ตอนที่ : 6 บอลเป็นเหตุ

1811 คำ
4 บอลเห็นเหตุ เสียงกดกริ่งดังขึ้นในช่วงสายรุ้งพรายเป็นคนเดินไปเปิดประตูให้ พบผู้ชายคนหนึ่งจับมือเด็กชายตัวป้อมยืนอยู่หน้าบ้าน หญิงสาวพิจารณาผู้ชายคนตรงหน้าอีกครั้งยังไงเธอก็ไม่เคยรู้จักเขามาก่อนอย่างแน่นอน “มาหาใครคะ” “เอ่อ ผมมาหาน้าอำไพครับพอดีว่าจะแวะมารบกวนฝากน้อง ฟรังก์ไว้ครับ” คนพูดมองไปยังเด็กน้อยที่ยืนอยู่ด้านข้าง “ฝากเด็ก” รุ้งพรายมองเด็กชายตัวป้อมกับลูกบอลในมือแล้วก็คิ้วขมวดมุ่น “มาแล้วเหรอคะ เข้ามาเลยค่ะคุณทักษ์น้องฟรังก์” นางอำไพออกมาทันได้เห็นสองพ่อลูกเข้า จึงได้เชื้อเชิญให้เข้ามาภายในบ้าน “ครับ ผมฝากไว้ทั้งวันเลยนะครับน้าอำไพ พอดีว่ามีธุระที่ต้องทำด่วนที่บริษัท” ดูคนเป็นพ่อจะรีบไปทำธุระจริง ๆ “ได้ค่ะ รับรองจะดูแลอย่างดีเลยค่ะ นี่รุ้งพรายลูกสาวฉันเองค่ะ รุ้งนี่คุณทักษ์ดนัยเพื่อนบ้านเรานี่เอง แม่รับเลี้ยงน้องฟรังก์ให้ด้วย” “อ๋อ รับดูแลเด็กด้วย สวัสดีค่ะคุณทักษ์” รุ้งพรายพยักหน้าให้มารดาก่อนหันมายกมือไหว้ทักษ์ดนัยอย่างเป็นทางการ “ครับ งั้นผมไปก่อนนะครับ” ทักษ์ดนัยพ่อม่ายวัยสามสิบหกปียกมือรับไหว้ ก่อนจะเดินออกจากบ้านไปอย่างเร่งรีบ “แม่นี่มันอะไรกันคะ” รุ้งพรายหันมามองมารดาแล้วก็เด็กชายตัวน้อยแบบคนหนักใจแทน “ก็บอกแล้วไงว่าแม่รับจ้างทำทุกอย่างนั่นแหละ คุณทักษ์บ้านเขาอยู่ข้าง ๆ เรานี่เองลูก หลังนี้ไง” นางอำไพชี้นิ้วไปบ้านหลังที่ติดกันฝั่งซ้ายมือ “บ้านหลังนี้เป็นของยายทองสุขไม่ใช่เหรอแม่” “โอย ยายทองสุขเขาขายไปหลายปีแล้ว คุณทักษ์เขาซื้อต่ออยู่กับเมีย แต่เมียเขาบุญน้อยตายไปได้สามปีแล้ว กลายเป็นพ่อม่ายเนื้อหอมแถวนี้ไปเลย” “หล่อแบบนี้ก็คงเนื้อหอมจริงอย่างที่แม่ว่า แต่แม่ไม่เหนื่อยเหรอคะเลี้ยงเด็กแบบนี้ รุ้งเคยเลี้ยงน้ำพุประสาทจะกินแต่ละวัน ทั้งซนทั้งดื้อ” “แบบนี้รุ้งก็มีประสบการณ์เลี้ยงน้องมาก่อน น้องน้ำพุก็คงอายุห้าหกขวบไล่ ๆ กับน้องฟรังก์นี่ ดีเลยได้ช่วยแม่ดูแลน้องกัน แม่จะได้ไม่เหนื่อยไง” นางอำไพเดินมาจูงมือเด็กชายตัวป้อมมืออีกข้างก็โอบไหล่ลูกสาวพากันเดินเข้าไปในบ้านพร้อม ๆ กัน “เอาล่ะน้องฟรังก์นี่พี่รุ้งนะลูกสวัสดีพี่รุ้งหรือยัง” “สวัสดีครับพี่รุ้ง” เด็กชายตัวป้อมยกมือขึ้นไหว้รุ้งพราย ทั้งน่ารักน่าเอ็นดู โดยเฉพาะผมหน้าม้าสั้นเต่อไม่เสมอกันตรงหน้าผาก “เรียกพี่เลยเหรอแม่” “ไม่เป็นไรหรอก หรืออยากเป็นน้า” “พี่ดีแล้วล่ะค่ะ” หญิงสาวยิ้มรับอย่างอาย ๆ โน้มตัวลงต่ำแล้วหยิกแก้มของน้องฟรังก์เบา ๆ “แก้มยุ้ยมากท่าทางพ่อจะเลี้ยงดีนะเรา” “ครับผม พ่อชอบสั่งไก่ให้กิน” เด็กช่างพูดก็ยิ้มแก้มแทบปริ ดวงตากลมโตมองรุ้งพรายอย่างสนใจ “สั่งไก่ ?” ร้านบริการส่งไก่ถึงบ้านคงมีไม่กี่ร้าน รุ้งพรายยิ้มแล้วหันไปมองหน้ามารดาเป็นเชิงคำถาม “ก็พ่อม่ายน่ะลูกจะมีเวลาที่ไหนทำกับข้าว ว่าแต่ฟรังก์กินข้าวมาหรือยังครับ” “ยังไม่ได้กินเลยครับ” “แม่นี่อย่าบอกนะว่ามากินที่นี่เลย” “คุณทักษ์แกให้ค่าจ้างรวมค่ากินของน้องฟรังก์ด้วยรุ้ง แม่ก็เห็นว่าคนกันเองก็ช่วยดูแลกันไป ก่อนหน้าแม่อยู่คนเดียวมันค่อนข้างเหงา” นางอำไพพูดมาถึงจุดนี้คนเป็นลูกก็เข้าใจในทันที “โอเคค่ะ แม่ทำอะไรรุ้งทำด้วยก็แล้วกัน วันนี้จะช่วยเลี้ยงน้อง ฟรังก์เองค่ะ ก่อนอื่นหาของหม่ำกันก่อนนะครับน้องฟรังก์” “ครับพี่รุ้ง” หญิงสาวจัดการหาข้าวให้น้องฟรังก์กินเรียบร้อยแล้ว ก็ชวนเด็กน้อยเล่นเตะบอลที่เจ้าตัวถือมาด้วย นางอำไพเลยถือโอกาสนี้ไปซื้อของมาทำขนมเพิ่มในตลาดละแวกใกล้บ้าน “น้องฟรังก์ชอบเตะบอลนะรุ้ง หน้าบ้านเราลานกว้างพอเล่นได้ อยู่กับแม่แม่เล่นไม่ค่อยได้แก่แล้ว” คนเป็นแม่บอกลูกสาวก่อนจะเดินออกจากบ้านไป รุ้งพรายอยากไปส่งแต่นางอำไพไม่ยอมพาเด็กไปตลาดด้วยจะร้อนอบอ้าวเสียเปล่า ๆ เลือกที่จะนั่งแท็กซี่ไปเหมือนทุกวัน “แม่ไปนะ” “นั่งรถดี ๆ นะคะ” รุ้งพรายส่งมารดาเสร็จแล้วก็เดินกลับเข้ามาหาน้องฟรังก์ “น้องฟรังก์เตะบอลเก่งไหม” หญิงสาวแสร้งถามลองเชิง น้อง ฟรังก์บิดตัวป้อม ๆ ไปมาก่อนตอบแบบเขินอาย “เก่งครับ” “แหม ไม่ถ่อมตัวเลยนะเรา งั้นมาประลองฝีเท้ากับพี่รุ้งดีกว่า” รุ้งพรายเป็นฝ่ายเริ่มเตะบอลเบา ๆ ให้เด็กน้อย จากนั้นน้องฟรังก์ก็เตะคืนมาสุดแรงของเด็กคนหนึ่ง ทั้งคู่ผลัดกันเตะบอลรับส่งไปมาอยู่เกือบสิบห้านาที เหมือนรุ้งพรายจะเริ่มเบื่อ เลยแกล้งเตะบอลโด่ง ๆ ให้น้องฟรังก์ใช้ศีรษะรับบอลบ้าง เตะไปเตะมาเธอคงจะเผลอออกแรงมากไปลูกบอลเลยลอยข้ามรั้วไปบ้านหลังขวามือแทน “ตายละน้องฟรังก์” “บอลหายไปเลยพี่รุ้ง” น้องฟรังก์ยืนมองกำแพงตาปริบ ๆ รุ้งพรายเกิดรู้สึกผิดขึ้นมาที่ทำของเล่นของน้องฟรังก์ลอยหายวับไปกับขาจะทำไงดีบ้านโน้นมีคนอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้ หญิงสาวลองเดินไปหน้าบ้านปรากฏว่าบ้านเงียบกริบเหมือนไม่มีคนอยู่ในนั้น ยิ่งโรงรถก็ยิ่งไม่เห็นรถจอดอยู่สักคัน เลยพาน้องฟรังก์เดินกลับมาที่บ้านตัวเอง “เอางี้นะน้องฟรังก์พี่รุ้งจะปีนกำแพงขึ้นไปเก็บลูกบอลให้ น้อง ฟรังก์ยืนรอพี่รุ้งอยู่ตรงนี้นะครับ ห้ามไปไหนเด็ดขาดนะ” หญิงสาวกำชับพร้อมทั้งปิดประตูหน้าบ้านให้เรียบร้อย “ได้ครับ” คนอยากเล่นบอลต่อเลยรับปากอย่างว่าง่าย รุ้งพรายก็ลากเก้าอี้มาตั้งอยู่ข้างกำแพงพอปีนขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ ก็สามารถมองเห็นบริเวณภายในบ้านของคริษฐ์ได้ เห็นลูกบอลของน้อง ฟรังก์อยู่ไม่ไกลนัก ไม่ยากเกินความสามารถของเธอแน่ เพราะกำแพงบ้านของคริษฐ์เป็นแบบบล็อกสำเร็จรูปมีคานยาวแนวนอนด้านบน ไม่ใช่เหล็กเส้นที่มีปลายแหลมคมเหมือนบ้านหลังอื่น หญิงสาววาดขาขึ้นไปบนกำแพงแล้วเอี้ยวตัวขึ้นไปนั่งอยู่บนนั้น หันมามองน้องฟรังก์แล้วยกนิ้วโป้งยิ้มให้ “รอพี่ตรงนี้นะน้องฟรังก์อย่าซนล่ะ” กำชับเด็กน้อยอีกรอบด้วยความเป็นห่วง “ครับพี่รุ้ง” ตุบ ! “อูย” รุ้งพรายกระโดดลงมาผิดท่าไปหน่อย เลยต้องนอนแอ้งแม้งอยู่บนสนามหญ้า ลืมไปว่าฝั่งบ้านตัวเองมีเก้าอี้ให้ปีน แต่ฝั่งนี้ไม่มีตอนลงเลยเจ็บตัวจนได้ หญิงสาวค่อย ๆ ลุกขึ้นเดินไปเก็บลูกบอลมา “น้องฟรังก์ได้ยินพี่รุ้งไหมครับ” ตะโกนถามกลับไป “ได้ยินครับ” น้องฟรังก์ก็ตะโกนตอบกลับมาเหมือนกัน “พี่รุ้งจะโยนบอลคืนให้แล้วนะ ตั้งใจรับดี ๆ ล่ะ” “ครับโยนมาเลย” น้องฟรังก์ตั้งท่ารับบอลที่ค่อย ๆ ลอยโด่งข้ามกำแพงมา แต่เล็งเป้าพลาดไปลูกบอลเลยกลิ้งขลุก ๆ ไปอยู่อีกมุม เด็กชายตัวน้อยก็วิ่งไปเก็บแล้วกลับมายืนรอพี่สาวคนสวยอยู่ที่เดิม “รอพี่รุ้งแป๊บนะครับ พี่หาทางปีนกลับไปก่อน” หญิงสาวตะโกนบอกน้องฟรังก์ที่ยืนอยู่อีกฝั่ง “ครับ” รุ้งพรายกระโดดขึ้นแล้วใช้แขนเกาะคานกำแพง แต่พอจะถีบเท้าปีนขึ้นเธอก็รูดลงไปกองอยู่กับพื้นหญ้าดังเดิม ทำอยู่อย่างนั้นหลายรอบก็ไม่สามารถปีนขึ้นได้สักที น้องฟรังก์ก็ส่งเสียงเรียกอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหญิงสาวก็ตะโกนตอบไปว่าให้รอใกล้จะได้แล้ว กลั้นใจแล้วกระโดดคว้าคานกำแพงอีกรอบ คราวนี้หญิงสาวตั้งใจถีบเท้าขึ้นแรง ๆ แต่มือก็อ่อนจนปล่อยหลุดจากคาน “ว้าย !” แต่แทนที่ตัวเธอจะหล่นลงพื้นกลับไปอยู่ในอ้อมกอดของบางคนเข้า หญิงสาวค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมอง แล้วหัวใจก็ไหวยวบกับใบหน้าของคริษฐ์ที่อยู่ห่างไม่ถึงคืบ คริษฐ์ส่ายหน้าเหมือนระอาใจก่อนวางเธอลงบนพื้น “เข้ามาทำอะไรในบ้านพี่” คริษฐ์ถามหญิงสาวเหมือนหาเรื่องสายตาก็จ้องแข็งเหมือนเธอผิดเต็มประตู ก็แหงล่ะ แอบเข้าบ้านคนอื่นแบบนี้มันผิดอยู่แล้ว “คือลูกบอลมันลอยมาบ้านพี่คริษฐ์ รุ้งเดินไปหน้าบ้านแล้วเหมือนไม่มีคนอยู่ไม่มีรถด้วย ก็เลยเอ่อ” “เหมือนไม่มีคนอยู่ กดกริ่งหรือยัง” ‘พลาดแล้วยัยรุ้ง’ “เปล่าค่ะ” “ทีหลังกริ่งมีให้กดรู้ไหมแม่กับเตออกไปข้างนอกส่วนรถพี่ก็เข้าศูนย์อยู่ แอบปีนเข้าบ้านพี่แบบนี้พี่แจ้งความจับฐานบุกรุกได้นะรุ้ง” คริษฐ์ต่อว่าเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต “เมื่อก่อนก็ปีนออกบ่อย” รุ้งพรายบ่นเบา ๆ “พี่รุ้งครับอยู่ไหมครับ” เสียงน้องฟรังก์ตะโกนข้ามมาให้รุ้งพรายต้องตระหนัก ว่าเธอปล่อยเด็กชายตัวป้อมอยู่ในบ้านเพียงคนเดียว “เสียงเด็กที่ไหนกัน” คริษฐ์ถามพร้อมเลิกคิ้วสูง “เอ่อ ลูกชายของคุณทักษ์ดนัยค่ะ เขาเอาลูกมาฝากแม่รุ้งเลี้ยง” “คุณทักษ์ดนัยบ้านข้าง ๆ นั่นเหรอ” เป็นเรื่องใหม่ที่คริษฐ์เพิ่งรู้ว่านางอำไพรับเลี้ยงเด็กด้วย “ค่ะพี่คริษฐ์ เอ่อ รุ้งขอเก้าอี้ปีนกลับไปได้ไหม” รุ้งพรายมองเขาแกมขอร้อง “ไม่ได้” “ทำไมล่ะ ปล่อยเด็กอยู่คนเดียวไม่ดีนะคะ” “ที่พี่บอกว่าไม่ได้คือพี่ให้กลับไปทางประตูหน้าบ้าน ไม่ใช่มาปีนรั้วให้เสี่ยงแข้งขาหักแบบนี้ ตะโกนบอกเด็กไปว่าให้รอ” เขาบอกแก้มสั่ง “น้องฟรังก์ครับรอพี่รุ้งก่อนนะครับ พี่จะเดินกลับไปทางหน้าประตูนะครับ” หญิงสาวตะโกนบอกเสียงดัง “ครับ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม