Chapter 5 ข้าวผสมน้ำตา
แต่แล้วซูย่วนก็ต้องเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ เมื่อคุณหนูสกุลหูสวมใส่เสื้อผ้าไร้ราคา อีกทั้งยังไม่มีเครื่องประดับใดๆ ประโคมกายให้เหมาะแก่ฐานะของธิดาสกุลหู
มีเพียงปิ่นไม้เก่าๆ ประดับผมเท่านั้น
ดูเหมือนว่าอาภรณ์ที่งดงามที่สุดที่หูเส่าหลิงได้สวมใส่ก็คือชุดเจ้าสาวสีแดงมงคลนั่นเอง แล้วชุดพวกนั้นก็ถูกแม่ทัพถางฉีกทึ้งจนขาดวิ่นเสียแล้ว
‘แปลก...คุณหนูผู้นี้หยิบจับทุกอย่างคล่องแคล่ว’
ซูย่วนแอบประเมินอย่างเงียบๆ ปกติแล้วคุณหนูจากตระกูลขุนนางชั้นสูงจะมีสาวใช้คอยช่วยสวมเสื้อ ช่วยสางผม มวยผม ทว่าหูเส่าหลิงผู้นี้กลับม้วนมวยผมอย่างคล่องแคล่วราวกับว่าทำเองจนคุ้นชิน
‘จะเป็นไปได้อย่างไร ตระกูลหูร่ำรวยและมั่งคั่ง รวยมากจนมองคนอื่นราวกับสัตว์ หาใช่สิ่งมีชีวิตที่เสมอกัน’
เส่าหลิงนั่งลงบนโต๊ะ มองไก่งวงย่าง มองน้ำแกงตุ๋นแพะใส่รากโสมอย่างดี และข้าวสวยร้อนๆ พูนชามด้วยความรู้สึกว่า นี่ช่างเป็นอาหารที่ดี ทั้งชีวิตนางได้กินเพียงปลายข้าวหักหุงสุกกับผักกาดขาวผัดน้ำมันเท่านั้น
หญิงสาวคีบเนื้อไก่งวงเข้าปาก พลันน้ำตาก็ร่วงหล่นลงอาบแก้ม นางกิน กิน กินจนแก้มยุ้ย จัดการกินทุกอย่างจนไม่เหลือแม้เศษเสี้ยว กินทั้งน้ำตาจนใบหน้าแดงก่ำ ข้าวสวยผสานไปกับหยดน้ำตาจนเค็มปะแล่ม
ซูย่วนมองอย่างไม่เข้าใจก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความสงสารไม่รู้ตัว ด้วยสาวใช้วัยกลางคนเข้าใจว่าหญิงสาวผู้นี้คงกินอาหารด้วยความคับแค้นใจ ทั้งที่ความจริงแล้วเส่าหลิงกินด้วยความเอร็ดอร่อยและนึกย้อนไปถึงมารดาผู้ให้กำเนิด อยากให้ท่านได้กินอิ่มแบบนางบ้างแม้สักมื้อก็ยังดี
‘กูเจียเหวิน’ มารดาของนางเป็นหญิงงาม แม้จะเป็นสาวใช้แต่งกายด้วยเสื้อผ้าเก่าคร่ำคร่าแต่ก็ไม่อาจบดบังความงาม แน่นอนว่า ‘หูจุนเหลียน’ มองเห็นความงามนี้จึงได้ใช้กำลังบังคับข่มเหงให้ตกเป็นภรรยาอย่างไม่สมยอม
และด้วยความงามนี้ ทั้งภรรยาเอกและเหล่าอนุภรรยาจึงได้พากันกลั่นแกล้งรังเกียจ ข้าวที่ควรจะได้กินอิ่มสามมื้อก็เหลือเพียงสองมื้อ อีกทั้งยังได้กินแต่ผักต้มหรือดีที่สุดก็ผัดผักใส่น้ำมันเท่านั้น
ในที่สุดเมื่อนางอายุได้เจ็ดปี มารดาก็ทิ้งนางไว้ที่สกุลหูแล้วหลบหนีออกไปจากจวน ทิ้งจดหมายไว้เพียงว่า
‘เพราะแม่เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อย ทุกคนในจวนจึงเกลียดชัง ลูกของแม่ต้องมาถูกเกลียดชังไปด้วยก็เพราะชาติกำเนิดของแม่ หากไม่มีแม่อยู่เสียสักคน แม่ก็หวังเหลือเกินว่าเจ้าจะได้รับความเมตตาจากท่านพ่อ’
ความหวังของมารดาเป็นเพียงแค่ความหวังลมๆ แล้งๆ ที่ไม่มีวันเป็นจริง ไม่ว่าจะมีมารดาอยู่หรือไม่ชีวิตของหูเส่าหลิงก็ไม่อาจดีไปมากกว่านี้
ซ้ำร้ายนางยังถูกถากถางว่ามารดาหนีไปกับชู้ ถูกพี่น้องพ่อเดียวกันคอยกลั่นแกล้งรังแกเรื่อยมา
“โสมบำรุงเจ้าค่ะ โสมตัวนี้จะช่วยบำรุงให้มดลูกแข็งแรงเพื่อที่จะได้ตั้งท้องโดยไว”
“ขอบคุณ”
เส่าหลิงรับถ้วยโสมมาดื่มจนหมดโดยไม่อิดออด ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วบอกความจำนงแก่สาวใช้
“เจ้าพอจะช่วยเหลือข้าได้หรือไม่”
“…”
สาวใช้นิ่งเงียบไม่ตอบ ด้วยไม่ใช่หน้าที่ ประมุขสกุลถางต้องตายอยู่กลางลานกว้างภายในจวนด้วยฤทธิ์ของยาพิษ ดิ้นทุรนทุราย ใบหน้าแดงเถือก ลำคอพุพอง ภาพเหล่านั้นติดตาสาวใช้และบ่าวไพร่ทุกคนที่รักและเคารพท่านประมุขผู้มากไปด้วยความเมตตา
แน่นอนว่าในหัวใจของทุกคนอัดแน่นไปด้วยความแค้น เกลียดชังสกุลหูรวมทั้งเจ้าสาวผู้นี้ด้วย
“ข้าไม่ได้รบกวนอะไรมากมาย เพียงแค่อยากให้ช่วยบอกทางไปยังเรือนของท่านแม่ เพราะข้าต้องไปยกน้ำชาให้ท่านตามธรรมเนียมปฏิบัติ”
“เช่นนั้นก็ตามข้ามาเถอะเจ้าค่ะ แล้วข้าจะให้สาวใช้เป็นคนเตรียมน้ำชาให้ เพราะพวกเราไม่ไว้ใจให้คุณหนูจัดเตรียม...”
“ได้สิ”
เส่าหลิงพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะเดินตามออกไป นางไม่ได้เดินก้มหน้าและนั่นทำให้นางเห็นอากัปกิริยาของผู้คนในจวนที่แสดงชัดว่าเกลียดชังจนอยากจะพุ่งเข้ามาฆ่าฟันให้ตายตก
“คุณหนูโปรดรออยู่ตรงนี้ก่อน”
หญิงสาวพยักหน้าน้อยๆ รอให้สาวใช้วัยกลางคนเดินหายเข้าไปในเรือนนอนของฮูหยินผู้เฒ่าซึ่งมีศักดิ์เป็นมารดาสามี แม้จะรู้ดีว่าอีกฝ่ายคงไม่อยากได้นางเป็นสะใภ้อย่างแน่แท้
หายไปนาน เส่าหลิงได้ยินเสียงคล้ายพูดคุยไม่พอใจกันอยู่ครู่ใหญ่ ยิ่งทำให้นางรู้สึกอึดอัดและนึกโทษตัวเองที่แส่ไม่เข้าเรื่อง สะใภ้ที่ไม่ได้รับการยอมรับไม่จำเป็นต้องมายกน้ำชาให้มารดาสามี นางควรเก็บตัวเงียบๆ ทำตัวเป็นแม่พันธุ์ก็พอแล้ว
พลันประตูเรือนก็ถูกเปิดออก ซูย่วนใบหน้าไม่สู้ดีนัก แต่ก็พยักหน้าให้นางเดินตามเข้าไป
เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นถางฮูหยิน แม้จะเป็นหญิงชราผมขาวโพลนแต่ก็มีใบหน้าที่งดงามน่าเกรงขาม ภายในดวงตานั้นหม่นเศร้าฉายชัดว่ายังอาลัยอาวรณ์กับการจากไปที่ไม่อาจหวนกลับของสามี
“คารวะท่านแม่”
“เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าสองตระกูลเราไม่ถูกกัน”
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่อารัมภบทให้มากกว่า เอ่ยถามไปตรงๆ อย่างไม่อ้อมค้อม
“ทราบเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็อย่าได้เรียกข้าว่าแม่ เพราะข้าไม่คิดนับเจ้าเป็นลูก ให้เรียกข้าว่า ‘นายหญิงใหญ่’ อย่างที่สาวใช้ในจวนเรียกก็แล้วกัน”
“เจ้าค่ะนายหญิงใหญ่”
หูเส่าหลิงรับคำอย่างว่าง่าย ทำให้หญิงชราถึงกับแอบเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ด้วยตั้งป้อมปราการเอาไว้ว่าจะได้เห็นมารยามากเล่ห์ของลูกสะใภ้สกุลหู
หญิงสาวเดินไปรินน้ำชา ก่อนจะคลานเข่าเข้าไปยกน้ำชาให้อีกฝ่าย ทว่า...
ฮูหยินผู้เฒ่ากลับรับจอกน้ำชานั้นแล้วเททิ้งลงบนพื้นด้วยใบหน้าเย็นชา เส่าหลิงไม่ได้แสดงท่าทางตกใจเพียงก้มหน้าน้อยๆ
“เสร็จธุระแล้วก็ไปเถอะ แล้วหากไม่มีเรื่องคอขาดบาดตายก็อย่าได้มาให้ข้าเห็นหน้าอีก”
“รับทราบเจ้าค่ะ”
หูเส่าหลิงโค้งคำนับก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นยืนหมุนตัวแล้วเดินจากมาโดยไม่ปริปากพูดอะไรเลย
หูเส่าหลิงเดินกลับมาที่เรือนหอเพียงลำพัง สาวใช้วัยกลางคนไม่ได้เดินตามมาด้วยเพราะไม่ได้มีหน้าที่คอยดูแลรับใช้นาง เป็นเพียงผู้คอยควบคุมการรับประทานอาหารและยาบำรุงเท่านั้น
ไม่มีใครสนใจว่านางจะทำอะไรที่ไหน นอกจากสายตาเกลียดชังที่มองมาเป็นระยะอย่างไม่ชอบใจเท่านั้น เส่าหลิงจึงใช้โอกาสนี้เดินออกไปจากจวน มุ่งหน้าไปยังตลาดด้วยสองเท้า