ตอนที่ 12 เอาคืน

1929 คำ
“คิกๆ” เสียงหวานสดใสหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี มือขาวดุจหิมะแรกถือถ้วยชาพลางจิบและชิมขนมอย่างมีความสุข จนชุนเฟินที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้แต่แปลกใจ เหตุใดคุณหนูดูอารมณ์ดีเสียจริง ‘อย่าเพิ่งกระอักเลือดตายไปก่อนเล่า นี่เพิ่งจะได้แค่ดอกเบี้ยเอง ยังไม่ได้เก็บเงินต้นเลย’ เยว่กวางคิดพลางเคี้ยวขนมจนแก้มตุ่ย ช่างดูเป็นสาวน้อยน่ารักไม่มีพิษภัยสวนทางกับสิ่งที่เจ้ากระต่ายน้อยกำลังคิดยิ่งนัก ผ่านมาหลายวัน ข่าวลือต่างๆ มากมายถูกโหมกระพือ ใส่สีตีไข่จนทางตระกูลไป๋ไม่อาจทนรับว่าที่ลูกสะใภ้เช่นนี้ได้ จึงได้ส่งหนังสือถอนหมั้นมายังจวนเสนาบดีฝ่ายซ้าย จนหรงลู่เสียนโมโหมากเกือบสั่งโบยหรงลี่หลินเพิ่ม แต่ฮูหยินรองหรงรีบคุกเข่าอ้อนวอนผู้เป็นสามี ขอเปลี่ยนเป็นลงโทษด้วยการส่งบุตรสาวตนไปขัดเกลานิสัยที่วัดช่านไฉ่แทน อย่างไรวัดนี้ตนก็บริจาคเงินเป็นประจำ เหล่าแม่ชีต้องดูแลบุตรสาวของตนอย่างดีแน่นอน ท่านเสนาบดีคิดว่าอย่างน้อยเหล่าแม่ชีอาจจะช่วยสั่งสอนบุตรสาวของตนให้ดีขึ้นได้บ้าง ทั้งวัดยังอยู่ในแถบชนบทข่าวลือพวกนี้คงไปไม่ถึง อย่างน้อยไปเก็บตัวที่นั่นจนกว่าข่าวลือจะหายไปก็ดีกว่ายังอยู่ในจวนให้ชาวบ้านนินทาอีก จึงอนุญาตโดยให้บ่าวรับใช้ตามไปดูแลแค่คนเดียวพอเพื่อเป็นการดัดนิสัยด้วย และสั่งให้เดินทางในวันรุ่งขึ้น ทางด้านหรงลี่หลินพอทราบข่าวเรื่องที่ตนโดนถอนหมั้นก็อาละวาดขว้างปาข้าวของจนกระจุยกระจาย ที่นอนหมอนผ้าห่มต่างโดนดึงทึ้งระบายอารมณ์ นางกรีดร้องสลับกับก่นด่าทุกคนอย่างบ้าคลั่ง เสียงร้องไห้ปานจะขาดใจดังต่อเนื่องจนกระทั่งถึงวันเดินทางไปวัดช่านไฉ่ เจ้าตัวก็อาละวาดขึ้นมาอีกครั้งเมื่อต้องไปอยู่ที่วัดซ่อมซ่อในถิ่นทุรกันดาร จนนายท่านของจวนสั่งให้บ่าวมัดมือมัดเท้าลากขึ้นรถม้าแล้วออกเดินทางทันทีเพราะทนเสียงกรีดร้องไม่ไหว ทั้งโมโห ทั้งอับอาย ป่านนี้ชาวบ้านใกล้เคียงคงเอาเรื่องนี้ไปพูดจนสนุกปาก พูดแล้วก็สะบัดชายเสื้อเข้าจวนอย่างไม่ไยดีบุตรสาวของตนเลยสักนิด ห้องนอนคุณหนูจวนแม่ทัพใหญ่ ยามค่ำของวันเดียวกับที่คุณหนูรองหรงออกเดินทาง ร่างบอบบางในชุดนอนเบาสบายกึ่งนั่งกึ่งนอนอ่านจดหมายรายงานอยู่บนตั่งภายในห้องนอน ใบหน้าหวานพริ้มเพราดูสดใสบ่งบอกได้ว่าตอนนี้เจ้าตัวเล็กกำลังอารมณ์ดีมาก “หึหึ ข้าอยากไปนั่งฟังเสียงร้องของนางด้วยตนเองจัง เห้อ เสียดายที่ยังฝึกวรยุทธไม่ถึงไหน” ริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อบ่นกับตนเองเบาๆ เมื่อฟังรายงานจากพี่ฮุ่ยเหอ ใช่แล้ว ตอนนี้เธอกำลังฝึกวรยุทธกับพี่ๆ องครักษ์อยู่ ด้วยพื้นฐานร่างกายของร่างนี้ที่ไม่เคยออกกำลังเลย ทำให้ทักษะนักฆ่าของเธอถึงกับเป็นหมัน ยามเธอออกท่าแต่ล่ะทีกระดูกกระเดี้ยวร้าวไปหมด เลยต้องมาเริ่มฝึกวรยุทธกับพี่ๆ ก่อน ดีที่พื้นฐานความรู้ของเธอมีมาก จึงเข้าใจบทเรียนได้ง่าย “อย่าไปฟังเลยเจ้าค่ะคุณหนู เสียงนางช่างปวดหูยิ่งนัก ขนาดกรีดร้องจนค่อนคืนนางก็ยังไม่ยอมหยุด” ฮุ่ยเหอเอ่ยบอกผู้เป็นเจ้านายด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง แต่น้ำเสียงบ่งบอกความรำคาญได้เป็นอย่างดี “คิกๆ ข้าสงสารเจ้าจริงๆ เลยฮุ่ยเหอ ดีนะที่งานของข้าง่ายกว่าเจ้าเยอะเลย” ฮุ่ยหวงหันมาหยอกเย้าเพื่อนรักจนได้สายตามองค้อนกลับมา เรียกรอยยิ้มจากร่างบอบบางบนตั่งได้เป็นอย่างดี ใช่แล้ว งานของพี่ฮุ่ยเหอคือการไปสืบเรื่องของหรงลี่หลินมาให้กับเยว่กวาง พอรวบรวมเรื่องราวมาได้เยอะหน่อยเธอก็ให้พี่ฮุ่ยหวงไปจ้างบรรดาขอทานให้กระจายข่าวลือในเรื่องที่เธอสืบได้มา โดยเน้นเรื่องที่คนในยุคนี้เข้มงวดมากๆ และยิ่งมีพยานด้วยยิ่งดี พอมีข่าวแย่ๆ ออกมามากเข้า ตระกูลไหนจะยังอยากได้คุณหนูนิสัยร้ายกาจแถมยังฉาวโฉ่ไปทั่วเช่นนี้อีกล่ะ หึ ต่อให้สูงส่งนั่งบัลลังก์มังกร ก็ย่อมพ่ายให้กับข่าวลือที่สาดโคลนตมอยู่ดี อีกอย่างด้วยสถานะในจวนของหรงลี่หลินที่เธอสืบมา นางไม่มีความสำคัญกับตระกูลหรงมากขนาดนั้นทำให้ไม่มีใครกางปีกปกป้อง เช่นนี้ยิ่งง่ายสำหรับเธอเข้าไปใหญ่ “แต่งานของพี่ฮุ่ยหวงยังไม่หมดนะเจ้าคะ” เยว่กวางยิ้มให้กับคนตรงหน้าเล็กน้อย ทวงถามถึงงานชิ้นสุดท้ายที่เธอสั่ง ทำเอาฮุ่ยหวงยิ้มแหยออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ “ข้าจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะคุณหนู ไว้จะรีบกลับมาพร้อมของฝากนะเจ้าคะ” เจ้าตัวเอ่ยเสียงสดใส ทั้งยังรับปากว่าจะซื้อของฝากมาให้เจ้านายของตนที่เปรียบดั่งน้องสาวก็มิปาน ก่อนจะหายไปจากตรงนั้นทันที “ไม่ใช่ว่าพี่ฮุ่ยหวงลืมไปแล้วนะเจ้าคะ ว่าเดือนนี้ยังไม่ได้เบี้ยหวัดเลย…” เยว่กวางเอ่ยถามอีกคนที่อยู่ในห้องด้วยใบหน้าฉงน “ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะคุณหนู นางมีเงินเยอะกว่าที่คุณหนูคิดนะเจ้าคะ” ฮุ่ยเหอยิ้มให้เจ้านายที่ทำหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกิน เยว่กวางที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มรับก่อนจะลุกไปยังที่เตียงนอนของตนเพื่อรอฟังข่าวน่าสนุกที่กำลังจะมา หลังจากวันนั้นข่าวลือของคุณหนูรองหรงก็หายเงียบไปเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น รวมทั้งตัวของคุณหนูรองหรงเองก็ไม่ย่างกรายมาให้ใครเห็นเลยเช่นกันจนมีคนคิดไปต่างๆ นาๆ ว่าบางทีอาจจะโดนกักตัวให้อยู่แต่ในเรือนรึไม่ก็ส่งให้ไปอยู่ที่จวนบ้านรองต่างเมืองแทน ฮูหยินรองหรงเองก็โดนคาดโทษจากผู้เป็นสามี ทำให้ไม่สามารถส่งเงินหรือจดหมายไปหาบุตรสาวได้ แต่ก็ยังคิดว่าอย่างน้อยๆ ถ้าแม่ชีที่วัดนั้นรู้ว่าหลินเอ๋อร์เป็นบุตรของตน ทางวัดคงดูแลนางอย่างดีแน่นอน หารู้ไม่ว่าหรงลี่หลินจะต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากไปอีกหลายปีกว่าเธอจะหลุดพ้นจากนรกบนดินนั่น ทั้งสภาพร่างกายและสภาพจิตใจแทบไม่เหลือเค้าโครงของคุณหนูผู้ร้ายกาจอีก “ทุกอย่างเรียบร้อยตามคำสั่งเจ้าค่ะคุณหนู” ฮุ่ยหวงเอ่ยบอกเจ้านายของตนทันทีที่กลับมาถึง “ทางวัดตกลงรับปากทุกเรื่องสินะเจ้าคะ” เยว่กวางเหยียดยิ้มพอใจ เมื่อทุกอย่างจบลงตรงตามความต้องการของตนทุกอย่าง นึกถึงเงินหลายตำลึงทองที่เธอ ‘บริจาค’ พร้อมกับจดหมาย ‘ขอร้อง’ ที่แนบไปด้วยก็ให้ขบขันนัก พี่ฮุ่ยเหอสืบจนรู้ว่าฮูหยินรองตระกูลหรงไปทำบุญที่วัดนี้เสมอ เธอจึงให้สืบเรื่องภายในวัดมาด้วย จนได้รับรายงานถึงความน่าสนใจของแม่ชีที่ปกครองวัดนี้ ความเข้มงวดและชอบใช้ความรุนแรงกดขี่ผู้น้อยนั่นช่างเหมาะกับแผนการของเธอเสียจริง ดังนั้นเธอจึงให้พี่ฮุ่ยหวงปลอมจดหมายไปส่งให้ที่วัดก่อนที่รถม้าของหรงลี่หลินจะไปถึง โดยเนื้อหาในจดหมายมีอยู่ว่า ถึงท่านแม่ชีผู้ศรัทธาของวัดช่านไฉ่ ข้าคือฮูหยินรองตระกูลหรง วันนี้มีเรื่องหนักใจอย่างยิ่งจึงได้มาขอพึ่งใบบุญของท่านแม่ชี เนื่องด้วยบุตรสาวเพียงคนเดียวของข้ามีนิสัยหยาบกร้าน ไร้ซึ่งความเป็นกุลสตรี ใจคอโหดร้ายทุบตีบ่าวไพร่ ข้าผู้เป็นมารดาพยายามอย่างยิ่งที่จะสั่งสอนบุตรสาว แต่ด้วยเพราะความเป็นแม่ ทำให้ไม่อาจตัดใจใช้ไม้แข็งกับบุตรได้ ตอนที่กำลังอับจนหนทางอยู่นั้น ก็ได้เห็นแสงสว่างเมื่อนึกถึงวัดช่านไฉ่ที่ตัวข้ามาทำบุญและให้การบริจาคเสมอ ได้พบเจอท่านแม่ชีของวัดที่มีมารยาทดียิ่ง จึงอยากขอรบกวนให้ท่านแม่ชีช่วยอบรมสั่งสอนบุตรสาวของข้าให้มีมารยาทและรู้จักอดทนอดกลั้นมากกว่านี้ ตัวข้าให้สิทธิ์ท่านในการสั่งสอนได้อย่าง ‘เต็มที่’ และข้าจะมารับบุตรสาวกลับเมื่อนางถูกขัดเกลาอย่างสมบูรณ์แล้ว ด้วยความศรัทธาข้าได้ฝากเงิน ‘บริจาค’ ไปกับผู้ส่งสารด้วย เหยาเมี่ยวอิน ฮูหยินรองตระกูลหรง ยามเย็นอันสดชื่นวันนี้เธอขอให้ครอบครัวออกมาเปลี่ยนบรรยากาศรับสำรับกันที่ศาลาในสวนบ้าง “น้องเล็ก เจ้าช่างเก่งกาจยิ่ง พี่สามเห็นเช่นนี้แล้วไม่กล้าทำให้น้องเล็กโกรธเคืองพี่สามแน่นอน” ซ่งเยว่เล่อที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดถึงกับทำท่าหวาดกลัวตัวสั่น “คิกๆ น้องจะโกรธพี่สามลงได้เช่นไรเล่าเจ้าคะ” เสียงหัวเราะใสดังกระดิ่งแก้วทำให้ทุกคนมีความสุขมากขึ้น “เยว่เยว่ลงมือได้เฉียบคมนัก พี่ใหญ่คงต้องจำไว้เป็นเยี่ยงอย่างเสียแล้ว” ท่านรองแม่ทัพซ่งมองน้องสาวของตนด้วยความภูมิใจ เขาชอบที่น้องเล็กรู้จักสู้คนเช่นนี้ “แม่ว่าก็น่าสงสารคุณหนูรองหรงเช่นกันนะ เพราะอยู่ในที่ๆ มีแต่การแย่งชิงความโปรดปราณของบิดา ถึงได้กลายเป็นคนเช่นนี้” หลินซูฉีเอ่ยด้วยความเศร้าเล็กน้อย เด็กคนนึงต้องมาเสียคนก็เพราะความเห็นแก่ตัวของผู้เป็นบิดา “อย่าได้คิดเช่นนั้นเลยน้องหญิง คุณหนูนั่นโหดร้ายถึงขั้นวางยาฆ่าคน ที่เยว่เยว่ตอบโต้เพียงเท่านี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว” ซ่งหนิงเฉิงกุมมือบอบบางของภรรยาเบาๆ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขาไม่อยากให้ภรรยาใจอ่อนกับศัตรู “ข้าเข้าใจเจ้าค่ะ” ฮูหยินซ่งพยักหน้ารับคำของสามี “แต่น้องเล็กก็ทำตามที่รับปากกับท่านแม่ได้ครบทุกข้อเลยนะขอรับ ไม่ฆ่า (แต่ให้อยู่ไม่สู้ตาย) ไม่ทำร้ายร่างกาย (โดนคนนอกทำร้ายหรือจะเจ็บเท่าโดนบุพการีทำร้าย) ไม่เอาไปปล่อยทิ้งขว้าง (ไม่ได้เอาไปปล่อยเองแต่ทำให้จวนเสนาบดีเอาไปปล่อยแทน) แถมยังเอาคืนที่มาตามราวีเยว่เยว่ด้วยการทำให้ตระกูลไป๋ถอนหมั้นไปอีก” ซ่งเยว่ส่างยกยิ้มเจ้าเล่ห์ให้คนเป็นน้องสาว แผนการทั้งหมดทั้งมวลนี่เรียกได้ว่าเอาคืนจนถึงรากเลยทีเดียว ทางด้านเจ้ากระต่ายน้อยที่ได้ยินพี่ชายของตนสาธยายวีรกรรมก็ได้แต่ส่งยิ้มแหยไปให้มารดา ทำเอาทุกคนในบ้านหัวเราะออกมากับท่าทางน่าเอ็นดูนั่น ‘เท่านี้ก็จบเรื่องวุ่นวายได้เสียที’ เยว่กวางคิดพลางแย้มยิ้มกับความสงบสุขตรงหน้า ต่อจากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอจะต้องปกป้องคนในครอบครัวของเธอให้ได้ ไม่ว่าใครก็ตามที่จะมาทำลายครอบครัวของเธอ เธอจะทำให้มันผู้นั้นรู้ว่าการใช้ชีวิตเหมือนตกนรกมันเป็นเช่นไร… .......................................................................................
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม