ทะเลสาบเซินหลันเซ่อกว้างใหญ่เดินทางจากเมืองหลวงหนึ่งวันเต็มๆ ก็ไปถึง รถม้าสองคันแล่นตามกันมาจอดที่ท่าเรือเล็ก โรงเตี๊ยมริมท่าเรือมีลูกค้ามาเยือนไม่ขาดสาย เถ้าแก่เดินออกมาต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
“พวกท่านต้องการห้องพักพี่ห้องขอรับ!”
“เราต้องการเรือสามลำ”
“ไม่พักก่อนหรือขอรับ ยามนี้หมอกยังหนาอยู่ หากพวกท่านคิดจะเข้าโรงเตี๊ยมยุทธภพอาจจะยากลำบากไปสักหน่อย”
“ไม่เป็นไร เจ้าบอกค่าเช่าเรือมาเลย”
“เช่ายามนี้ราคาไม่แพงแต่ต้องมีค่าประกันเรือด้วย หากพวกท่านไม่สามารถเอาเรือมาคืนข้าได้ ค่าประกันนี้เป็นอันว่ากลายเป็นราคาซื้อขาด”
อ๋องเก้าตกลงหยิบเงินมาจ่ายค่าเรือนสามลำแล้วหันไปพยักหน้าให้ตงชางกับหนานเฉิงองครักษ์ประจำตัวตามเถ้าแก่โรงเตี๊ยมออกสำรวจเรือให้เรียบร้อย ส่วน หงซือซือนำเอาหัวหน้าสวีซึ่งเป็นผู้ดูแลสำนักคุ้มภัยหงส์ไฟสาขาเมืองหมิงมาด้วย การจะเข้าไปโรงเตี๊ยมยุทธภพได้ต้องมีคู่หูที่เป็นยอดฝีมือช่วยกันฝ่าค่ายกลจึงจะทำสำเร็จโดยง่าย
“พร้อมแล้วพวกเราก็ไปกันเลย” หงซือซือคึกคักกว่าทุกคน วันนี้นางแปลงโฉมเป็นบุรุษและให้ทุกคนเรียกขานเพียงจอมยุทธหง ส่วนพระชายาหานซู่ลี่ก็มาในชุดทะมัดทะแมง ความจริงนางทั้งสองต้องการจะนั่งเรือคู่กันทว่าเห็นสายตาดุดันของท่านอ๋องเก้าแล้วจำต้องแยกย้าย
“เจ้ามานั่งลำนี้น้องหญิง ข้าจะได้ดูแลอย่างเต็มที่” อ๋องเก้าชี้นิ้วไปที่นั่งด้านหน้า อีกมือก็คว้าไม้พายมากำไว้ เมื่อภรรยานั่งลงแล้วก็ยื่นไม้พายอีกอันให้นาง “เจ้าต้องใช้ไม้พายนี้ช่วยข้าป้องกันพวกท่อนไม้ที่จะพุ่งเข้ามา เราต้องระวังอย่าให้เรือคว่ำ เจ้าระวังหน้าให้ดี ส่วนด้านหลังข้าจะพายเอง” เรือน้อยสามลำพายตามกันไปจนถึงกลุ่มเมฆหมอกข้างหน้า
คืนนี้แม้พระจันทร์ไม่เต็มดวงแต่กลับส่องแสงสว่างทั่วเวิ้งน้ำ ทะเลสาบ เซินหลันเซ่อมีน้ำสีเข้มกว่าปกติหากมองในช่วงกลางวันจะเห็นเป็นสีน้ำเงิน รอบทะเลสาบเป็นที่ลาดเล็กน้อยแล้วก็เลยไปเป็นภูเขาขนาดหย่อมอยู่รายรอบ ช่วงกลางทะเลสาบมีเกาะแก่งใหญ่อยู่แห่งหนึ่ง จอมยุทธ์ฉู่ผู้เคยครองตำแหน่งเจ้ายุทธภพ ได้มาก่อสร้างโรงเตี๊ยมแห่งนี้และยังส่งต่อกันในสกุลฉู่ คราหนึ่งเกิดเหตุนองเลือด ณ ลานด้านหน้าโรงเตี๊ยม จอมยุทธ์ฉู่คนล่าสุดจึงได้สร้างค่ายกลรอบด้านเพื่อป้องกันมิให้เหล่านักฆ่าเข้ามาที่นี่ได้ง่าย
อาคารใหญ่สองชั้นบนเนินเขากลางทะเลสาบที่ปรากฏเบื้องหน้าเมื่อเรือสามลำลอยเข้าไปใกล้ก็เริ่มมีกลุ่มหมอกขาวลอยเข้าปกคลุม
“อา! โรงเตี๊ยมหายไปแล้ว หมอกหนาจริงๆ ท่านพี่”
“เจ้าอย่ามัวแต่ดูเพลินล่ะ ระวังเอาไว้เราจะเข้าไปในกลุ่มหมอกแล้ว” ท่าน อ๋องเก้ารีบเตือนภรรยาเมื่อเห็นนางมัวแต่มองซ้ายมองขวาอย่างตื่นเต้น
“เอาล่ะ แยกย้ายเข้าคนละด้านนะ เพราะถ้าพายตามกันค่ายกลจะบีบรัดพวกเรา คอยระวังท่อนไม้ที่จะพุ่งเข้ามาให้ดี” หงซือซือร้องบอก นางกำกับให้หัวหน้าสวีพายเรือออกไปทางขวา
เมื่อพายเรือเจ้าไปในกลุ่มหมอกไม่นานนัก ก็ปรากฏช่องสำหรับให้เรือพายไปได้โดยมีทางเลือกสองทาง หงซือซือชี้เลือกด้านซ้าย นางกำไม้พายแน่นเมื่อสังเกตว่าผืนน้ำมีแรงกระเพื่อมเพิ่มขึ้น “มันกำลังจะมาแล้ว! เตรียมตัว!”
ท่อนซุงใหญ่ปลายล่ามด้วยโซ่ ถูกปล่อยลอยน้ำพุ่งเข้ามาหาเรือ หงซือซือใช้ไม้พายที่ทำมาจากท่อนเหล็กค้ำยันไว้แล้วปัดออกไปทางซ้ายและขวา ในม่านหมอกมีลำไม้ไผ่ลำใหญ่พุ่งออกมานับไม่ถ้วน หงซือซือกำไม้พายเหล็กด้วยสองมือบริเวณกึ่งกลางแล้วกวัดแกว่งไปมาเพื่อสกัดท่อนไม้ไผ่ที่หมายพุ่งชนส่วนศีรษะ หัวหน้าสวีทั้งโยกหัวหลบท่อนไม้ไผ่ทั้งพยายามพายเรือไปตามช่องทางที่หมอกเว้นว่างไว้ ตะเกียงที่มัดอยู่หัวเตียงทำให้มองเห็นข้างหน้าได้ถนัดถนี่
“นายท่านใกล้จะถึงหรือยังขอรับ”
“ยังเหลืออีกด่าน เจ้าพายไปเรื่อยๆ” สักพักหนึ่งซุงที่ลอยมาพุ่งชนเรือก็หายไป เหลือเพียงไม้ไผ่ที่พุ่งออกมาไม่ขาดสาย “ซุงหายไปหมดแล้ว ระวังคลื่น ถ่วงเรือให้ดีมันจะพยายามทำให้เรือล่ม วางพายแล้วคว่ำหน้าลงไป” จอมยุทธ์หงร้องเตือนหัวหน้าสวี คลื่นขนาดใหญ่เริ่มโถมเข้าหาเรือน้อยจนโคลงเคลง หงซือซือเกร็งพลังไปทั่วร่างวางพายลงบนพื้นเรือโน้มตัวไปเกาะกราบหน้าเรือไว้แน่น หัวหน้าสวีทำเช่นเดียวกับ หงซือซือ คลื่นแรงจนเรือโยนตัว “กดไว้แน่นๆ อีกไม่นานคลื่นก็จะหมดแล้ว”
คลื่นสูงเป็นศอกกระแทกเรือเข้าถี่ๆ เรือน้อยค่อยๆ ลอยถอยไปจากจุดหมาย เมื่อพวกเขาประคองเรือเอาไว้ได้หนึ่งเค่อต่อมา คลื่นนั้นก็หายไป
“นายท่าน คลื่นหมดแล้ว”
“เจ้าเร่งพายเร็วเข้า! คราวนี้จะมีไม้มาทิ่มเรือให้ทะลุ” นางเด้งตัวขึ้นหยิบพายขึ้นมาจ้วงอย่างเร็วและแรง สวีเหยียนเล่อไม่รอช้าเร่งมือทำตามเจ้านาย เรือของพวกเขาเดินหน้าไปตามช่องว่างระหว่างกลุ่มหมอกอย่างรวดเร็ว “เห็นตลิ่งแล้ว! ระวังตัว” หงซือซือกำพายแน่นแล้วลุกขึ้นยืนกางขาถ่วงน้ำหนักเรือ ทันใดไม้ไผ่ปลายแหลมก็เสียบขึ้นมาจากใต้น้ำจนทะลุเรือขึนมาหลายแห่ง และท่อนซุงที่ปลายล่ามโซ่ข้างหนึ่งก็พุ่งออกมา “ข้าไปก่อนนะ!” นางกระโจนไปข้างหน้าใช้ปลายเท้าแตะท่อนซุงที่ไหลมาไม่ขาดสาย จนถึงจังหวะใกล้จะถึงตลิ่งก็มีท่อนไม้ไผ่จำนวนหนึ่งพุ่งใส่ร่าง นางเอาพายเหล็กปัดท่อนไม้ไผ่ออกก่อนจะกระโจนใช้เท้าแตะตลิ่งได้สำเร็จ ข้างหลังมีหัวหน้าสวีกระโจนตามมาติดๆ
หงซือซือเข้าไปจองโต๊ะใหญ่พร้อมสั่งอาหารรอ จอมยุทธ์ที่นั่งโต๊ะอื่นๆ หันมามองนางครู่หนึ่งแล้วก็ละความสนใจเมื่อเห็นว่านางมิใช่คนดังหรือคนที่ตนรู้จัก ไม่นานนักท่านอ๋องเก้าก็เดินกุมมือพระชายาหานเข้ามา ส่วนตงชางกับหนานเฉิงทำหน้ามุ่ยเดินคู่กันเข้าตรงมายังโต๊ะที่เจ้านายนั่งรออยู่
“องครักษ์ตง เจ้าทำไมทำหน้าเช่นนั้น?” จอมยุทธ์หงร้องทัก
“หนานเฉิงน่ะสิ ไม่ระวังทำเรือคว่ำ ดีว่าข้าเกาะขอนไม้ใหญ่ไว้ได้ทัน เสื้อผ้าข้าเปียกหมด ทั้งยังห่อผ้าข้างหลังอีก”
“เจ้าพูดยังกับข้าไม่เปียก บอกเจ้าแล้วไงว่าตอนที่คลื่นมาให้หมอบต่ำๆ เจ้าก็ยังจะยืนอยู่นั่นล่ะ”
“ข้ากำลังปัดท่อนไม้ไผ่ที่มันพุ่งใส่หัวเจ้าอยู่นะ”
“เอาล่ะ! มาถึงได้ก็ดีแล้ว ไม่บาดเจ็บก็ถือว่าประสบความสำเร็จ” ท่านอ๋องเก้าอมยิ้มมององครักษ์ทั้งสองของตนที่เปียกมะล่อกมะแล่ก ทั้งยังมายืนเถียงกันเหมือนกับเด็ก พวกเขาวางห่อผ้าที่พกมาลงบนโต๊ะใกล้ๆ
“เจ้าก็ไม่เปียกมากนี่ ยังนั่งกินข้าวได้ มาเถอะข้าสั่งอาหารเผื่อไว้แล้ว” จอมยุทธ์หงหันไปสั่งให้เสี่ยวเอ้อยกอาหารที่นางสั่งไว้ออกมาให้หมด ทุกคนก็นั่งล้อมวงเริ่มรับประทานอาหารร่วมกัน
*****************
ไรท์แนะนำ.....นิยายซีรี่ย์นี้มีทั้งหมด 6 ภาคด้วยกัน (เขียนถึงต้นสิงหาคม 2564) ซึ่งแต่ละเรื่องสามารถอ่านแยกกันได้ เพียงแต่ตัวละครจะรู้จักหรือเป็นญาติกันคะ่ เรื่องที่ 1 "ท่านอ๋องอย่าคิดหนี" เรื่องที่ 2 "ท่านอ๋องเป็นของข้า" พระเอกคือ หมิงเฉินกง เป็นน้องชายของพระเอกภาค 1 เรื่่องที่ 3 "ท่านอ๋องกับชายาหมี" พระเอกคือ ท่านอ๋องเก้า เป็นน้องชายของพระเอกภาค 1 เรื่องที่ 4 "ท่านหญิงจีจอมพลัง" พระเอก คือ ฟ่านหลี่เจี๋ย เป็นพี่ชายของนางเอกภาค 1 เรื่องที่ 5 "ซือซือ ฮองเฮาพันโฉม" พระเอกคือ ฮ่องเต้หมิง พี่ชายของพระเอกภาค 1 เรื่องที่ 6 "สายลับจับอ๋องใหญ่" พระเอกคือ องค์ชายจินเสวี่ยหลงพี่ชายของนางเอกภาค 2 ทุกเล่มมี EBOOK จำหน่ายค่ะทางเว็บไซต์ขายอีบุ๊กหลายเว็บนะคะ.....ติดตามข้อมูลนิยายของไรท์ได้ทางเฟสบุ๊กจ้า https://web.facebook.com/Chaomuangtawanok2057 จำนวนตัวอักษรแก้ไข