“ผมขอโทษครับป่าน คือว่าผม…” เขาจำผิดคน! นั่นคือคำตอบที่ทำได้เพียงคิดในใจรู้สึกผิดต่อคนรัก ที่ไม่ค่อยให้ความสนใจเธอเท่าที่ควร
ทั้งๆ ที่ป่านฤทัยก็คอยเอาใจเขาแทบทุกอย่างเป็นอย่างดีมาตลอด
“คุณทรายสินะคะที่ชอบ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ผิดครั้งแรกป่านให้อภัย แต่ถ้ามีครั้งหน้าป่านจะงอนแล้วจริงๆ นะคะ” เพราะไม่อยากเห็นสีหน้าไม่สบายใจของอีกคนป่านฤทัยจึงเลือกที่จะปล่อยผ่านไป ทั้งๆ ที่ความจริงเธอกำลังรู้สึกแย่ ที่ต้องเป็นฝ่ายยอมทนทุกครั้งที่เขาให้ความสนใจอีกคน
คนที่เหมือนจะมีความหมายในชีวิตเขามากใครๆ
“ไม่มีแน่นอนครับ ผมสัญญา” ธเนศสัญญาก่อนจะตั้งใจว่าต่อไปนี้เขาจะเอาใจใส่คนรักให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ อย่างน้อยก็อยากตอบแทนเธอที่อดทนต่อหลายๆสิ่งที่เขาพลาดผิด อยากทำให้เธอมีความสุขในทุกวัน
“ขอเค้กส้มสามชิ้นครับ”
หลังจากเดินเลือกหาของขวัญให้มารดาจนได้นาฬิกาตั้งโต๊ะเรือนเล็กที่ท่านชอบสะสมชายหนุ่มก็จูงมือคนรักแวะมาที่ร้านเค้กแห่งหนึ่ง ท่าทางคล่องแคล้วขณะที่สั่งของโดยไม่ต้องมองเมนูทำให้เข้าใจได้ทันทีว่านี่มันคงไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเข้ามาอุดหนุนร้านเค้กเล็กๆ แห่งนี้อย่างแน่นอน
“ซื้อไปฝากคุณแม่เหรอคะ”
“เปล่าหรอกครับ พอดีผมจำได้ว่าไอ้ทรายมันชอบกินเค้กส้มที่ร้านนี้ ป่านอยากทานไหมครับเดี๋ยวผมสั่งให้” ธเนศตอบแบบไม่ทันคิด ต่างจากป่านฤทัยที่เงียบนิ่งไปนับนาที ก่อนจะแสร้งยิ้มกลับพร้อมตอบกลับไป
“ไม่ดีกว่าค่ะ ป่านกลัวอ้วน ถ้ายังไงป่านขอออกไปรอข้างนอกนะคะ” ชายหนุ่มยิ้มรับก่อนจะหันกลับไปให้ความสนใจกับเค้กตรงหน้า ไม่รู้เลยว่าทุกการกระทำของเขานั้น… ตกอยู่ในสายตาของคนรักตลอดเวลา
การหายตัวไปนานทั้งวันของธเนศสร้างความหงุดหงิดแก่เอื้องทรายไม่น้อย แต่เพราะรู้ตัวดีว่ากำลังยืนอยู่ในสถานะไหนในชีวิตของเขาเธอจึงทำได้เพียงเก็บมันไว้ แต่ไม่ว่าจะพยายามยังไงก็เก็บได้ไม่มิดอยู่ดี
“งอนอะไรฉันอีก!” เสียงเข้มเอ่ยถามพร้อมคว้าต้นแขนของอีกคนที่พอเห็นหน้าเขาก็ทำท่าจะเดินหนีไว้ ไม่ยอมให้เธอได้หนีกันไปไหนได้ทัน
“เปล่า!” เมื่อถูกถามก็ตอบ แต่เหมือนว่าเขาจะไม่เชื่อสักเท่าไหร่
“เอ้านี่ เอาไปกินซะนะจะได้หายงอน” เพราะรู้ดีว่าต้องง้อด้วยอะไรแม่ตัวดีจะหายงอนเขาถึงได้เลือกที่จะซื้อเค้กร้านโปรดมาฝาก และเหมือนมันจะได้ผลเพราะเธอเอื้อมมือมารับถุงเค้กไป ก่อนตวาดลั่นในนาทีต่อมา
“แกคิดว่าคนอย่างฉันซื้อได้ด้วยเค้กชิ้นเดียวรึไง!”
“ใครบอกสามชิ้นต่างหาก จะกินไม่กินถ้าไม่กินฉันจะเอาไปทิ้ง”
“จะเอาไปทิ้งทำไมให้เสียของ ที่กินเพราะฉันเสียดายเงินหรอกย่ะ!” เอื้องทรายตอบก่อนจะชิงเดินหนีเข้าบ้านพร้อมด้วยถุงเค้กในใหญ่ รอยยิ้มอ่อนหวานปรากฏขึ้นหน่อยๆ ดีใจไม่น้อยที่เขาจำได้ว่าเธอชอบไม่ชอบอะไร
“ไปเดทกับคุณป่านมาเป็นไงมั้ง” แม้จะบอกตัวเองว่าไม่ให้ไปสนใจเรื่องส่วนตัวของเขากับคนรัก แต่ปากเจ้ากรรมก็ดันห้ามไม่ยอมฟัง เผลอถามออกไป ก่อนจะแสร้งตักเค้กกินทำเหมือนไม่ได้ใส่ใจต่อคำตอบที่กำลังจะได้รับสักเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้วเธออยากรู้มันจนแทบขาดใจ
“ก็ดี ป่านเขาถามถึงแกด้วยนะ”
“ถามถึงทำไม เขาชอบเหรอที่ฉันไปเป็นก้างขวางคอแกกับเขา”
“ป่านเขาไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยแบบนั้นหรอกน่า! ไม่อย่างนั้นเขาจะปล่อยให้ฉันมาแต่งงานกับแกรึไง แล้วนี่กินดีๆ สิ นี่อายุสามขวบรึไงถึงได้กินเลอะแบบนี้!” เสียงเข้มดุก่อนจะยกมือขึ้นปาดเค้กจากริมฝีปากของอีกคนอย่างอ่อนโยน ก่อนที่จะชะงักเมื่อปลายนิ้วเผลอไปโดนริมฝีปากล่างของเธอโดยไม่ตั้งใจ ทำให้สองสายตาสบกันโดยบังเอิญนานหลายนาที
“ฉะ…ฉันเช็ดเองได้น่า!” สุดท้ายก็เป็นเอื้องทรายที่ตวาดลั่นทำลายความเงียบ ก่อนจะคว้าเอากระดาษชิชชูตรงหน้ามาเช็ดปากตัวเองลวกๆ
งานเลี้ยงฉลองวันเกิดของคุณวันดีถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมฐานะ ของท่าน แขกนับร้อยๆ ชีวิตต่างถูกเชิญให้มาร่วมงานกันอย่างเนืองแน่น หากแต่สิ่งที่เจ้าภาพของงานปรารถนาจะได้เห็นที่สุดนั้น กลับเป็นลูกสะใภ้คนสวย ที่ถูกขอร้องให้แต่งชุดล้านนาประยุกต์เป็นของขวัญวันเกิดให้ท่าน
“สวยไหมคะคุณแม่” เอื้องทรายหมุนตัวกลับมาถามแม่สามีที่กำลังยืนรอกันอยู่ที่หน้าห้องพร้อมรอยยิ้มสดใส ภาพนั้นทำอีกคนอึ้งไปครู่เพราะไม่เคยเห็นลูกสะใภ้สวมชุดพื้นเมืองแบบนี้มาก่อน แน่นอนว่าสวยมาก สวยสมกับที่นางอยากจะเห็น และเชื่อว่าคนอื่นๆ ก็คงคิดเหมือนกัน
“เหมือนนางฟ้านางสวรรค์เลยลูกหนูทราย หนูแต่งตัวแบบนี้แล้วน่ารักจริงๆ ว่าไงตาวิน หนูทรายน่ารักไหม” นางตอบก่อนจะหันไปมองบุตรชายที่ตอนนี้ได้แต่ยืนตาค้างมองภาพของคนตรงหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเท่าไหร่ ไม่อยากยอมรับแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าวันนี้เอื้องทรายสวยจับตา สวยในแบบที่เขาหรือใครๆ ไม่เคยได้เห็นมันมาก่อน
“ก็พอดูได้ครับ แต่ผมว่ามันจะไม่โป๊ไปหน่อยเหรอครับแม่” คนท่าเยอะกลืนน้ำลายลงคอก่อนตอบ เธอสวยก็จริงเขายอมรับ แต่เกาะอกที่ใส่มันกลับดันอะไรต่อมิอะไร ที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีมากเกินตัวจนล้นไปหมด
“โป๊อะไรกัน แม่ว่าก็สวยดีออก เพราะแกไม่ค่อยได้เห็นหนูทรายแต่งแบบนี้มากกว่า ไปกันเถอะลูกป่านนี้แขกรอกันแย่แล้ว แม่สวยรึยัง” เอื้องทรายไม่สนคนที่เอาแต่ยืนหน้าบึ้ง หันมาส่งยิ้มให้แม่สามีก่อนตอบ
“คุณแม่สวยทุกวันอยู่แล้วค่ะ นี่ถ้าไม่บอกว่าวันนี้อายุครบห้าสิบหกทรายต้องคิดว่าอายุแค่สี่สิบต้นๆ แน่เลยค่ะ” ธเนศมองบนเบาๆ เคารพให้การช่างประจบของภรรยาเสียเหลือเกิน เหมือนอีกคนจะรู้ว่าต้องทำยังไงให้แม่เขารัก เขาไม่แปลกใจเลยสักนิดที่ใครต่อใครจะพากันชอบเธอ
“ปากหวานจริงเด็กคนนี้ ไว้พรุ่งนี้แม่จะทำบัวลอยไข่หวานให้กิน”