่ไหม”
“ใช่ครับ นักสืบของเราบอกว่าในแฟ้มนี้เป็นข้อมูลที่สืบมาจากเฟสบุ๊คและอินสตาแกรมของคุณอลิตา รายละเอียดเชิงลึกกว่านี้ อาจจะต้องรออีกหลายวัน แต่ผมได้แจ้งไว้แล้วครับ ว่านายต้องการเร็วที่สุด”
“โอเค เดี๋ยวฉันขึ้นไปดูหน่อยแล้วกันว่าหิวจนเป็นลมไปแล้วหรือยัง”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น แต่ก็ไม่มีใครมาเปิดประตู
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
อลีเซอร์เคาะอีกครั้ง พร้อมกับเอาหูแนบฟังเสียงจากด้านใด แต่มันก็เงียบสนิท เมื่อเป็นเช่นนั้น เขาจึงตัดสินใจเปิดเข้าไป โดยไม่รอคำอนุญาต
ในห้องว่างเปล่า มีถุงขนมและขวดน้ำเปล่าอยู่ในถังขยะเล็กๆ ที่มุมห้อง
ห้องน้ำไม่มีผู้หญิงที่ชื่ออลิตา และหน้าต่างในห้องยังถูกปิดสนิท
“ราจีฟ!”
“ครับนาย” ผู้เป็นลูกน้องรีบวิ่งขึ้นบันไดมาตามเสียงเรียก
“เธอหายไปไหน”
“หายไป...” ราจีฟกวาดสายตามองรอบห้อง คนทั้งคนจะหายไปไหนได้ยังไง
“ปล่อยฉันนะ! ฉันจะกลับโรงแรม ปล่อยฉัน!” เสียงอาละวาดที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นของใคร โวยวายดังขึ้นเรื่อยๆ เมื่อตัวถูกพากลับเข้ามาในบ้าน อลีเซอร์และราจีฟมองหน้ากัน ก่อนจะรีบวิ่งลงบันได
“ผมเจอคุณไอรินพยายามจะปีนรั้วออกไปครับ”
“ฉันบอกว่าฉันไม่ได้ชื่อไอริน คนบ้านนี้เป็นอะไรกันหมด ทำไมต้องให้ฉันพูดคำเดิมๆ เป็นร้อยเป็นพันครั้งด้วย”
“อยากกลับมากนักใช่ไหม”
“นี่! คุณ! เอากระเป๋าฉันคืนมา!” อลีเซอร์กระชากกระเป๋าสะพายของเธอออกมาจากแขน เขาเปิดกระเป๋า หยิบพาสสปอร์ตและกระเป๋าสตางค์ของเธอส่งให้ราจีฟ
“กลับไปสิ กลับได้ก็กลับไป เชิญ” เขาพูดพร้อมกับยัดกระเป๋าใส่ในมือของเธอ
“แล้วจะกลับยังไง ในเมื่อเงินฉันอยู่กับคุณ เอาเงินฉันคืนมานะ”
“ไม่ให้”
“คุณราจีฟ ขอพาสสปอร์ตกับกระเป๋าเงินของฉันคืนด้วยค่ะ” ราจีฟสะดุ้ง ไม่คิดว่าเธอจะกล้าพูดกับเขาตรงๆ ทั้งๆ ที่มีอลีเซอร์ยืนอยู่
“ถ้ามึงให้ มึงก็ออกจากบ้านหลังนี้ไปด้วย”
“เอ่อ... ผมให้ไม่ได้หรอกครับคุณไอ...”
“หยุดเรียกฉันไอรินได้แล้ว! ฉันชื่ออลิตา! อลิตา! อลิตา!”
“เออ! รู้แล้วเว้ยว่าชื่ออลิตา”
“อ้าว! ถ้ารู้แล้วยังจะจับฉันไว้ที่นี่หาพระแสงอะไรล่ะ ปล่อยฉันกลับไปสิ รู้ไหมว่าฉันเสียเงินไปกับทริปนี้เท่าไหร่ แพลนวันนี้ฉันต้องไปขึ้นบอลลูน!”
“เงียบ!”
“ไม่เงียบ!”
“ไม่เงียบใช่ไหม!”
“ใช่!”
“งั้นก็ตะโกนไปเรื่อยๆ ห้ามหยุด จนกว่าฉันจะพอใจ”
“เรื่องอะไรฉันต้องทำตามคำสั่งคุณด้วย”
“ฉันขอสรุปเลยแล้วกันนะ เธอจะไม่ได้ออกไปเที่ยวที่ไหน นอกจากฉันจะแน่ใจว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ทรยศฉัน”
“แล้วเมื่อไหร่คุณจะแน่ใจ”
“ไม่รู้สิ” อลีเซอร์ยักไหล่สบายๆ แต่มันกวนประสาทอลิตาโคตรๆ
“ฉันหิวข้าว”
“ทำไมไม่กินยุง กินแมลงข้างนอกบ้านล่ะ อยู่เป็นเพื่อนกันทั้งคืนไม่ใช่เหรอ” เขาเห็นแขนและหน้าเธอเป็นรอยแดงๆ ก็พอจะเดาออกว่าเธอคงออกจากห้องไปตั้งแต่เมื่อคืน เป็นความสะเพร่าของเขาเองที่ไม่สั่งให้คนเฝ้าเธอเอาไว้ แต่เธอก็กล้าดีเหมือนกันนะ ที่พยายามจะปีนกำแพงสูงสามเมตรเพื่อหนีไป
“เอาเป็นว่าฉันจะอยู่ที่นี่ แต่คุณช่วยปฏิบัติกับฉันดีๆ หน่อยก็แล้วกัน”
“ดีหรือเปล่าไม่สามารถรับรองได้ แต่ที่แน่ๆ เธอได้ออกไปตอนยังมีลมหายใจอยู่แน่นอน”
“ยินดีที่ได้รู้ว่าฉันจะยังไม่ตายวันตายพรุ่ง และช่วยสั่งลูกน้องคุณให้เอาเลิกปืนจ่อหลังฉันได้แล้ว”
“ไปสั่งแม่ครัวให้เตรียมอาหารไทยให้ไอ... ให้อลิตา” อลีเซอร์หันไปบอกราจีฟ และเรียกชื่อของเธอให้ถูกต้อง หลังจากเริ่มมั่นใจว่าสิ่งที่เธอพยายามชี้แจงเมื่อคืนนั้นเป็นเรื่องจริง
“รายงานมาเร็วกว่าที่คิดไว้ครับ” ราจีฟกำลังจะเดินไป แต่ก็หันกลับมาหาเจ้านายซะก่อน
“ส่งเข้าอีเมลฉัน ฉันจะนั่งอ่านระหว่างกินข้าวเที่ยงกับอลิตา... หลังจากที่เธออาบน้ำแล้ว” เขาแกล้งยกมือมาปิดจมูก และเพิ่งจะสังเกตตอนนี้เองว่าเสื้อที่เธอใส่ เป็นเสื้อยืดตัวใหญ่ๆ ซึ่งน่าจะอยู่ในตู้เสื้อผ้าที่เอาไว้รับแขก
“ฉันไม่มีเสื้อผ้าใส่... ฉันกลับไปเอาที่โรงแรม แล้วค่อย...”
“ไม่จำเป็น”
“จำเป็นสิคุณ”
“เดี๋ยวฉันให้แม่บ้านเอาเสื้อผ้าไปวางไว้ในห้อง ไปอาบน้ำซะ สภาพเธอตอนนี้มันเหมือนคนที่เพิ่งวิ่งหนีซอมบี้มา”
“ใช่ค่ะ คุณเองนั่นแหละเป็นซอมบี้ ขอตัวนะคะ” อลิตาพูดจบก็วิ่งขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ว ขี้เกียจเถียงหรือจริงๆ คือกลัวจะเถียงไม่ได้ เธอหยุดอยู่ที่บันไดขั้นสุดท้าย มองซ้าย มองขวา เพราะจำไม่ได้ว่าห้องที่เคยเข้าไปมันอยู่ทางไหน
“ห้องที่สองทางซ้ายมือ!” อลีเซอร์ตะโกนบอกอย่างเหนื่อยใจ คนอายุยี่สิบหกมันความจำสั้นเป็นปลาทองหรือไงวะ
“เมื่อกี้ฉันสั่งว่าอะไร” เขาหันไปถามราจีฟที่ยืนยิ้มหาสวรรค์วิมารอะไรก็ไม่รู้
“อ๋อ... ให้แม่ครัวเตรียมอาหารไทยให้คุณอลิตาครับ ขอตัวครับ” ลูกน้องคนสนิทรีบเดินเร็วๆ ออกไป พร้อมกับใจที่คิดว่าการมีอลิตาอยู่ในบ้านนั้นทำให้ชีวิตเจ้านายของเขามีสีสันขึ้นเยอะ สีสันที่มองนานๆ แล้วชวนสับสนว่า... ทำไมเธอหน้าเหมือนคุณไอรินจังนะ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา...
อลิตาเดินออกมาจากห้องน้ำอย่างระมัดระวัง กลัวว่าจะมีคนใจร้ายอย่างอลีเซอร์นั่งอยู่ข้างนอก แต่เมื่อแน่ใจว่าคนที่เข้ามาในห้อง คือแม่บ้านที่เอาเสื้อผ้ามาวางไว้ให้ เธอจึงรีบวิ่งไปล็อกประตู ใส่เสื้อผ้าที่มันพอดีกับตัวเป๊ะๆ หรือว่า... นี่จะเป็นเสื้อผ้าของคุณไอริน
“คิดว่าไหลลงไปกับท่อน้ำทิ้ง อาบน้ำนานขนาดนี้ ไม่เกรงใจเจ้าของ... บ้าน” อลีเซอร์พูดตะกุกตะกัก เมื่อเห็นอลิตาเดินลงมาด้วยชุดที่เขาคุ้นตา เสื้อตัวนี้คือเสื้อตัวโปรดของไอริน เธอบอกว่ามันใส่สบาย ไม่ร้อน และมีเนื้อผ้านุ่ม ส่วนกางเกงยีนขาสั้นตัวนั้น เขาเป็นคนช่วยเธอเลือก เมื่อตอนไปเที่ยวตลาดนัดจตุจักรด้วยกันเมื่อสองปีที่แล้ว อลิตาเห็นเขามองมาอย่างไม่ละสายตา ก็พอจะรู้ว่าเขากำลังคิดถึงใคร เธอนอนคิดเรื่องของเขาเมื่อคืน จนพอจะเข้าใจแล้วว่า ผู้ชายคนนี้มีความทรงจำอันเจ็บปวดและเจ้าของชุดนี้คงทิ้งเขาไปอย่างไม่สนใจไยดี
“อุ้ย” อลิตาสะดุดขาตัวเองจนเกือบตกบันได และความซุ่มซ่ามของเธอ ก็ทำให้อลีเซอร์ได้สติกลับคืนมา
“มากินข้าว” เขาพูดห้วนๆ หน้านิ่งๆ ตักอาหารเข้าปากไปเรื่อยๆ อ่านบางอย่างจากหน้าจอมือถือ และเมื่อวางโทรศัพท์ลงเขาก็มองเธออีกครั้ง
“หน้าฉันเหมือนโจทย์วิชาฟิสิกส์เหรอคะ ทำไมมองแล้วต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้น”
“มาเที่ยวที่นี่คนเดียวเหรอ”
“ค่ะ”
“เพื่อนไม่คบ หรือว่าเป็นพวกรักสันโดษ”
“เพื่อนคบค่ะ แต่เพื่อนไม่ว่างมาเที่ยวด้วย เลยมาคนเดียว”
“ผมขอโทษสำหรับเรื่องที่ผ่านมา”
“...น้ำในแก้วคุณผสมเหล้าด้วยหรือเปล่า เมาหรือเปล่าคุณ” อลิตาตกใจ ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดนี้จากเขา
“ผมจะไม่พูดคำนั้นซ้ำ ถ้าคุณอยากได้ยินอีก ก็ลืมความคิดนั้นไปซะ”
“โอเคค่ะ งั้นฉันก็กลับโรงแรมได้แล้วใช่ไหม”
“ได้ ผมจะให้ราจีฟไปส่งคุณถึงหน้าโรงแรม พร้อมชดเชยค่าเสียหายต่างๆ ที่ทำให้คุณเดือดร้อนทั้งร่างกายและจิตใจ รวมถึงออกค่าใช้จ่ายเรื่องเที่ยวให้คุณด้วย แต่ถ้าคุณยอมอยู่ที่นี่ต่อ ผมจะจ่ายเงินให้คุณห้าล้านบาท เพื่อที่คุณจะได้เอาเงินไปซื้อบ้านจัดสรรที่คุณกับป้าไปดูด้วยกันเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว และผมจะจัดการให้ป้าคุณได้เข้ารับการผ่าตัดรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมในโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในประเทศไทย พร้อมดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ด้วย”
“คุณรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง” ช้อนในมือแทบร่วงลงบนโต๊ะอาหาร จากที่กำลังเอร็ดอร่อย ตอนนี้มันอิ่มจนจุก
“ผมรู้ เพราะผมต้องการมั่นใจว่าคุณไม่ใช่ไอริน ซึ่งตอนนี้ผมรู้แล้วว่าคุณไม่ใช่เธอ”
“แล้วทำไมฉันต้องอยู่ที่นี่ด้วย”
“เพราะข้อเสนอที่ผมบอกไปเมื่อกี้ ผมขอจ้างให้คุณอยู่ที่นี่แค่เดือนเดียว แลกกับเงินห้าล้านบาท และแลกกับการที่ป้าคุณจะได้กลับมาเดินอย่างปกติ”
“ฉันไม่มีความจำเป็นต้องรับข้อเสนอนี้ค่ะ ป้าฉันมีคิวผ่าตัดกับคุณหมอที่โรงพยาบาลแล้ว และบ้านที่ฉันกับป้าไปดู เราสองคนก็ยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะซื้อ และถึงแม้ว่าเราจะซื้อจริงๆ ฉันก็กู้เงินกับธนาคารก็ได้ และที่สำคัญที่สุด ถ้าฉันอยู่ที่นี่เป็นเดือน ฉันคงตกงานพอดี ฉันลางานมาเที่ยวแค่อาทิตย์เดียวค่ะ”
“แล้วถ้าผมจ่ายค่าจ้างให้คุณอีกหนึ่งล้านบาท เพื่อให้คุณบินกลับไปลาออกจากงาน คุณจะตกลงไหม”
“คุณ... คุณร่ำรวยมาจากไหนคะ ถึงพูดถึงเงินเป็นล้านๆ โดยที่ไม่รู้สึกเสียดายเลย”
“นั่นมันเรื่องของผม ผมไม่ได้ต้องการให้คุณตั้งคำถาม ผมต้องการคำตอบ”
“คำตอบของฉันคือไม่ค่ะ สั่งคนของคุณให้ไปส่งฉันที่โรงแรมด้วย”
“แล้วถ้าผมจ้างคุณสิบล้านบาท คุณจะตกลงหรือเปล่า”
“ถ้าคุณคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงเห็นแก่เงิน คุณคิดผิดแล้วค่ะ”
“โอเค! งั้นผมจะให้ราจีฟไปส่งคุณกลับโรงแรม ไว้เจอกันใหม่นะอลิตา ขอโทษสำหรับทุกอย่างที่ผมทำให้คุณไม่สบายใจ คุณอยากให้ผมชดเชยกับเรื่องที่ผมเข้าใจคุณผิดไปหรือเปล่า”
“...ไม่เป็นไรค่ะ แค่คำขอโทษฉันก็พอใจแล้ว ลาก่อนค่ะ” อลิตาไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด เรื่องที่ถูกลวนลาม เธอบอกตัวเองว่าช่างมันเถอะ ไม่ถูกล่วงเกินจนถึงขั้นเขาเอาอะไรใส่เข้ามาในตัวก็ถือว่าโชคดี ส่วนเรื่องอดไปเที่ยว ช่างมันอีกนั่นแหละ ได้ออกไปจากที่นี่ก็บุญโข ขอกลับไปพักที่โรงแรม และเลื่อนตั๋วกลับประเทศไทยให้เร็วที่สุดเลยแล้วกัน
“ขอโทษอีกครั้งนะครับ” อลีเซอร์เดินไปส่งเธอขึ้นรถ ทำหน้าสำนึกผิดให้เธอเชื่อว่าเขารู้สึกแบบนั้นจริงๆ และเธอท่าทางก็ดูจะเชื่อเขาอย่างสนิทใจ