บทที่ 12 ห้องเจ้าอยู่ไหน?

1364 คำ
เมื่อนักเล่านิทานลงจากเวทีไปแล้ว คนทั้งโรงเตี๊ยมยังจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ว่าผู้ใดคือนักแปลงโฉมที่ถูกกล่าวถึง หงซือซือตามนักเล่านิรนามผู้นั้นไปเมื่อเดินถึงตัวในระยะประชิดนางจึงผงะเมื่อเห็นรอยแผลเป็นขีดเล็กๆ หลังใบหู “ท่านอาเจียงข้าคิดแล้วเทียวว่าต้องเป็นท่าน นี่คงกลัวว่าคนทั้งยุทธภพจะไม่รู้ล่ะสินะว่ายังมีเซียนพันหน้าอย่างท่านอีกคน”             ชายชราหันกลับมา “ฮ่าๆ ไม่คิดว่าเจ้าจะจับข้าได้เร็วเช่นนี้ แต่ยามนี้ข้าคงอยู่ต่อไม่ได้แล้ว เพราะต้องเร่งมือเดินทางไปแคว้นผิงอีก”             “ท่านรับงานไว้อีกหรือ?”             “ไม่เชิง ท่านพ่อเจ้าแค่ต้องการให้ข้าช่วยไปดูลาดเลาที่เมืองผิง”             “เช่นนั้นข้าไม่รั้งท่านแล้ว กล่าวลากันยามนี้เลย” นางยกสองมือขึ้นประสานคารวะแด่เจียงเผิงเผิง ฝ่ายนั้นไม่ผงกศีรษะรับแล้วกระโจนลงเรือที่มีนั่งรอในตำแหน่งฝีพายอยู่แล้ว             จอมยุทธ์หงหันหลังกลับ ในห้องโถงโรงเตี๊ยมยุทธภพมีจอมยุทธ์มากมายเอาสินค้าที่ตนหอบหิ้วมาด้วยออกมาเรียงรายบนโต๊ะเพื่อวางจำหน่าย ของส่วนใหญ่ล้วนเป็นของหายากและเจ้าตัวพึงพอใจที่จะนำมาขายให้กับเพื่อนๆ จอมยุทธ์ด้วยกันเท่านั้น             “ข้าอยากได้มีดพับ เราลองไปหาดูกันหน่อยเถิด เคยเห็นนักฆ่าสำนักมืออสูร   ผู้หนึ่ง ควักออกมาใช้” พระชายาหานซู่ลี่เดินมาประชิดสหาย             “หากเจอเราก็ซื้อคนละอัน เดี๋ยวข้าจะจ่ายเงินเอง”             “ขอบใจ ท่านเจ้าสำนัก” หานซู่ลี่ที่เป็นนินจารับจ้างในสังกัดของสำนักคุ้มภัยหงส์ไฟ หลังจากพระสวามีรู้แล้วว่านางเป็นนินจาและกำลังตั้งครรภ์จึงสั่งห้ามมิให้นางรับงานอีก แต่ว่าหากมีเหตุเหลือบ่ากว่าแรงหงซือซือก็ยังหวังจะให้เพื่อนรักมาช่วยนางอยู่ดี เพราะผู้ที่จะมีฝีเท้าเบาดุจขนนก เร้นกายได้อย่างหมดจดพี่เพียงนินจาผู้นี้เท่านั้น             กว่าสตรีทั้งสองจะชมสินค้าที่มีผู้นำเอามาวางจำหน่ายได้จนหมดทุกเจ้าก็เป็นยามตะวันจะลับขอบฟ้า ท่านอ๋องเก้ากับคุณชายสามที่ตระเวณพูดคุยกับจอมยุทธ์รอบๆ โรงเตี๊ยมเพื่อหาข่าวเริ่มรู้สึกหิวจึงเดินกลับมาตามหาพระชายากับจอมยุทธ์หง             “น้องหญิงเจ้าได้อะไรมาบ้าง?” อ๋องเก้าเดินเข้าไปใกล้ภรรยาเห็นนางกำลังลูบคลำห่อผ้าเล็กๆ ในมืออย่างมีความสุข             “ความลับเจ้าคะท่านพี่ ข้าตามหาของสิ่งนี้มานานแล้ว นับว่ามีวาสนาที่มาเจอที่นี่” นางเก็บห่อผ้านั้นเข้าไปไว้ในสาบเสื้อ “ท่านพี่คงหิวแล้วล่ะสิเจ้าคะ”             “ใช่! หิวจนกินเจ้าได้ทั้งตัวเชียว” เขาเอียงคอมาพูดข้างหูภรรยา ดวงตาวับวาวนั้นคล้ายหมายถึงเรื่องอาหาร             “คืนนี้คืนสุดท้ายที่เราจะพักที่นี่แล้วนะเจ้าคะ” นางช้อนตาขึ้นมองสามีด้วยนัยเดียวกัน “ท่านพี่ไม่คิดจะพักผ่อนใช่หรือไม่?”             “หากมีเจ้า ก็ไม่รู้ว่าจะได้พักเต็มที่ไหม?” อ๋องเก้าอมยิ้มน้อยๆ ทำเอาคุณชายสามที่เดินนำหน้าไปไม่ไกลได้ยินประโยคหยอกเอินระหว่างสามีภรรยาถึงกับแกล้งไอ             “แค่กๆ พวกเจ้าเบาๆ หน่อย เห็นใจคนโสดบ้าง”             “ท่านน่ะรึ?” สองสามีภรรยาอุทานออกมาพร้อมกัน             “เฮ้อ! หากท่านโสดทั้งห้าแคว้นคงจะไร้คู่เสียแล้ว” น้องสะใภ้ที่ไม่กลัวฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเอ่ยเย้า             หงซือซือนั่งลงก่อนใครนางกวักมือเรียกเสี่ยวเอ้อมาสั่งอาหาร “เอาผัดผักรวม แพะตุ๋นน้ำแดง” นางหันไปมองเพื่อนร่วมโต๊ะ “พวกท่านสั่งเอาเองเถิดข้าได้ของที่ชอบแล้ว” คุณชายสามอมยิ้มหันไปยื่นแผ่นรายการอาหารให้น้องสะใภ้ หานซู่ลี่สั่งอาหารอีกสามรายการที่สวามีนางชอบ             “น้องสะใภ้เจ้าสั่งอาหารที่พี่สามีชอบบ้าง อย่ามัวเอาใจแต่เจ้าเก้า”             “ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าท่านชอบสิ่งใดเล่า?”             “ไม่เป็นไร ข้ากินแพะตุ๋นน้ำแดงกับน้องหงก็ได้ แค่นี้อาหารก็เต็มโต๊ะแล้ว ประเดี๋ยวกินไม่หมดเสียดายแย่” หานซู่ลี่กับหงซือซือหันไปมองฮ่องเต้อย่างแปลกใจ มิใช่อาหารบนโต๊ะเสวยของฮ่องเต้แต่ละมื้อมีนับร้อยอย่างหรือ? เหตุใดจึงกล้าเอ่ย     คำว่าเสียดายอาหารออกมาได้?             “คืนนี้มีจอมยุทธ์ผู้งดงามจะมารำกระบี่ให้พวกเราชมเป็นขวัญตาถือว่าเปลี่ยนบรรยากาศ ปกติได้ดูแต่สาวงามร่ายร่ำข้าเองก็เบื่อเต็มทีแล้ว” ฮ่องเต้หัวเราะร่วน     หงซือซือมองเขาด้วยสายตาฉงน นางคิดว่าฮ่องเต้ผู้นี้ชายานับร้อยสนมนับพันน่าจะสำเริงสำราญกับโฉมงามที่รุมล้อมอย่างระเริงใจ เขาหันมาเห็นสายตากังขา “น้องหงเจ้าไม่เชื่อข้าหรือ? นี่ข้าพูดจริงนะ การมีสาวงามรุมล้อมบางทีมิใช่โชคดีเสมอไป อาจจะเป็นเคราะห์ร้ายได้ด้วย”             “สำหรับข้ามีน้องหญิงเพียงผู้เดียวก็พอแล้ว” ท่านอ๋องเก้าหันไปโอบไหล่ยิ้มกว้างให้ภรรยา หานซู่ลี่หันมายิ้มหวานตอบสามี ทาบมือบนหลังมือที่เขาอีกข้าง “แค่นางคนเดียวข้าก็รับมือจะไม่ไหวแล้ว ขืนมีเยอะเหมือนพี่สามเห็นทีคงปวดหัวแย่”             คุณชายสามถลึงตาให้น้องชาย “ไม่ต้องมาแขวะข้า ข้าอยากจะมีเยอะๆ แบบนั้นที่ไหนกันเล่า? บางทีก็จำใจต้องรับมาต่างหาก”             “ท่านรับมาแล้วก็ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้เองก็ได้นี่? แจกจ่ายให้น้องๆ คนอื่นๆ ที่ยังไร้คู่บ้างก็ได้” ท่านอ๋องเก้าปรายตาดูพี่ชาย นึกถึงตอนที่ฮ่องเต้รับองค์หญิงหานซู่ลี่จากแคว้นเว่ยเอาไว้ แต่เพราะโดนนางหลอกลวงจึงมายัดเยียดให้กับน้องชาย             “อืม....เจ้าพูดเช่นนี้ คราวหน้าข้ารับเพียงฮองเฮาไว้ผู้เดียวเท่านั้น นางมีผู้ส่งนางสนมมาเพิ่มอีกข้าจะส่งไปให้น้องชายที่เหลือแน่นอน” ฮ่องเต้เคยเจ็บใจที่ตนถูกโฉมงามอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดินอย่างองค์หญิงหานซู่ลี่แอบกินยาให้ตัวอ้วนใหญ่จนพระองค์ไม่กล้ารับไว้เป็นพระสนม ต้องพลาดส่งคนงามไปให้กับท่านอ๋องเก้า แต่ก็อดยินดีด้วยไม่ได้ที่ได้เห็นทั้งคู่รักใคร่ปรองดองอยู่กันอย่างมีความสุข “น้องหง แล้วเจ้ามีสตรีในดวงใจหรือยัง?”             หงซือซือสะดุ้งคุยกันเรื่องเหล่าสตรีวังหลังอยู่ดีๆ เหตุใดจึงวกมาที่นางได้    จอมยุทธ์หงรีบส่ายหน้า “ข้ายังไม่มี”             “ดีแล้ว! ให้ข้าแนะนำสตรีดีๆ ให้กับเจ้าดีหรือไม่?” ฮ่องเต้หมายมั่นปั่นมือว่าวันข้างหน้าจะเลือกภรรยาให้น้องรักคนนี้ด้วยตนเอง พร้อมจัดสมรสพระราชทานให้เสียด้วยเพื่อแสดงความจริงใจ น้องหงคงจะซาบซึ้งใจในมิตรภาพของเขาเป็นแน่             “มะ ไม่ต้องก็ได้ขอรับ ข้าคิดว่าปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตาวาสนาเถิด”             “ฮ่าๆ ไม่ได้ๆ ข้าอยากเป็นผู้เฒ่าจันทราให้เจ้ายิ่งนัก แต่ก่อนอื่นเราจะจากกันพรุ่งนี้แล้ว คืนนี้เจ้าดื่มกับข้าอีกสักหน่อยถือเป็นการอำลาดีหรือไม่?”             “ข้าว่าไม่ต้องดีกว่านะพี่สาม ประเดี๋ยวท่านเผลอดื่มมาก พรุ่งนี้จะลำบาก”             “เอาน่า! ข้าจะดื่มแค่ไหเดียวพอให้นอนหลับสบาย” คุณชายสามเกรงว่านางจะปฏิเสธรีบขยับเก้าอี้มาใกล้ “ข้าไปนั่งดื่มที่ห้องพักเจ้าก็ได้ ว่าแต่ห้องใหม่ของเจ้าอยู่ตรงไหนล่ะ?”             “อะ เอ่อ! ข้าว่าคืนนี้พวกเราแยกย้ายกันพักผ่อนจะดีกว่า”    *******************
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม