ยายเฉลาลักษณ์ยังไม่ทันได้คุย กับทนายความประจำตระกูลเรื่องทำพินัยกรรม ก็มีอันต้องเป็นไปเสียก่อน ท่านลื่นล้มหัวฟาดพื้นในห้องน้ำ กว่าที่นิภาจะเข้ามาเจอก็ไม่ทันการเสียแล้ว
งานศพถูกจัดขึ้นอย่างสมเกียรติ นิภาร้องไห้จนตาปูดตาบวมไปหมด หญิงสาวถูกดลธีตำหนิ เรื่องดูแลยายเฉลาลักษณ์ได้ไม่ดีพอ จนทำให้ท่านต้องมาจากไปในวันนี้
“จะโทษยัยภาก็ไม่ถูกนะตาดล ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นหรอก” นางเมธาวีไม่พอใจ ที่เห็นดลธีต่อว่านิภาต่อหน้าทุกคน
“ทำไมจะไม่ถูกครับคุณป้า ห้องน้ำได้ขัดหรือเปล่าก็ไม่รู้ คุณยายถึงได้ลื่นหัวฟาดได้ขนาดนั้น”
“ภาขัดทำความสะอาดตลอดนะคะพี่ดล” นิภาสะอื้นไห้ไปด้วยระหว่างพูด
“แล้วทำไมคุณยายถึงได้ลื่นล้มได้ล่ะยัยภา” ดลธีขึ้นเสียงดังใส่อย่างโมโห ทั้งที่ความจริงแล้ว กลับรู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก
“พอได้แล้วไอ้ดล คุณหมอก็บอกนี่ว่าอาการหน้ามืด หรือวูบเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แกก็จะไปโทษน้องภาคนเดียวก็ไม่ถูกนะ แขกเหรื่อก็มากันเต็มงาน ควรจะไปช่วยกันต้อนรับสิ ไม่ใช่มาหาเรื่องคนอื่นแบบนี้” ธาวิศปรามดลธีบ้าง หลังเห็นน้ำตาของนิภาไหลอาบสองแก้มไม่ยอมหยุด ที่พึ่งเดียวในชีวิตของหญิงสาวได้ลาโลกนี้ไปแล้ว ไม่รู้ว่าอนาคตของนิภาจะอยู่ต่อไปอย่างไร
“จริงของตาภูมิเขานะดล ลุงว่าดลออกไปต้อนรับแขกด้านหน้ากับพวกลุงกันดีกว่า” นายอนุสรณ์เสริมขึ้นอีกแรง
“แบบนั้นก็ได้ครับคุณลุง” ดลธีทำตาขวางใส่นิภาก่อนเดินออกไปต้อนรับแขกที่หน้าศาลา
“ยัยภาถ้าไม่ไหวยังไงก็ไปนั่งพักก่อนนะ ไม่ต้องออกมาข้างนอกนี่หรอก ทางนี้พวกป้าดูแลกันได้” นางเมธาวีบอกคนที่หน้าตาอิดโรยมากกว่าใครเพื่อน
“ค่ะคุณป้า” นิภาปาดน้ำตาออกจากหน้า แล้วเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ด้านข้างศาลา
หญิงสาวร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่เพียงลำพัง ทุกอย่างในชีวิตเหมือนไร้ที่ยึดเหนี่ยว ความฝันความหวังไม่เหลืออยู่อีกต่อไป
‘ทำไมจากภาไปเร็วแบบนี้ล่ะคะคุณยาย ต่อจากนี้ภาจะอยู่กับใคร’
นิภาคล้ายคนไร้วิญญาณ ไปจนถึงวันสุดท้ายของงานศพ ควันสีเทาลอยละล่องออกจากปล่องเมรุ นำยายเฉลาลักษณ์กลับคืนสู่สวรรค์ไป นิภาหลั่งน้ำตาหยดแล้วหยดเล่า กระทั่งแห้งเหือดลงไปเองในทุกค่ำคืน
เรือนไทยหลังใหญ่เงียบเหงาลงถนัดตา สามวันหลังจากนำอัฐิ ไปบำเพ็ญพิธีทางศาสนาแล้ว ทนายความประจำตระกูลโศภิตอำไพ ก็เรียกทุกคนมาหารือเรื่องทรัพย์สินของยายเฉลาลักษณ์ นิภาไม่ถูกเชิญให้เข้าร่วมการพูดคุยครั้งนี้ มีแค่ลูกกับหลาน และสามีของนางเมธาวีเท่านั้น
นางเมธาวีรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก ที่รู้ว่าเรือนไทยหลังนี้ ถูกโอนเป็นชื่อของดลธีไปก่อนหน้าแล้ว แทนที่จะมอบให้ตนเองซึ่งเป็นลูกสาวแท้ ๆ
“มันเป็นความต้องการของคุณยายนะครับคุณป้า อันนี้ก็ช่วยไม่ได้ คุณป้ามาโฟกัสที่ทรัพย์ส่วนอื่นดีกว่าครับ ว่าแบ่งกันยังไง” ดลธีทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ในเรื่องนี้
“ตาดลนี่เราไปบังคับคุณแม่ให้ยกให้ใช่ไหม ไม่อย่างนั้นคุณแม่คงไม่ยกเรือนไทยหลังนี้ ให้เราคนเดียวหรอก”
“เปล่านะครับ คุณยายให้ด้วยความสิเน่หาต่างหาก”
“ตาดล !”
“พอแล้วคุณมด เรื่องมันผ่านไปแล้ว ฟังคุณทนายพูดต่อจากนี้ดีกว่า” คนเป็นสามีได้แต่ห้ามปรามภรรยา ส่วนธาวิศก็ได้แต่นั่งเงียบ ๆ เขาไม่ปรารถนาจะอยากได้ทรัพย์สมบัติ ของผู้เป็นยายมากเท่าไรนัก เขามีบริษัทเป็นของตัวเองอยู่แล้ว
ทนายความประจำตระกูลเสนอแนะ ถึงวิธีการที่จะแบ่งสมบัติที่เหลือทั้งหมด อย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งก็สามารถตกลงกันได้ด้วยดี แต่ไม่มีสักบาทที่จะกระเด็นไปถึงคนนอกอย่างนิภา ทำให้นางเมธาวีนึกสงสัยขึ้นมา
“นิภาล่ะคะคุณทนาย”
“คุณนิภาไม่ได้มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดนะครับคุณมด นามสกุลก็ไม่ได้ใช้ด้วยกัน ก่อนหน้านี้คุณยายเฉลาลักษณ์ก็ยังไม่ได้พูดถึงคุณนิภาด้วย ท่านก็มามีอันเป็นไปเสียก่อน ก็แล้วแต่พวกคุณเถอะครับ ว่าใครจะแบ่งให้เธอบ้าง”
“ผมไม่แบ่งหรอกครับ ยังไงยัยภาก็คนนอก” ดลธีรีบพูด
“แต่ยัยภาก็ดูแลคุณยายมาตั้งนานแล้วนะตาดล”
“งั้นคุณป้าก็แบ่งเองสิครับ”
“เรื่องอะไร ป้าไม่ได้อยู่ที่นี่กับพวกเธอสักหน่อย เธอสิควรจะต้องดูแลน้องต่อจากคุณยาย”
“งั้นเอาอย่างงี้ก็แล้วกันครับ ตอนนี้ก็ให้ยัยภาอยู่เรือนไทยไปตามเดิมก่อน ถ้ายัยภาแต่งงานมีผัวไปก็ค่อยว่ากันอีกที” ดลธีตัดปัญหานิภาออกจากกองมรดก ไม่อยากให้ทุกคนสนใจ เด็กนอกสายเลือดคนนี้สักเท่าไหร่
สายตาของทุกคนจึงมองมาที่เขา ประหนึ่งอยากถามว่าเขาไม่ใช่สามีของนิภาหรอกหรือ แต่ด้วยทุกคนต่างก็รู้ ตื้นลึกหนาบางในเรื่องนี้ดี จึงไม่มีใครพูดอะไรออกมา
“งั้นก็ตกลงตามนี้แล้วไงนะครับ ถ้าไม่มีใครขัดข้องอะไรผมขอตัวกลับก่อนนะครับ เดี๋ยวจะไปจัดการเรื่องเอกสารทั้งหมดนี่” ทนายเทิดศักดิ์ปิดแฟ้มเอกสารลงพร้อมลุกขึ้นยืน
“ขอบคุณมากค่ะคุณทนาย” นางเมธาวียกมือขึ้นไหว้ทนายเทิดศักดิ์
“ขอบคุณมากครับ” ตามด้วยดลธีและสองพ่อลูก
ก่อนกลับธาวิศแวะไปหานิภา ที่นั่งทำหน้าเศร้าอยู่หน้าระเบียงบ้าน มางานศพตั้งหลายวัน แต่ไม่ได้มีโอกาสคุยกันเลยสักครั้ง ธาวิศไม่ต้องการเป็นจุดสนใจของทุกคน ยิ่งบุพการีทั้งสองคนด้วยแล้ว เขายิ่งไม่อยากให้พวกท่านสงสัยในเรื่องนี้
“น้องภา” คนเรียกยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง
“คะพี่ภูมิ” นิภาขานรับทั้งที่ไม่ได้หันมามองเขาด้วยซ้ำ เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ มองเหม่อไปด้านหน้า
“คุณยายไม่ได้ทำพินัยกรรมเอาไว้ สมบัติทั้งหมดจึงไม่ได้พูดถึงน้องภาเลย แต่ไอ้ดลมันก็ยังให้น้องภาอยู่ที่นี่ต่อได้ตามปกตินะ เว้นแต่จะแต่งงานมีครอบครัวออกไป ก็ค่อยว่ากันอีกที”
“ค่ะภาเข้าใจ” นิภาก้มหน้ามองนิ้วตัวเอง ความรู้สึกตอนนี้คือว่างเปล่าหมดทุกสิ่งอย่าง แม้แต่ธาวิศก็ไม่สามารถทำให้เธอ รู้สึกอะไรได้ในตอนนี้
“มีอีกเรื่องที่พี่อยากถามน้องภา”
“เรื่องอะไรคะ” หญิงสาวถามกลับเขา ทั้งที่สายตายังคงเหม่อลอยไปตรงหน้า ได้ยินเสียงถอนหายใจหนัก ๆ จากเขา
“ท้องไหม” ได้ยินแล้วนิภาก็อยากจะหัวเราะให้กับเรื่องนี้เหมือนกัน
“ไม่ค่ะ” แม้จะยังไม่ตรวจอะไร แต่นิภาก็มั่นใจว่าตัวเธอจะไม่ท้องอย่างแน่นอน มันจะมีประโยชน์อะไร หากท้องในวันที่ยายเฉลาลักษณ์ จากโลกนี้ไปแล้ว
“งั้นก็แล้วไป พี่จะได้ไม่ต้องกลุ้มใจกับเรื่องนี้อีก ไหน ๆ คุณยายก็เสียไปแล้ว อะไรที่ผ่านมาก็ปล่อยมันผ่านไป ทำเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้นนะน้องภา” ธาวิศทั้งโล่งอกและปลอดโปร่งอย่างบอกไม่ถูกในเรื่องนี้
“ค่ะพี่ภูมิ ภาจะทำเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้นค่ะ”
“ตาภูมิกลับได้แล้วลูก” เสียงของนางเมธาวีตะโกนเรียกลูกชายของตนดังขึ้น ทำให้ทั้งคู่ต้องหยุดบทสนทนาลง
“พี่กลับแล้วนะ คงไม่ได้มาที่นี่อีก”
“สวัสดีค่ะ” นิภาหันมายกมือขึ้นไหว้เขา ธาวิศก็รับไหว้ตามมารยาท ก่อนจะหันหลังแล้วเดินลงบันไดบ้านไป
เสียงรถแล่นออกไปพร้อม ๆ กันถึงสองคัน เหลือแค่รถของดลธีที่ยังจอดอยู่ที่นี่ เพราะเป็นเจ้าของเรือนไทย อย่างถูกต้องทุกอย่างแล้ว ดลธีวางแผนไว้ว่าจะกลับมาอยู่ที่นี่ก่อนสักระยะ จนกว่าจะหาคนซื้อเรือนไทยหลังนี้ได้
“ยัยภาทำกับข้าวให้พี่สองที่นะ รักษ์จะมาอยู่กับพี่ที่นี่ แล้วเราก็ไปกินข้าวในห้องครัวนะ ไม่ต้องมาเป็นกขค.พี่กับรักษ์ล่ะ”
“ค่ะพี่ดล” นิภานึกใจชื้นขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยบ้านก็จะได้ไม่เงียบเหงาจนเกินไป หญิงสาวลงไปทำกับข้าวมื้อเย็น ไว้สำหรับดลธีกับคนรัก ทำไปก็ร้องไห้ไปด้วย เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็เห็นแต่ภาพของยายเฉลาลักษณ์อยู่เต็มไปหมด
ครั้งแรกที่นิภาได้เห็นหน้าของอารักษ์ หญิงสาวก็ไม่ชอบเขา ตรงที่มองเธอแล้วอมยิ้ม แววตาของเขาดูแล้วไม่น่าไว้วางใจ แต่ด้วยเป็นคนรักของเจ้าของบ้านคนใหม่ เธอจึงไม่ได้พูดอะไรออกมา
ชีวิตในแต่ละวันเป็นไปอย่างน่าเบื่อหน่าย นิภาแทบไม่ได้พูดคุยกับใครเลย หญิงสาวเลือกที่จะหมกตัวอยู่แต่ภายในพื้นที่ของตนเอง กระทั่งหนึ่งเดือนได้ผ่านไป ชีวิตของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
‘ไม่จริง’
หญิงสาวนั่งมองขีดสีแดงสองขีด บนอุปกรณ์ตรวจครรภ์ นี่คืออันที่สามแล้วที่ใช้ตรวจในวันนี้ ผลออกมาก็เหมือนเดิมอยู่ดี นิภาถึงกับพูดไม่ออกกับความรู้สึกในตอนนี้
‘ถ้าคุณยายอยู่มันคงเป็นข่าวดีใช่ไหมคะ แต่นี่...’
ล่าสุดที่เธอได้รู้เรื่องของเขา ธาวิศกำลังจะมีข่าวดีกับคนรัก เธอจะมีหน้าไปบอกเรื่องนี้กับเขาได้อย่างไร ตั้งแต่เริ่มแรกเรื่องนี้ยายเฉลาลักษณ์ต้องการให้เป็นความลับอยู่แล้ว หญิงสาวหลับตาลงแน่น อย่างคนหาทางออกไม่เจอ ยังไม่ได้หย่ากับดลธีอย่างเป็นทางการเลย เพราะติดเรื่องงานศพของยายเฉลาลักษณ์เสียก่อน คิดว่าตนเองไม่ท้องแน่นอน จึงลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท