งานแต่งที่ควรสวยงามเละเทะไม่มีชิ้นดี
ทันทีที่ฝ่ามือเรียวฟาดลงบนใบหน้าหวาน หญิงสาวก็แค่นยิ้มสมเพชก่อนตีหน้าเรียบเฉย ใบหน้าสวยที่ถูกตกแต่งด้วยเครื่องสำอางเลอค่า ถูกฟาดซ้ำจนเกิดเป็นรอยนิ้วทั้งห้า
“แกลอยหน้าลอยตาเหมือนว่าเขาเป็นของตัวเองได้ยังไง เต้เป็นของฉันนะอีบ้า!”
“พี่ณินเมามากแล้วนะคะ”
“ร่านเหมือน...”
“พอได้แล้วยัยณิน!” ผู้เป็นแม่เรียกลูกสาวเสียงดัง พลางเดินปรี่เข้ามากระชากร่างผอมบางให้ถอยหลังไป ณิชาสบตากับผู้หญิงอีกคนที่ยืนมองเธออยู่ไกล ๆ นัยน์ตามารดาของเธอคลอไปด้วยน้ำตา แม้กระทั่งเห็นเธอโดนตบก็ทำได้เพียงโศกเศร้า
แค่เป็นลูกเมียน้อยก็โดนลดคุณค่าถึงเพียงนี้
“ฉันผิดอะไร ทำไมแก...ต้องทำแบบนี้กับฉันด้วย!!!” ญาณินกรีดร้องออกมา เสียงร้องนั้นบาดใจผู้เป็นแม่นัก ได้แต่เข่นเขี้ยวณิชาอยู่ในใจ
“เต้คะ!”
“พายัยณินไปพักก่อนเถอะ” เจ้าสัวบุญชัยขมวดคิ้วมุ่นก่อนออกคำสั่งน้ำเสียงเรียบ
ยังไงตันติวากับเทียรศัตวนนท์ก็รู้เช่นเห็นชาติกันมานาน พวกเขามองเห็นเพียงเงินเท่านั้น ใครจะนิสัยอย่างไรเละเทะแค่ไหน ตราบเท่าที่ดูดเงินเข้าสู่ตระกูลได้ไม่มีอะไรให้ต้องเขินอาย
“กลับบ้านไปยัยณิน”
“คุณพ่อ...” ใบหน้าหวานบิดเบี้ยว มองเตวิชญ์ด้วยดวงตากลมโตคล้ายกับขอความเห็นใจ หากแต่อีกฝ่ายกลับเบือนหน้าหนี
“ถึงป้าจะไม่ใช่แม่หนูแต่ขออวยพรหน่อยนะ”
“ค่ะคุณป้า”
ณิชาพยักหน้ารับเมื่อฝ่ามือของหญิงวัยกลางคนเอื้อมมาจับที่ไหล่ ก่อนจะดึงเธอเข้าหาตัว
“ขอให้...แกทุกข์ทรมานใจ จนอยากจะฆ่าตัวตาย วันละร้อยรอบพันรอบ เหมือนที่แม่แกทำกับฉัน...เลยนะหนูณิชา” ประโยคเอ่ยกระซิบเสียงเย็นข้างหู ทิ้งไว้เพียงความชาหนึบให้คนฟัง
ณิชายิ้มรับพลางกำมือแน่น
“ขอบคุณค่ะคุณป้า”
หญิงสาวตอบรับสายตาเกลียดชัง ด้วยน้ำเสียงสดใสเช่นเดียวกับรอยยิ้ม เมื่อเห็นผู้ใหญ่ของทางเตวิชญ์เดินตามมาไม่ไกลนัก พร้อมกับเจ้าบ่าวหมาด ๆ ที่เมามายจนแทบยืนไม่อยู่ ตั้งแต่เริ่มงานยันส่งตัวเข้าหอ เตวิชญ์ไม่หยุดดื่มไวน์แม้แต่เสี้ยววิเดียว
สองแขนเขาพาดอยู่บนไหล่ของอคินและภูดิษ นัยน์ตาคมกริบของชายหนุ่มปราดมองที่ใบหน้าเธอ ก่อนจะขมวดคิ้วสายตาบ่งบอกว่ากำลังด่าเธอว่าหน้าโง่
“เฮอะ!”
เขาคงไม่รู้สึกอะไรไปมากกว่าสมเพชเธอ เพราะคนที่ตัวเองรักคือญาณินไม่ใช่เธอ
แต่ณิชาเองก็ไม่ได้สนใจ
หญิงสาวก้มหน้าต่ำคล้ายพยายามซ่อนรอยช้ำ เรียวปากเม้มแน่นพร้อมทั้งเครื่องผมหลุดลุ่ย ไม่เหลือเค้าเจ้าสาวที่สวยที่สุดในงานสักนิด ชุดราตรีฟูฟ่องถูกหยดน้ำตาพรมลงทีละเม็ด หากแต่ไม่มีใครสนใจน้ำตานั้นสักนิด
แม้กระทั่งผู้เป็นพ่อยังเลือกมองผ่านไป
ได้ดองกับเทียรศัตวนนท์ไม่ว่าอะไรก็ดีทั้งนั้น งานหมั้นที่จะจัดเทียบไม่ติดกับงานแต่งนี้สักนิด สินสอดกับของหมั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว พ่อเธอเลยรีบตะครุบอย่างไม่ลังเล ทั้งที่รวยขนาดนั้นยังเลือกขายลูกสาวทิ้งอย่างไม่ไยดี ทิ้งความชอกช้ำให้กับลูกสาวที่ตัวเองไม่เคยสนใจ
“รีบ ๆ ส่งตัวเข้าหอแล้วแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนเถอะ” เจ้าสัวบารมีเอ่ยขึ้นพร้อมกระทุ้งไม้เท้าลงพื้นทีหนึ่ง
“หึ งั้นก็รีบกลับไปสิครับ ส่งตัวอะไรไม่ต้องยุ่งยากหรอก พวกมึงปล่อยกูดิ๊”
“มึงนี่นะ” อคินถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
มองบรรยากาศงานรื่นเริงที่ดูไม่รื่นรมย์สักนิด หน้าตาไม่จำเป็นสำหรับพวกเขาสักเท่าไหร่ จึงปล่อยให้เจ้าบ่าวเมาเหมือนหมา ส่วนเจ้าสาวยืนหน้าเศร้าฝืนยิ้มรับแขกจนจบงาน
เตวิชญ์ครองตัวเป็นโสดมาจนอายุขนาดนี้ เพื่อน ๆ ต่างคิดว่ามันจะแต่งงานแบบยิ่งใหญ่ ให้สมกับที่รอคอย ใครจะคิดว่างานแต่งจะกลายเป็นโต๊ะเจรจาธุรกิจไปซะได้
“ขอบใจที่ช่วยดูเต้ให้นะครับคิน ภูด้วยนะ”
“ครับ” ภูดิษตอบกลับตุลยวัตรหน้านิ่ง แล้วยกมือไหว้ผู้ใหญ่ที่ยืนอยู่ พลางหันไปพยักหน้ากับอคินก่อนจะรีบเดินออกไป
“กูแม่งไม่รู้จะสงสารไอ้เต้หรือสงสารเจ้าสาวดีว่ะ” อคินหัวเราะในลำคอด้วยสีหน้ายุ่งยาก
“ชีวิตมันก็ต้องมีสีสันกันหน่อย”
“เหมือนมึงที่แย่งเมียพ่อ มึง?”
เสียงสนุกสนานจบลงด้วยนิ้วกลางของภูดิษ ก่อนจะตามด้วยใบหน้ายิ้มแย้มที่พูดเพียงไม่กี่คำก็หยุดเสียงหัวเราะของอคินได้สนิท “มึงก็แย่งเมียเพื่อน นี่ ส่วนมัน...”
“เวร! ฮ่า ๆ ๆ ๆ” คุณพ่อลูกสามทั้งสองประสานเสียงก่อนระเบิดหัวเราะ พากันกอดคอเร่งฝีเท้า ปล่อยให้หน้าที่เผชิญชะตากรรมเป็นของเพื่อนรัก พวกเขาหมั่นไส้หนุ่มโสดอย่างเตวิชญ์ที่ลอยไปลอยมา หัวเราะเยาะพวกเขาตอนมีปัญหา ถ้าไอ้เพื่อนรักมันมีเวรมีกรรมบ้างก็น่าสนุกดี
เตวิชญ์ที่สะบัดตัวหลุดเดินปรี่เข้ามาหาเจ้าสาวในทันที ใบหน้าหวานที่เอ่อด้วยคราบน้ำตากลายเป็นตื่นตระหนก เธอก้าวถอยหลังเพียงครึ่งก้าวก็ถูกรวบเอวกระชากเข้าหาคนเมา กลิ่นเหล้าคละคลุ้งติดปลายจมูกเมื่อเข้ามาชิด ก่อนจะลากเธอเข้าห้องไม่ฟังเสียงทัดทาน
“คุณเต้!”
“งานเอาหน้าจบแล้วครับ ใครจะไสหัวไปไหนก็เชิญ”
“ไอ้เต้แกนี่มัน...”
เสียงเจ้าสัวบารมีผู้เป็นพ่อเงียบลงพร้อมกับเสียงประตูที่กระแทกดังสนั่น