เสียงเอะอะดังลั่นภายในบ้านศิริไพบูรณ์สาวใช้ต่างพากันหลบหน้าอย่างหวาดกลัว เมื่อเจ้านายใหญ่กลับมาแล้วไม่เจอลูกสาวคนโต มีเพียงลูกสาวคนเล็กของท่านเท่านั้นที่นั่งทำหน้าเศร้าอยู่ในห้องรับแขก
คุณพิชัยถึงกับเครียดเลยทีเดียวเมื่อกลับมาบ้านแล้วพณิตพิชาหายไป หลังจากทะเลาะกันเมื่ออาทิตย์ที่แล้วท่านก็ไปประชุมที่ต่างจังหวัดทันที ท่านไม่คิดเลยว่าลูกสาวที่เคยเชื่อฟัง
ไม่เคยบ่นเคยเถียงท่านกลับตัดสินใจออกจากบ้านไปแบบนี้ ท่านพยายามทบทวนถึงเหตุการณ์เมื่ออาทิตย์ก่อนว่าท่านได้พูดอะไรไปบ้าง ทุกคำพูดในวันนั้นกำลังหลั่งไหลเข้ามาในความคิดของท่านอีกครั้ง...
“แกมันไม่ได้เรื่อง สู้น้ำก็ไม่ได้ ให้ไปทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องสักอย่าง แล้วแบบนี้แกจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้ยังไงกัน ทำไมแกมันโง่แบบนี้แล้วนี่แกจะไปสมัครงานที่ไหนได้ฮะ ไปทำงานวันแรกก็โดนไล่ออกมาแล้ว”
“ลูกแก้วไม่ได้ตั้งใจนะคะคุณพ่อ ลูกแก้ว…”
“ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันรำคาญ จะร้องไห้ให้มันได้อะไรขึ้นมา แกจะไปไหนก็ไป”
“คุณพ่อ”
“ทำไมฉันถึงมีลูกสาวโง่แบบนี้ ไปทำงานวันแรกก็โดนไล่ออก มันเรียนจบมาได้ยังไงกัน ดีนะที่ฉันยังมีลูกสาวอีกคน ไม่อย่างนั้นฉันคงเป็นบ้าไปแล้ว”
“คุณพ่อคะ...น้ำว่าปล่อยพี่ลูกแก้วไปเถอะค่ะ ในเมื่อปีกกล้าขาแข็งหนีออกไปจากบ้านแบบนั้น แล้วคุณพ่อจะไปสนใจทำไมคะ มีแค่น้ำคนเดียวก็พอแล้ว อีกอย่างถึงพี่ลูกแก้วอยู่เขาก็ไม่สามารถช่วยงานที่บริษัทได้หรอกค่ะ”
การที่พี่สาวไม่อยู่ที่นี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับเธอ หากไม่มีพี่สาวคนนี้เสียคน ทุกอย่างของศิริไพบูรณ์จะเป็นของเธอเพียงคนเดียว พิมพ์นารารู้สึกดีใจไม่น้อยที่พี่สาวออกไปจากบ้าน เพราะเธอไม่ต้องคอยระวังว่าพี่สาวคนนี้จะไปรายงานเรื่องความประพฤติของเธอกับบิดา เธอเกลียดที่หญิงสาวคอยบ่นโน่นบ่นนี่ใส่เธอตลอด
“แล้วน้ำรู้ไหมว่าพี่เขาไปอยู่ที่ไหน”
“น้ำไม่รู้หรอกค่ะ คุณพ่อก็รู้ว่าน้ำต้องทำงาน ไม่มีเวลามาวุ่นวายกับคนไม่มีงานทำหรอกค่ะ”
พิมพ์นาราตอบกลับด้วยน้ำเสียงแข็งๆ เริ่มไม่พอใจบิดาขึ้นมา เมื่อก่อนไม่เคยถามถึงลูกสาวคนโตเลย พอเธอออกจากบ้านแค่นั้นแหละ กลับมาเป็นห่วงเป็นใย
“ช่างเถอะ! แล้วนี่น้ำจะไปไหนน่ะ มันมืดแล้วนะ” ท่านเอ่ยถามลูกสาวคนเล็กด้วยความสงสัย แถมเสื้อผ้าที่ลูกสาวท่านใส่อยู่อีก ทำไมมันถึงได้สั้นจู๋แบบนั้น “ทำไมน้ำใส่เสื้อผ้าแบบนี้ล่ะลูก พ่อว่ามันโป๊ไปนะ”
“ไม่เห็นจะโป๊ตรงไหนเลยค่ะคุณพ่อ น้ำว่ามันดูสวยดีออก คุณพ่อดูสิคะว่าเหมาะกับน้ำขนาดไหน”
“แต่พ่อว่ามัน...”
“น้ำโตแล้วนะคะคุณพ่อ คนอื่นเขาก็ใส่กันยังไม่เห็นเป็นไรเลย แล้วทำไมน้ำจะใส่บ้างไม่ได้ น้ำไม่คุยกับคุณพ่อแล้วค่ะ น้ำไปนะคะเดี๋ยวเพื่อนจะรอ”
คุณพิชัยได้แต่นั่งมองลูกสาวคนเล็กเดินออกไปจากห้องรับแขกอย่างหนักใจ วันนี้ท่านรู้ว่าลูกสาวคนโตหนีออกไปจากบ้าน และลูกสาวคนเล็กก็เปลี่ยนไปจนท่านแทบจะรับไม่ทัน ท่านได้แต่สงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของท่าน
ท่านผิดมากใช่ไหมที่ไม่เคยเหลียวกลับมามองลูกสาวคนโต นับตั้งแต่ภรรยาของท่านเสียชีวิตลงเมื่อหลายปีที่แล้ว เพราะขับรถไปรับลูกสาวคนโตที่โรงเรียนสอนพิเศษ การตายของภรรยาท่านในครั้งนั้นท่านโทษว่าเป็นความผิดของลูกสาวคนโต ทั้งที่ความจริงแล้วมันเป็นเพราะตัวท่านเองมากกว่า
หากวันนั้นท่านตัดสินใจขับรถไปรับลูกสาวคนโตกลับมาพร้อมกับท่านและพิมพ์นารา เหตุการณ์ในครั้งนั้นคงจะไม่เกิดขึ้น แต่ที่ทำให้ท่านเจ็บปวดและเสียใจไปมากกว่านั้น เมื่อรู้ความจริงจากปากของภรรยาว่าก่อนที่เธอจะมาแต่งงานกับท่านเธอเคยมีความสัมพันธ์กับคนรักเก่ามาก่อน
นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้ท่านไม่แน่ใจว่าพณิตพิชาคือเลือดเนื้อเชื้อไขของท่านจริงหรือเปล่า หากท่านพาลูกสาวคนนี้ไปตรวจเลือดก็กลัวว่าผลการตรวจนั้นจะทำให้ท่านและลูกสาวมองหน้ากันไม่ติด ท่านถึงได้ปล่อยให้ความลับนั้นตายไปพร้อมกับภรรยา
////////
สองเดือนต่อมา...
“แกคิดยังไงวะไอ้ใหญ่ วันนี้ถึงได้ชวนฉันมาเที่ยวที่แบบนี้” ชายหนุ่มตะโกนถามเพื่อนด้วยความแปลกใจ ไม่บ่อยนักที่เพื่อนคนนี้ของเขาจะมาเที่ยวสถานที่แบบนี้
“ฉันแค่มาดูอะไรนิดหน่อย”
เจ้าของเสียงห้าวก้มลงมาพูดแต่เหมือนกับเขาต้องตะโกนนั่นแหละ เพราะที่พวกเขามานั่งกันอยู่นี้คือสถานบันเทิงดัง แหล่งท่องเที่ยวของพวกท่องราตรี กลางวันทำงาน กลางคืนก็มาหาความสุขความบันเทิงที่นี่
“แต่ฉันว่าวันนี้แกแปลกไปนะโว้ย มีปัญหาอะไรหรือเปล่าวะ มีอะไรให้ฉันช่วยก็บอกได้นะ” อัคนีได้แต่สงสัย ยกแก้วเหล้าขึ้นมาจิบ ก่อนจะหันไปมองสาวสวยที่เดินนวยนาดเข้ามาภายในผับ
“ลูกสาวของคุณพิชัยมาเที่ยวอีกแล้วหรือวะคืนนี้” อัคนีพูดขึ้นโดยไม่ทันได้หันมามองสีหน้าของเพื่อน ที่ตกใจกับชื่อที่เขาเอ่ยออกมา
“ไอ้อัคนี เมื่อกี้แกพูดอะไรฉันได้ยินไม่ชัด”
พิชิตพงศ์ถามซ้ำเพื่อความแน่ใจ หากเขาได้ยินไม่ผิดเมื่อกี้เพื่อนเขาบอกว่าลูกสาวของนายพิชัยมาเที่ยวที่นี่บ่อย มันหมายความว่าไง ในเมื่อลูกสาวของนายพิชัยที่เขารู้จักนิสัยเรียบร้อยนี่นา
“ก็ลูกสาวของคุณพิชัยเขามาเที่ยวที่นี่บ่อย จนเป็นขาประจำไปแล้ว”
“เหรอ?”
ชายหนุ่มถามออกไปด้วยสีหน้าสงสัยระคนแปลกใจ เขาเริ่มสงสัยในพฤติกรรมของคนรักน้องชายขึ้นมา ทุกครั้งที่เขาเจอดูเธอก็เรียบร้อย น่ารักดี แล้วทำไมคืนนี้ถึงได้ดูเปรี้ยวจี๊ดซะขนาดนั้น น้องชายเขารู้บ้างหรือเปล่าว่าแฟนตัวเองมาทำตัวแบบนี้
“ที่สำคัญลูกสาวของคุณพิชัยคนนี้เด็ดว่ะ เพื่อนฉันหิ้วไปนอนมาแล้ว”
“แกพูดเล่นใช่ไหมไอ้อัคนี”
“ฉันพูดจริง ที่นี่เขารู้กันทั้งนั้นแหละว่าเธอนะง่ายแค่ไหน ฉันคนหนึ่งล่ะขอบาย ไม่อยากติดเอดส์ตาย ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าคุณพิชัยเลี้ยงลูกสาวยังไงถึงได้มั่ว ส่ำส่อนขนาดนี้”
“แกแน่ใจได้ยังไงว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกสาวของคุณพิชัย”
“ไอ้ใหญ่นามสกุลศิริไพบูรณ์มันเป็นของคุณพิชัยใช่ไหม” อัคนีเอียงตัวมามองเพื่อนอย่างต้องการคำตอบ
“ใช่!”
“แค่นี้ก็รู้แล้วว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกใคร ฉันว่านายอย่าไปสนใจผู้หญิงคนนั้นเลย ว่าแต่ช่วงนี้งานที่บริษัทเป็นไงบ้างวะ เห็นน้องชายนายเข้าไปช่วยในบริษัทแล้วนี่นา แกนี่โชคดีเป็นบ้าเลย น้องชายเรียนจบก็เข้ามาช่วยบริหารงานที่บริษัททันที”
“อัคนี ฉันรู้สึกปวดหัว คืนนี้ฉันขอกลับบ้านก่อน”
พิชิตพงศ์บอกลาเพื่อนเอาดื้อๆ ก่อนเดินออกมาจากผับด้วยความกังวล หากเป็นอย่างที่เพื่อนเขาพูดจริง งานนี้น้องชายเขาก็เสียใจน่าดูที่แฟนสาวทำตัวแบบนี้ เห็นทีเขาคงต้องจัดการเคลียร์ปัญหานี่เสียแล้ว ก่อนที่ทุกอย่างจะสายจนเกินแก้
//////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...