เรือนไทยของยายเฉลาลักษณ์ ถูกเนรมิตให้เป็นสถานที่สำหรับจัดงานแต่ง แขกเหรื่อในงานถูกเชิญมาเฉพาะเครือญาติกันเท่านั้น นิภาอยู่ในชุดไทยโบราณผ้าตัดเย็บอย่างดี เป็นสไบสีทองเฉียงข้าง ด้านในเป็นผ้าสไบสีชมพูอ่อน เกล้าผมไว้ด้านหลังประดับด้วยพวงมาลัยดอกมะลิ แลดูงดงามดั่งนางวรรณคดีโบราณ
“ภาสวยมากลูก ยายได้เห็นงานแต่งของภากับดลแค่นี้ ยายก็คงนอนตายตาหลับแล้ว” ยายเฉลาลักษณ์เอ่ยขึ้น หลังจากสวมเครื่องประดับทองคำแท้ทั้งหมด บนตัวของนิภาเรียบร้อยแล้ว
“อย่าพูดแบบนี้สิคะคุณยาย ภาต้องขอบคุณคุณยายที่เก็บภามาเลี้ยงดูเป็นอย่างดี คุณยายคือคนที่สำคัญที่สุด ในชีวิตของภานะคะ” เจ้าสาวคนงามส่งรอยยิ้มแสนหวานให้ผู้เป็นยาย
“เอาล่ะ แขกเหรื่อก็มากันเยอะแล้ว ได้เวลาออกไปรับแขกแล้วล่ะภา วานไปตามเจ้าบ่าวมาหน่อยนะจ๊ะ” ยายเฉลาลักษณ์หันไปบอกช่างแต่งหน้าทำผม ที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“ค่ะคุณยาย” ช่างแต่งหน้าวัยกลางคน รีบเดินออกไปตามเจ้าบ่าวตามที่หญิงชราบอก
คู่บ่าวสาวในชุดไทยโบราณด้วยกันทั้งคู่ ได้ฤกษ์ออกมาต้อนรับแขกเหรื่อในงาน ทุกคนต่างชื่นชมในความงดงามของเจ้าสาว และความเหมาะสมของทั้งคู่ โดยหารู้ไม่ว่าต่างฝ่ายต่างไม่ได้เต็มใจในการแต่งงานครั้งนี้เลย สักพักหนึ่งพิธีตักบาตรช่วงเช้าก็เริ่มขึ้น ตามด้วยพิธีรดน้ำสังข์คู่บ่าวสาว
“มดไม่คิดเลยนะคะ ว่าเด็กสองคนนี่จะมาแต่งงานกันได้ คุณแม่คิดดีแล้วเหรอคะ มดว่ามันจะไปไม่รอดกันนะคุณแม่” นางเมธาวีบุตรสาวคนโตของยายเฉลาลักษณ์ มองเห็นแต่ปัญหาของการแต่งงานครั้งนี้
“ก็เพราะแกนั่นแหละยัยมด ไม่ยอมให้ตาภูมิใช้นามสกุลแม่ แม่เลยลำบากหาคนสืบสกุลอยู่นี่” หญิงชราไม่ปริปาก เรื่องที่ต้องยกมรดกครึ่งหนึ่ง ให้ดลธีเป็นข้อแลกเปลี่ยน เพราะเดี๋ยวเรื่องมันจะบานปลายไปมากกว่านี้
“ก็มดแต่งงานกับคุณนุแล้วนี่คะคุณแม่ ทางคุณนุก็ไม่มีคนสืบสกุลเหมือนกัน ตาภูมินี่คือความหวังเดียวของทางนี้เหมือนกันนะคะ”
“ใจเย็น ๆ ครับคุณยายคุณแม่ นี่มันงานมงคลนะครับจะมาทะเลาะกันทำไม” ธาวิศมองมารดาสลับกับผู้เป็นยายแล้วยิ้มนิด ๆ ให้ทั้งคู่ ก่อนจะหันไปมองบิดาด้านข้างแล้วนิ่วหน้าใส่ท่าน
“ต้องโทษคุณพ่อนะครับนี่”
“อ้าว ตาภูมิจู่ ๆ จะมาโทษพ่อเรื่องอะไรกัน” คนเป็นพ่อก็แทบจะสำลักเครื่องดื่มที่ถืออยู่
“ก็คุณพ่อไม่ขยันทำลูกนี่ครับ พวกเราเลยต้องมาเดือดร้อนแบ่งคนสืบสกุลกันแบบนี้ไง”
“ไอ้ลูกเลว” นายอนุสรณ์ชี้นิ้วใส่หน้าลูกชายแบบทีเล่นทีจริง ทำให้ทุกคนพลอยขำสองพ่อลูกตามไปด้วย
“แต่เราก็รู้ ๆ กันอยู่นะคะเรื่องที่ตาดลเป็นเอ่อ อย่างว่า” นางเมธาวียังไม่เลิกคิดเรื่องนี้
“คุณแม่ครับยังไงก็ผู้ชายนะครับ ยิ่งน้องภาสวย ๆ แบบนั้นด้วย ผมว่าไม่รอดแน่ ๆ ครับ ไอ้ดลเสร็จน้องภาแน่นอน” ธาวิศพูดติดตลก เพราะเห็นทั้งคู่มาตั้งแต่เล็ก คิดไม่ถึงว่ายายเฉลาลักษณ์ จะกล้าจับทั้งคู่แต่งงานกันได้ ที่น่าทึ่งไปกว่านั้น ดลธีทำไมถึงยอมทั้งที่ไม่เคยชายตามองผู้หญิงมาก่อน
“จริงอย่างที่ตาภูมิพูดนั่นแหละยัยมด ความสาวความสวยของยัยภา ต้องเตะตาดลบ้างล่ะ แม่ว่าความหวังเรื่องเหลนของแม่คงอยู่ไม่ไกล”
ทั้งหมดต่างหันไปมองคู่บ่าวสาว ที่กำลังนั่งให้แขกเหรื่อรดน้ำสังข์อวยพรกันอยู่ ธาวิศให้ความสนใจเจ้าสาวเป็นพิเศษ ไม่คิดว่ายัยเด็กผอมแห้งในอดีต จะโตขึ้นมาสวยได้ขนาดนี้ แต่ความสวยของผู้หญิงคนไหน ก็ไม่สามารถทำให้เขาไขว้เขวได้ เพราะในใจของเขามีลลิสาอยู่แล้วทั้งคน จึงไม่เหลือสายตาไว้มองใครอีก
“ตาภูมิจะอยู่นี่นานไหมลูก หรือว่ามาเฉพาะงานแต่งวันนี้เท่านั้น” ยายเฉลาลักษณ์หันมาถามธาวิศบ้าง
“ไม่นานครับคุณยาย ผมกลับมาสี่ห้าวันเองครับ มีงานค้างอยู่ที่กรุงเทพฯ ต้องรีบกลับไปทำ”
“งานค้างหรือคิดถึงหนูลิลกันแน่ตาภูมิ” คนเป็นแม่เย้าขึ้นกลางวง
“คุณแม่ก็รู้ทันผมอีกแล้ว” ชายหนุ่มหันไปยิ้มเขิน ๆ กับมารดา ซึ่งท่านก็เอาแต่ส่ายหน้าใส่ แล้วหันไปตักขนมใส่จานให้บิดา
“เมื่อไหร่ยายจะได้เห็นงานแต่งของภูมิบ้าง ไม่รู้ยายจะอยู่ทันได้เห็นหน้าเหลนกับเขาไหม”
“พูดอะไรแบบนั้นครับคุณยาย คุณยายของผมต้องอยู่ไปนาน ๆ ร้อยสองร้อยปีเลยครับ”
“พูดไปนะเราใครจะอยู่ยืนยาวได้ขนาดนั้น”
ธาวิศจับความรู้สึกบางอย่าง ในน้ำเสียงของผู้เป็นยายได้ จึงรีบเอาอกเอาใจท่าน เพื่อให้ท่านสบายใจขึ้นมา ทั้งตักอาหารให้ทั้งชวนคุยสัพเพเหระไปเรื่อย กระทั่งงานแต่งงานได้ถึงเวลา ส่งตัวคู่บ่าวสาวเข้าหอ
คำอวยพรยาวเหยียดของยายเฉลาลักษณ์ และผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งหมด ไม่ได้ทำให้การเข้าหอของทั้งคู่ เป็นไปอย่างที่ใครต่อใครคาดหวัง เพราะเจ้าบ่าวรีบอาบน้ำเปลี่ยนใส่ชุดลำลองในทันที
“พี่ดลจะทำอะไรคะ” นิภาถามด้วยความแปลกใจเมื่อเจ้าบ่าวของเธอกำลังจะหยิบกุญแจรถ
“พี่ก็จะกลับไปคอนโดพี่ไง”
“ได้ไงพี่ดล นี่วันแต่งงานของเรานะ”
“อะไรกันยัยภา นี่คิดจริงหรือว่าพี่จะเอาเราทำเมียจริง ๆ ก็แค่แต่งหลอก ๆ ให้คุณยายสบายใจแค่นั้นแหละ”
“แต่งหลอก ๆ” นิภาย้อนคำพูดของเขา ก่อนจะหายใจโล่งคอขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ต้องเอะใจขึ้นมาอีกเมื่อนึกได้
“พี่ดลนี่หลอกเอามรดกคุณยายครึ่งหนึ่งใช่ไหมคะ ทำไมพี่ดลทำแบบนี้ล่ะ” นิภาเพิ่งนึกออกว่า ทำไมคนอย่างดลธีถึงยอมแต่งงานกับเธอง่ายดายแบบนี้
“ช่วยไม่ได้นี่คุณยายบีบบังคับพี่เอง”
“แต่พี่ดลก็ไม่ควรไปหลอกท่านแบบนั้นนะคะ ขืนคุณยายรู้ความจริงเข้าท่านคงเสียใจแย่ พี่ดลนะพี่ดล ทำไมถึงได้เป็นคนแบบนี้ก็ไม่รู้”
“พอได้แล้วยัยภา เราไม่ใช่เมียพี่จริง ๆ สักหน่อย อย่าริอ่านมาเทศนาพี่เด็ดขาด คนอย่างคุณยายน่ะไม่เสียใจหรอก อย่างมากก็แค่เสียดาย ที่พลาดโอกาสได้เหลน อีกอย่างพี่ก็ไม่มีทางทำใครท้องได้หรอก พี่ไปล่ะ”
“เดี๋ยว ๆ” หญิงสาววิ่งไปดักหน้าเขาไว้ด้วยความตกใจ ที่เห็นเจ้าบ่าว กำลังจะเดินออกจากห้องหอในคืนแรก
“อะไรอีก” ดลธีพูดติดรำคาญ
“พี่ดลพูดเอง ว่าเพื่อความสบายใจของคุณยาย แต่ถ้าพี่ดลไปตอนนี้ คุณยายคงไม่สบายใจแน่ ๆ ค่ะ นอนนี่แหละนะพี่ดล เอาไว้วันหลังค่อยกลับไปนอนคอนโด ขืนพี่ดลไปตอนนี้ คุณยายได้สงสัยเอาแน่”
“ให้พี่นอนกับเรานี่นะ ไม่เอาหรอก เกิดเราหน้ามืดปล้ำพี่ขึ้นมาทำไง” ดลธีทำท่าหวงเนื้อหวงตัวขึ้นมา นิภาเห็นแล้วก็ส่ายหน้าไปมาอย่างเหลืออด
“สบายใจได้ ภาไม่ปล้ำพี่ดลหรอก ทำไม่เป็นค่ะ”
“เออ ให้มันจริงเถอะ ไม่ใช่รับปากคุณยาย ว่าจะมีเหลนให้แล้วลุกขึ้นมาปล้ำพี่ตอนดึกล่ะ”
“ภาไม่ทำแบบนั้นหรอกค่ะ นะพี่ดลนะนอนนี่แหละ เอางี้นะ พี่ดลนอนเตียง เดี๋ยวภานอนพื้นเองดีไหม” นิภาเขย่าแขนของดลธีพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ ทำให้ชายหนุ่มนึกรำคาญใจ จนต้องปัดมือหญิงสาวออก
“ก็ได้ ๆ อย่าลืมว่าเรานอนพื้นนะยัยภา ส่วนพี่นอนเตียง” ดลธีปีนขึ้นเตียงนอน แล้ววิดีโอคอลหาคนรักในทันที เสียงพูดคุยกันหวานหยดย้อย หากทั้งคู่มุดหน้า เข้าไปจูบกันในโทรศัพท์มือถือได้ คงทำไปแล้ว
เจ้าสาวอย่างนิภานึกกลุ้มใจขึ้นมา งานแต่งคราวนี้คงไม่มีทาง ทำให้ยายเฉลาลักษณ์สมหวังได้แน่ คืนแรกของการเข้าหอจึงจบลงที่เจ้าบ่าวนอนบนเตียง ส่วนเจ้าสาวก็นอนตรงพื้น โดยที่ยายเฉลาลักษณ์ ไม่ได้ระแคะระคายในเรื่องนี้เลย นิภาเองก็ไม่คิดจะบอกความจริงให้ท่านต้องเสียใจ
วันรุ่งขึ้นหญิงสาวเลือกที่จะทำตัวให้เป็นปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่พอมาวันที่สอง ดลธีกลับไปอยู่คอนโดมิเนียมของตนเองตามปกติ ปล่อยให้นิภาอยู่บ้านเรือนไทยกับยายเฉลาลักษณ์เหมือนเดิม หญิงชราเลยเกิดสงสัยขึ้นมา
“มันอะไรกันยัยภา ทำไมตาดลไม่กลับมาสักที นี่มันก็มืดค่ำแล้วนะ” คนที่ร้อนใจที่สุดกลับเป็นยายเฉลาลักษณ์นั่นเอง
“พี่ดลบอกว่าจะนอนที่คอนโดค่ะคุณยาย”
“นอนที่คอนโด ! ทำแบบนี้ได้ยังไงเพิ่งแต่งงานได้วันเดียวกลับไปนอนคอนโดแล้ว หรือว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้น ภาทำอะไรให้พี่เขาไม่พอใจหรือเปล่า” เจอคำถามแบบนี้นิภาก็อยากร้องไห้ขึ้นมาเหมือนกัน ความพอใจมันไม่ใช่ปัญหาในเรื่องนี้
“ภา ! มันเกิดอะไรขึ้น บอกยายมาเดี๋ยวนี้” เสียงดุ ๆ กับแววตาเกรี้ยวกราดของยายเฉลาลักษณ์ ทำให้นิภาถึงกับพูดไม่ออกด้วยความสงสารท่าน
“ยัยภา !”
“คุณยายไปถามพี่ดลเองเถอะนะคะ ภาไม่อยากพูดเรื่องนี้ ภาขอโทษค่ะคุณยาย” นิภายกมือขึ้นไหว้ท่าน แล้วเดินกลับไปห้องนอนของตนเอง ไม่นอนแล้วห้องหอจอมปลอมห้องนั้น
ยายเฉลาลักษณ์รีบกดหมายเลขโทรศัพท์ หาหลานชายในทันที แต่เสียงที่ตอบกลับมานั้นไม่ใช่เสียงของดลธี
“สวัสดีครับ”
“นั่นใครขอสายดลหน่อย”
“พี่ดลอาบน้ำอยู่ครับ ให้บอกว่าใครโทรมาครับ”
“บอกว่ายายเฉลาลักษณ์โทรหา” มีผู้ชายอื่นอยู่ในห้องของดลธี ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับยายเฉลาลักษณ์เลย
“เอ่อ สวัสดีครับคุณยาย รอสักครู่นะครับ” อารักษ์รู้จักยายเฉลาลักษณ์ จากคำบอกเล่าของดลธีเป็นอย่างดี รีบเดินไปเคาะประตูเรียกดลธีหน้าห้องน้ำ
“คุณยายพี่ดลโทรมาครับ”
“คุณยายเหรอ” ดลธีรีบคว้าผ้าขนหนูมาพันสะโพก แล้วเปิดประตูออกมารับโทรศัพท์มือถือจากอารักษ์
“ใช่ยายเอง นี่มันหมายความว่ายังไงดล นี่ดลกล้าหลอกยายเหรอลูก” น้ำเสียงของหญิงชรา ดูหดหู่และเศร้าใจเป็นอย่างมาก
“ก็คุณยายอยากบีบบังคับผมเองนี่ครับ ผมก็บอกแล้วว่าผมไม่ได้ชอบผู้หญิง คุณยายก็ยังจะบีบผมเรื่องมรดกอีก”
“ก็เลยมาหลอกยายอย่างนั้นเหรอลูก” ความผิดหวังมีอยู่เต็มอกของยายเฉลาลักษณ์ ไม่คิดว่าหลานชายที่เลี้ยงดูมา จะกล้าหักหาญน้ำใจของตนเองได้ถึงเพียงนี้
“ผมขอโทษครับคุณยาย แต่ผมคงไม่สามารถมีเหลนให้คุณยายได้จริง ๆ ผมขอโทษครับ”
“แล้วถ้ายายไม่ให้เงินเดือนดลอีกแล้วล่ะ ดลจะว่ายังไง”
“ผมก็จะขายเรือนไทยทิ้งน่ะสิครับ อย่าลืมนะครับคุณยายว่าผมเป็นเจ้าของเรือนไทยแล้ว แค่นี้นะครับคุณยาย” ดลธีพูดจบก็กดวางสาย พร้อมกับยื่นโทรศัพท์มือถือให้คนรัก
ยายเฉลาลักษณ์ถึงกับทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างหมดแรง นี่หลานชายหัวแก้วหัวแหวนของตน กำลังจะยื่นคำขาดด้วยการเอาบ้านหลังนี้ มาเป็นหลักประกันอย่างนั้นเหรอ รีบเรียกนิภาเข้ามาสอบถามความจริงในทันที
“พี่ดลเขาตั้งใจหลอกยายใช่ไหมภา”
“ภาต้องกราบขอโทษคุณยายด้วยนะคะ ภาเองก็ไม่รู้มาก่อนเหมือนกันค่ะ ว่าพี่ดลเขาตั้งใจหลอกคุณยาย ถ้าภารู้ภาคงไม่แต่งงานกับพี่ดลหรอกค่ะ” นิภาก้มลงกราบตรงตักท่านด้วยความสงสาร ไม่คิดเสียดายความสาวของตนเองเลย หากสามารถทำให้ยายเฉลาลักษณ์สมหวังได้ แต่นี่ทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามที่ท่านคิดหวังเอาไว้เลย
“ไม่ใช่ความผิดของภาเลยลูก ยายโง่เองแหละที่ยอมยกเรือนไทยหลังนี้ให้ดลไป ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าดลจะสามารถมีทายาทสืบสกุลให้ยายได้ไหม สุดท้ายตาดลก็เอาเรือนไทยหลังนี้มาขู่ยายอีก”
“คุณยายคะ ยังไงเรือนไทยหลังนี้ ก็ต้องเป็นสมบัติของพี่ดลอยู่แล้ว คุณยายคิดไว้แบบนี้ตั้งแต่แรกไม่ใช่เหรอคะ ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว ก็ต้องเป็นของพี่ดลเขา คุณยายอย่าคิดมากเลยนะคะ”
“เฮ้อ ยายเลยต้องทำให้ภา ต้องตกอยู่ในสภาพนี้ด้วย ยายมันไม่เอาไหนเลยจริง ๆ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณยาย อีกหน่อยพี่ดลคงเอาใบหย่ามาให้ภาเซ็นอยู่แล้วค่ะ”
“ใบหย่าเหรอ ?” หญิงสาวชรามองหน้านิภาแล้วมองเลยไปยังท้องฟ้าตรงหน้า ทั้งที่นิภายอมเสียสละตนเองถึงเพียงนี้ ทำไมดลธีถึงไม่ยอมเสียสละตนเองบ้าง
“คุณยายไม่ได้มีหลานแค่พี่ดลคนเดียวนะคะ ยังมีพี่ภูมิอีกคนไงคะ อีกหน่อยถ้าพี่ภูมิแต่งงาน มีลูกชายสักสองสามคน คุณยายก็ไปขอแบ่งมา ให้สืบสกุลโศภิตอำไพสักคนก็ได้นี่คะ แข็งแรง ๆ แบบพี่ภูมิคงมีลูกได้ไม่ยากหรอกค่ะ"
'ตาภูมิ…’
เป็นอีกครั้งที่นิภาอยากตบปากตัวเอง กับความเห็นครั้งนี้ เพราะมันนำมาซึ่งความเจ็บปวดในชีวิตของเธอ ยายเฉลาลักษณ์จับมือเธอไว้ตลอดเวลา ระหว่างที่พูดเรื่องนี้ออกมา
“คุณยายพูดจริงหรือคะ” นิภาถามย้ำอีกรอบ เรื่องที่เธอได้ยินนั้น มันช่างเหลือเชื่อเกินไป
“ยายรู้ว่ามันไม่ถูกต้อง แต่ยายไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนะภา มีแค่ทางนี้ทางเดียว”
“แต่คุณยายคะ แบบนี้มัน มัน ภาว่ามัน...” นิภากัดปากตัวเองจนเจ็บ น้ำท่วมปากกับสายตาที่มองมา อย่างขอร้องจากคนตรงหน้า หากตอบแทนด้วยวิธีอื่นได้เธอคงจะไม่ลังเลแบบนี้
“ถ้าภาไม่ยอมยายก็คงไม่สามารถบังคับภาได้ ตายไปยายคงไม่กล้าสู้หน้าบรรพบุรุษของตัวเอง ภาไปนอนเถอะลูกยายไม่กวนภาแล้วล่ะ” ท่าทางตัดพ้อแบบนี้ นิภาเห็นแล้วก็ปวดใจไม่น้อยไปกว่ากัน หญิงสาวขยับเข้าไปหายายเฉลาลักษณ์ใกล้ ๆ มองเห็นความเจ็บปวด ในแววตาของท่านอย่างชัดเจน เป็นอีกครั้งที่เธอไม่สามารถข่มใจให้แข็งต่อไปได้อีก
“ก็แค่ท้องแล้วคลอด มันคงไม่เป็นไรมั้งคะ”
“ภาว่าไงนะลูก” แววตาของหญิงชราฉายประกายแห่งความหวังขึ้นมาใหม่ ขณะที่นิภากำลังรวบรวม ความกล้าทั้งหมดที่มีอยู่ ค่อย ๆ พูดออกมาอย่างช้า ๆ และชัดเจนทุกถ้อยคำ
“แค่ท้องแล้วคลอด ภาทำได้ค่ะคุณยาย”