ชีวิตของเธอหากให้เล่าคงดูคล้ายนิยายน้ำเน่าเรื่องหนึ่ง แรกเริ่มเดิมทีเธอเกิดที่จังหวัดชลบุรี โดยมีชีวิตวัยเด็กก็ธรรมดาเหมือนเด็กคนอื่นๆ แต่โชคดีที่เธอมีพ่อและแม่ครบ ทั้งสองคนเลี้ยงดูเธอเป็นอย่างดีจนเธอไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตจะขาดความอบอุ่นกระทั่งวันนั้นที่ว่ามาถึง วันที่พ่อของเธอขับรถออกไปทำงานพร้อมกับแม่ วันที่เธอเพิ่งจะฉลองวันเกิดครบแปดขวบไปหมาดๆ แถมยังได้ของขวัญวันเกิดเป็นตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ ที่เคยบอกว่าอยากได้อยู่บ่อยๆ
และมันยังเป็นวันที่พวกท่านไม่กลับมาอีกเลย
พ่อและแม่ของเธอประสบอุบัติเหตุรถยนต์เสียชีวิตทั้งคู่ วันนั้นเองที่ชีวิตของเธอเดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ เธอถูกส่งตัวไปอยู่กับน้าชายที่ไม่เคยรู้เลยว่ามีอยู่บนโลกที่จังหวัดเชียงราย บ้านของน้าเป็นบ้านเดี่ยวหลังเล็กๆ ที่อยู่ข้างๆ ฟาร์มโคนมขนาดใหญ่ ที่นั่นเองที่เธอมีโอกาสได้พบกับ วาคิม ลูกชายเจ้าของฟาร์มที่มักจะแอบเอาขนมมาให้กันที่ข้างรั้วบ้านอยู่บ่อยๆ ความสนิทสนมระหว่างเธอและเขาเกิดขึ้นมาตลอดจนกระทั่งเธออายุครบสิบแปดเขาก็ขอเธอคบในฐานะแฟนสาว แม้ว่าใครๆ จะพูดถึงความไม่เหมาะสมแต่เขาก็ไม่เคยสนใจมัน เขารักเธอที่เธอเป็นเธอ และเธอเองก็รักเขามากเช่นกัน รักชนิดที่ว่าทั้งชีวิตก็สามารถให้เขาได้ จนวันหนึ่งเธอถึงได้รู้ว่าแค่ความรักอย่างเดียวมันคงไม่มากพอจะทำให้เธอใช้ชีวิตอยู่เคียงข้างกับเขาได้
มันต้องมีความเหมาะสมอยู่ภายในความรักที่ว่านั้นด้วย…
ความเหมาะสมที่เธอไม่มีวันมี ไหนจะน้าชายของเธอที่มักจะเอาเรื่องเงินไปรบกวนเขาอยู่บ่อยๆ จนในที่สุดวันที่แม่ของเขาเดินทางมาพบเธอด้วยตัวเองที่บ้าน วันนั้นเองที่ทำให้เธอต้องตัดสินใจว่าจะเดินไปกับเขา หรือควรพาตัวเองออกจากชีวิตของเขาดี
‘ฉันไม่ได้รังเกียจหนูหรอกนะหนูดวง แต่ในฐานะแม่ฉันเองก็อยากจะเห็นลูกชายคนเดียวของฉันได้คู่ครองที่สมฐานะมากกว่า หนูคงไม่โกรธหากฉันจะขอพูดตรงๆ ว่าตอนนี้ชีวิตของวาคิมดีทุกอย่างยกเว้นเรื่องความรัก…หนูกับลูกชายของฉันยังเด็กมาก คงไม่เข้าใจว่าชีวิตคู่มันใช้แค่ความรักอย่างเดียวคงไม่พอ มันต้องมีเรื่องฐานะ หน้าตาทางสังคมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ถือเสียว่าเห็นแก่ฉันเถอะ อย่าทำให้ชีวิตของเขาต้องมัวหมองไปมากกว่านี้อีกเลยนะ ’
ทุกถ้อยคำของคุณหญิงวดียังคงฝังลึกอยู่ภายในใจ มันทำให้เธอเริ่มย้อนมองดูตัวเองว่าเป็นใคร แล้วมีอะไรบ้างที่เหมาะสมกับฐานะคนรักของวาคิม ซึ่งไม่ว่าจะพยายามมองหาแค่ไหนสุดท้ายก็ได้คำตอบให้ตัวเองว่าไม่มีเธอไม่มีอะไรที่คู่ควรกับเขาเลยสักอย่างเดียว
ไม่มีเลย…
และเพื่อเป็นการตัดปัญหาทุกอย่าง เพื่อมาให้น้าชายของเธอเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับเขาอีกเธอจึงเลือกบอกเลิกกับเขาในวันที่เรียนจบมอหกก่อนจะพาตัวเองหนีออกมาจากบ้าน วันนั้นเองที่เธอได้รู้จักมะลิเพื่อนรักที่สถานีรถ อีกฝ่ายเมื่อรู้ถึงปัญหาจึงชวนให้เธอเข้ากรุงเทพด้วยกันเพื่อหางานทำ ซึ่งเธอก็ตอบตกลงแทบจะทันทีเพราะไม่รู้ว่าจะไปไหน จนถึงตอนนี้เวลามันก็ผ่านมากว่าห้าปีแล้วที่เธอวิ่งหนีปัญหา และไม่เคยคิดที่จะพาตัวเองกลับไปหามันอีกเลย…
“นังดวง! เอ็งฟังข้าอยู่รึเปล่า!” ดวงตะวันได้สติขึ้นเมื่อได้ยินเสียงน้าชายตวาดถาม หญิงสาวสะบัดความคิดที่ไม่ว่าจะพยายามไม่คิดถึงมันแค่ไหนก็ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่ความตั้งใจของเธอจะได้ผล
“ครั้งนี้เท่าไหร่คะ...” เธอถามเสียงอ่อน แม้ใจจริงจะไม่อยากรับรู้ปัญหาของน้าชาย แต่ก็ไม่อาจทดทิ้งอีกฝ่ายได้เพราะคำว่าบุญคุณมันค้ำคออยู่ แม้ว่าน้าธนาจะไม่ได้ให้ความรักกับเธออย่างที่เขาควรทำ แต่อย่างน้อยเขาก็ยังให้ข้าวให้น้ำ ให้ที่พักพิงมาหลายปี
“สามล้าน!”
“น้าจะบ้ารึเปล่า! เงินตั้งสามล้านนะน้าธนา!! แล้วดวงจะไปหาเงินมากมายขนาดนั้นมาจากที่ไหน ทำไมน้าถึงได้ทำแบบนี้…”
ดวงตะวันตวาดลั่น น้ำตาของความอดสูไหลรินยามเมื่อได้ยินจำนวนหนี้สินของน้าชายเข้า เพราะไม่คิดว่ามันจะมากมายขนาดนี้ อย่าว่าแต่สามล้านเลย สามหมื่นยังยากเกินไปที่เธอจะหามาได้เพราะว่าลำพังงานที่ทำเงินเดือนก็ไม่ได้มากมายเพราะเธอเรียนจบแต่มอหก สมัยนี้งานดีๆ เงินเยอะๆ ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ ตามท้องถนน ชีวิตของเธอลำบากแค่ไหนมีใครรู้บ้าง แล้วอย่างนี้จะให้ทำอย่างไร!!
“ฉันตั้งใจที่ไหนวะ ก็คนมันพลาดไปแล้วแกจะให้ฉันทำยังไง…ช่วยน้าอีกสักครั้งเถอะนะดวง ถ้าแกไม่ช่วยน้าตายแน่ๆ” ธนายังคงพยายามเกลี่ยกล่อมหลานสาวก่อนบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าเจ้าหนี้ของเขาเป็นใคร เขาจำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายก่อน
“แล้วดวงจะช่วยยังไง เงินตั้งมากมายขนาดนั้นดวงไม่มีหรอกนะน้า ลำพังเท่าที่ส่งไปให้น้าดวงก็แทบไม่เหลือแล้ว” ดวงตะวันตอบไปตามความจริง ความเครียดที่เกิดขึ้นทำให้เธอปวดหัว มองไม่เห็นเลยว่าจะหาทางใดช่วยน้าให้ผ่านพ้นเรื่องบ้าๆพวกนี้ไปได้
“เจ้าหนี้ของฉันเขาอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้ถ้าแกกลับมาคุย…”
“ใครคะ…”
“คุณวาคิม แกจำเขาได้ไหม เขาบอกว่าถ้าภายในเจ็ดวันแกไม่ยอมกลับมาคุยกับเขาเขาจะให้คนมาลากฉันเข้าคุก! แกต้องช่วยน้านะดวง อย่าลืมสิว่าฉันเลี้ยงแกมา แกจะทิ้งฉันแล้วเอาตัวรอดไม่ได้นะนังดวง!” เหมือนกับโลกทั้งใบของดวงตะวันกำลังดับแสงเมื่อได้ยินชื่อเจ้าหนี้ของน้าชายชัดๆ จากอีกคนที่ทวงบุญคุณกันมาเป็นชุดใหญ่จนเธอเริ่มทนฟังไม่ไหวต้องรีบตัดสายพร้อมปิดเครื่องหนีความจริงที่ไม่อยากรับรู้ แต่ตอนนี้จะทำอะไรได้ในเมื่อทุกอย่างมันยังดังอยู่ในหัวไปหมด และไม่มีทีท่าว่าจะหายไปง่ายๆ อีกด้วย…
ดวงตะวันยังคงคิดไม่ตกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและต้องตัดสินใจ เธอกลัว…กลัวการกลับไปที่นั่น กลัวภาพอดีตในวันวานที่แม้จะพาตัวเองหนีมาไกลถึงที่นี่มันก็ยังตามหลอกหลอนกันไม่รู้จบ กลัวที่ต้องเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง คนที่ครั้งหนึ่งเคยกอดเธอเอาไว้ ขอร้องไม่ให้เลิกกัน แต่เธอกลับทิ้งเขามาอย่างเลือดเย็นพร้อมคำบอกเล่าที่พูดเองเธอยังเจ็บ แล้วคนฟังอย่างเขาเล่าจะรู้สึกอย่างไรเมื่อได้ยินมัน
“ดวงไม่ชอบที่นี่! ไม่อยากเป็นนายหญิงบ้าบออะไรในฟาร์มบ้าๆ นี่ทั้งนั้น พี่คิมเลิกยุ่งกับดวงสักที! รู้ไหมว่าตัวพี่มันเหม็นสาบวัวสาบควายแค่ไหน แต่คิดว่าต้องทนอยู่กับกลิ่นบ้าๆ นี่ไปทั้งชีวิตดวงก็แทบบ้าแล้ว!” นั่นคือคำพูดที่เธอไม่เคยรู้สึกเกลียดตัวเองเท่านั้นมาก่อนเมื่อต้องพูดมันออกไปทั้งๆ ที่ความจริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้นเลย
เธอชอบทุกอย่างที่มันเกี่ยวข้องกับตัวเขา รักทุกๆ อย่างที่นั่นและอยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ดูแลมันไปด้วยกันเหมือนที่เคยได้ให้สัญญากันเอาไว้ จนเมื่อถึงจุดๆ หนึ่งที่ถูกตอกย้ำให้รู้ว่าตนเองคือจุดด้อยที่มันจะทำให้ชีวิตของวาคิมต้องมัวหมอง เขาอาจจะถูกผู้คนหัวเราะเยาะเอาได้หากเลือกผู้หญิงที่มีแค่ตัวอย่างเธอเป็นคู่ชีวิต สุดท้ายแล้วการทำร้ายจิตใจเขามากๆ เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องเหนี่ยวรั้ง ไม่ต้องตามหากัน หากเป็นไปได้ก็อยากให้เขาลืมเธอไปเลยยิ่งดี
เธอทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ทำมันอย่างเลือดเย็นแม้จะรู้ว่าผลของการกระทำของตัวเองในครั้งนั้นมันจะทำให้อีกคนเจ็บปวดเจียนตายแค่ไหนเธอก็ยังทำลงไปเพราะอยากให้เขาได้เจอสิ่งที่ดีกว่า
ดีกว่าที่เธอมี…และจะมีให้กับเขาได้
“ดวง…คิดเรื่องน้าอยู่เหรอ” มะลิที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำเอ่ยถามเพื่อนรักที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตลอดห้าปีเต็มด้วยความเป็นห่วง เธอมีโอกาสได้รู้ถึงปัญหาของเพื่อนรักเพราะอีกฝ่ายเปิดใจเล่าให้ฟังในช่วงปีที่สองหลังจากตัดสินใจอยู่ร่วมกันมา ยิ่งได้ฟังก็ยิ่งรู้สึกสงสารเพื่อนจับใจ ที่ชีวิตต้องเจอกับเรื่องร้ายๆ ไม่สิ้นสุด
ต่างกับชีวิตของเธอที่แม้จะลำบากแต่ก็ไม่ได้ต้องเจอะเจอกับปัญหามากมายเพราะเธอเหลือตัวคนเดียว ยายที่เป็นครอบครัวคนเดียวที่เหลืออยู่ก็เพิ่งมาเสียไปเมื่อสามปีก่อนตอนที่เธอตัดสินใจจากบ้านมาทำงานที่กรุงเทพเพื่อหวังว่าจะมีเงินมากพอส่งไปให้ยายผ่าตัดมะเร็ง แต่ก็เหมือนความคิดนั้นมันผิดพลาดและมันก็สายเกินที่จะยื้อชีวิตยายเอาไว้ แน่นอนว่าช่วงนั้นเธอเอาแต่โทษตัวเองว่าพยายามไม่มากพอ ดีหน่อยที่ได้เพื่อนรักอย่างดวงตะวันคอยปลอบและให้กำลังใจอยู่ใกล้ๆ เธอถึงได้พาตัวเองผ่านจุดที่แย่ที่สุดของชีวิตมาจนถึงวันนี้ได้