หลังหมดเวลาพักเที่ยง จิรดากลับมาเคลียร์เอกสารสำคัญต่อ สมาธิหล่อนไม่ค่อยมีคิดมากเรื่องของหมาก ใครว่าหล่อนไม่ใส่ใจ ไม่ห่วงใยเขา เพียงแต่ไม่อยากแสดงพฤติกรรมว่าห่วงใยเขานักหนาออกนอกหน้าต่างหาก จิรดาพักงาน ตัดสินใจตอบกลับข้อความของเขา
‘เย็นนี้จะมาหาหรือเปล่า’
พิมพ์จบก็ชะงัก ไม่กล้ากดส่ง ฟอร์มจัดกลัวจะถูกเขามองว่า ‘อ่อย’ แต่ช่างสิก็อ่อยจริงนี่นา จิรดาคิดแล้วกดส่ง สักพักหมากตอบไลน์กลับอย่างรวดเร็ว
‘ไป แต่คงดึกๆ หน่อยนะ แม่มาเยี่ยม สักทุ่มกว่าก็กลับแล้ว’
เขาส่งสติ๊กเกอร์พี่หมีบราวน์หน้ามึนมาปิดท้าย
‘โอเค ไว้ค่อยโทรมาบอกแล้วกันนะ’
จิรดาสไลด์หน้าจอปิดเน็ตเก็บโทรศัพท์ไกลจากมือ ลุยงานต่อให้เสร็จ
ลองหมากโต้ตอบกลับได้แบบนี้ก็คงไม่มีอะไรให้เป็นกังวล เขาหนังเหนียวจะตาย ไม่มีวันเป็นอะไรไปง่ายๆ หรอก
อีกด้าน เวลาบ่ายโมงครึ่ง
กองทัพนักข่าวหลายชีวิตยืนรอหน้าโรงพักเพื่ออยากสัมภาษณ์สารวัตรหนุ่มไฟแรงในคดีจับยาเสพติดกลางกรุง เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงตามไล่ล่ากันไปจนถึงปทุมธานี แม้จะได้วันเวลาชัดเจนในการตั้งโต๊ะขยายผลจับกุมแต่นักข่าวหลายคนไม่ยอมกลับ ยังปักหลักหวังจะได้นำภาพลูกชายคนโตของพลเอกชัชชาติหรือบิ๊กชัชขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ แต่รอจนท้อก็ยังไม่มีวี่แววว่าสารวัตรหนุ่มจะยอมออกมาให้สัมภาษณ์ บ่ายสองทุกคนจึงแยกย้ายกลับสำนักข่าวต้นสังกัด
เป็นโอกาสเหมาะให้จ่าเอกชัยติดต่อหมอให้เข้ามาหาที่โรงพักเพื่อทำแผลให้สารวัตรจอมดื้อ ไม่ยอมไปหาหมอ บอกถูกยิงแค่ถากๆ ไม่ถึงกับตาย ไม่ถูกยิงตายแต่แผลจะติดเชื้อตายเอาสักวัน ทำได้แค่คิดเท่านั้นเพราะอีกฝ่ายยศใหญ่กว่าไม่กล้าว่า
จ่าเอกรวมหัวกับนายตำรวจคนอื่นทำเรื่องนี้ คนหนึ่งขับไปรับหมอ ดูต้นทางนักข่าวก่อนจะรีบเชื้อเชิญคุณหมอขึ้นโรงพักทางด้านหลัง สารวัตรหมากเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ มีร่างกายแข็งแรง มีสมองอันชาญฉลาด เสียแต่บางครั้งเลือดร้อนไม่มองเห็นความปลอดภัยของตัวเองเป็นหลัก คิดแค่จะเอาผลลัพธ์เข้าจับกุมคนร้ายให้ได้จึงต้องเจ็บตัวอยู่เรื่อย ลูกกระสุนถากหัวไหล่ โชคดีมากที่ไม่ฝังในหรือยิงมาถูกจุดสำคัญ ไม่อย่างนั้นสารวัตรหมากของตนคงจะถูกย้ายรายชื่อไปอยู่ในบัญชีหนังหมาของท่านยมบาล
จ่าเอกหมุนลูกบิดห้องพักเปิดไว้กว้างให้คุณหมอเข้าไปก่อนตนเองจะตามและกดล็อกประตูอย่างแน่นหนา ไม่ให้ใครเข้ามารบกวนการรักษาได้ ภายในห้องทำงานสาวัตรหมากไม่สะทกสะท้านกับแผลบนหัวไหล่ นั่งจิบกาแฟสบายใจอ่านรายงานรูปคดี จ่าเอกกับคุณหมอหันมามองตา ราวกับกำลังส่งกระแสจิตปรึกษาว่าจะเอายังไงกันดี
“มีอะไรเหรอ ทำไมถึงรีบวิ่งพรวดพราดเข้ามา”
“ผมให้คนไปรับคุณหมอมาทำแผลให้สารวัตรครับ”
“อ้าว หมอหรอกเหรอ สวัสดีครับ แขนผมเจ็บนิดหน่อยแต่ไม่เป็นไรมาก ทิ้งไว้สักสองสามวันคงจะหายเอง”
“ไม่ได้นะครับสารวัตร เดี๋ยวก็เป็นบาดทะยักหรอก คุณหมอ จัดการเลย”
“ไหนๆ ก็มาแล้ว หมอขอดูแผลหน่อยนะครับ”
“ครับ”
สารวัตรหมากถอนหายใจแต่ก็ยอมวางมือจากงาน หมุนเก้าอี้ลากออกมาจากโต๊ะแล้วปลดกระดุมเสื้อถอดออกจนเหลือแค่เสื้อกล้ามสีขาวด้านใน เอียงหัวไหล่บริเวณที่ลูกกระสุนเฉี่ยวไปให้คุณหมอตรวจ
ดวงตาใต้กรอบแว่นหนาก้มลงมาดูแผลคนเจ็บในระยะใกล้ชิด ขมวดคิ้วเกือบจะตลอดเวลาเพราะแผลไม่ใช่น้อยๆ แต่คนเจ็บกลับรักษาตัวเองง่ายๆ ด้วยการนำผ้าสีขาวมาปิดปากแผลทั้งที่ยังไม่ได้ใส่ยา
“ทำไมถึงทำแบบนี้ครับ น่าจะไปให้หมอที่โรงพยาบาลดูสักหน่อย ไม่ควรหาผ้าไม่สะอาดแบบนี้มาปิดแผลเลยนะ จะทำให้เสี่ยงติดเชื้อได้ เลือดยังไม่หยุดไหลด้วยซ้ำ ชักจะดูถูกแผลเกินไปแล้ว”
โดนไปแล้วหนึ่งดอก
จ่าเอกแอบก้มหน้ายิ้ม ก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติเพราะสารวัตรหมากเงยหน้ามามองตนเองพอดี
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ พอดีผมมีงานค้างต้องเคลียร์อีกเยอะ”
“คราวหน้าถ้ามีอีกต้องรีบไปทำแผลที่โรงพยาบาล”
“ครับ”
สารวัตรหมากเลิกคุยกับคุณหมอนั่งหน้าเซ็งให้ทำแผลจนกระทั่งเสร็จ จึงตวัดสายตาดุๆ ไปมองจ่าเอกให้รีบเชิญคุณหมอออกไป ทำตัวเหมือนพ่อเข้าไปทุกวันเป็นห่วงออกนอกหน้านอกตา ครั้งก่อนเขาถูกต่อยคิ้วแตกนิดๆ หน่อยๆ ก็โทรไปรายงานพ่อ โทรไปหาจิรดาจนกลายเป็นเรื่องใหญ่โต มาถึงครั้งนี้เขาต้องได้กำชับว่าห้ามบอกต่อเด็ดขาด
เรื่องปะทะกับโจรผู้ร้ายเป็นหน้าที่ที่เขาไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ ยังไงก็ต้องมีเจ็บตัวกันบ้าง ขอแค่เขายังมีชีวิตกลับไปเจอทุกคนก็พอแล้ว
สารวัตรหนุ่มนั่งทำงานต่อพบว่าแขนเริ่มปวดหนักมากขึ้น ใบหน้าเขาค่อนข้างซีดจึงเลิกสนใจอ่านรายงานเก็บของเตรียมกลับบ้าน มีเสียงไลน์เข้ามาหลายครั้ง เขาได้ยินแต่ยังไม่ได้ลองเปิดอ่านดู แม้โทรศัพท์จะมีออกรุ่นใหม่มาหลายเครื่องแต่หมากยังใช้รุ่นเก่า เขามองไม่เห็นความจำเป็นต้องเปลี่ยนเครื่องบ่อยๆ ให้ทันกระแสหรือคนในสังคม
ไลน์มากกว่าสิบถูกส่งจากมารดาเพื่อแจ้งว่าท่านมาถึงบ้านแล้ว บิดามารดาเขาแยกบ้านกันอยู่แต่ยังคงสถานะสมรสไว้ ไม่ได้หมดรัก หรือเกลียดกัน แค่เริ่มเบื่อหน้ากันตามประสาคนวัยทองท่านจึงย้ายกลับไปอยู่บ้านคุณยายร่วมหนึ่งปีและให้น้องสาวของเขาอยู่เป็นเพื่อนบิดาในบ้านอีกหลัง
ถ้าหากไม่ดูนามสกุลประกอบหลายคนจะไม่รู้เลยว่าพ่อเขายศใหญ่ระดับพลเอก แต่เพราะชอบทำงานด้วยตัวเองไม่อาศัยบารมีพ่อ หมากจึงไม่เคยเบ่งใส่ใคร เขาย้ายออกมาอยู่คนเดียวได้หลายปีแล้วและรู้สึกชอบชีวิตอิสระมาก
ร้านอาหารเจ้าประจำของเขาไม่ใช่ร้านหรู แต่เป็นร้านอาหารข้างทางธรรมดา หมากสั่งเมนูซีฟู้ดหลายอย่างตั้งใจจะกลับไปกินข้าวกับแม่ อยู่คุยกันสักหน่อยชดเชยเวลาราวหนึ่งเดือนที่ไม่ได้เจอกัน เห็นท่านบอกว่าแวะมาเจอเฉยๆ แต่คืนนี้จะไปค้างบ้านคุณพ่อที่อยู่ไกลออกไปคนละโซน
หมากขับฟอร์จูนเนอร์คันใหญ่เข้ามาในโครงการทาวน์โฮม แสงไฟหน้ารถสาดไปถึงประตูรั้วสีขาวเขากดรีโมตสั่งมันให้เปิดออก ก่อนจะหมุนพวงมาลัยขับพามันเข้าไปจอดเทียบเบนซ์คันสวยของมารดา สมัยสาวๆ เด็ดเผ็ดจี๊ดยังไงแก่มาก็ยังเด็ดไม่ต่างกัน ขับรถมาเองจากชลบุรีสบายๆ ไม่ยอมให้ใครขับมาให้ เขาเป็นห่วงท่าน แต่เพราะพูดไปท่านไม่ยอมฟังก็เลยเลิกบ่น
ไขกุญแจเข้ามาในบ้านสัมผัสได้ถึงความแรงของเครื่องปรับอากาศที่เย็นสุดขั้วไกลมาถึงประตูหน้าบ้าน
“แม่ครับ ผมกลับมาแล้วนะ”
หมากย่นคิ้วชำเรืองสายตามองรอบบ้านไม่เห็นใครออกมารับและในตอนนั้นเองเขาได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้นแข่งเสียงภาพยนตร์ไทยไม่ทราบชื่อ
อารมณ์ดีจังเลย นอนตากแอร์ดูหนังสบายใจ
หมากวางถุงอาหารลงบนโต๊ะ ตั้งใจจะค่อยๆ ย่องเข้าไปเซอร์ไพรส์มารดาทว่ารอยยิ้มเขากลับค้างเติ่งอยู่แบบนั้นเมื่อมองจากด้านหลังเห็นท่านกำลังนั่งดูหนังกับใครไม่รู้
สองสาวต่างวัยนั่งกอดแขนดูหนังกระหนุงกระหนิง “เรื่องนี้มีภาคต่อด้วยนะคะคุณป้า สนุกไม่แพ้กัน”
“เหรอจ๊ะ แค่นี้ก็ขำจะแย่แล้วนะ” ตอบกลับเด็กเสียงหวาน พูดคุยกันถูกคอชี้มือชี้ไม้ชวนกันให้ดูหน้าจอแล้วสปอลย์หนัง
หมากยืนมองอยู่นาน ส่ายหน้าระอา คาดว่าทั้งสองคนน่าจะยังไม่รู้ตัวว่าเขากลับมาแล้วจึงเก๊กหน้าเข้ม กระแอมกระไอออกมาสองสามครั้งกว่าเด็กสาวแปลกหน้าจะได้ยิน ดวงตาคู่ใสหันมาสบประสานในชั่วเสี้ยววินาทีก่อนหมากจะเมินไปทางอื่น
ไม่ชอบเด็ก โดยเฉพาะเด็กสาววัยใสไร้เดียงสา
สเปกหมากคือผู้หญิงที่มีความเป็นเด็กและผู้ใหญ่ในตัว หนึ่งปีมานี้เขาถึงได้พุ่งความสนใจไปที่ จิรดา เพียงแค่คนเดียว
จะว่าไปแล้วทำไมวันนี้หล่อนไม่ตอบไลน์เลยนะ
เขาส่งรูปไป จะอวดแผลสักหน่อย เผื่อหล่อนอยากมาดูแล
เด็กสาววัยอ่อนเยาว์นั่งนิ่งเป็นหุ่น แอบหันหลังกลับมาสบตาอีกหนก่อนจะสะกิดรบกวนเวลาสำราญใจของผู้สูงวัย
“คุณป้าขา”
“ว่าไงจ๊ะ หิวแล้วเหรอ รอพี่หมากแป๊บนะลูก”