ฉันต้องชนะเกมนี้

1517 คำ
ตอนที่ 7 ‘จูบแรก..’ ถูกขโมยอย่างไม่ทันตั้งตัว หญิงสาวโกรธการกระทําอันจาบจ้วงของผู้ชายตรงหน้า แต่ที่โกรธที่สุดคงจะเป็นโกรธตัวเองที่ประมาทเกินไป ปล่อยให้เขมชาติเข้าถึงตัวได้ง่าย และโกรธตัวเองที่เผลอจูบตอบไปด้วย พริมโรสไม่คิดมาก่อนว่าเขมชาติจะกล้าทําถึงขนาดนี้ แม้ว่าเธอจะพอรู้กิตติศัพท์ของชายหนุ่มคนดังกล่าวมาบ้างว่าเป็นเสือผู้หญิงที่หาตัวจับยาก แต่เขาก็เป็นคนระมัดระวังตัวพอที่จะไม่ทําอะไรรุ่มร่ามต่อหน้าคนอื่น หรือทําอะไรให้ใครเห็น แต่นี่กลับล่วงเกินเธออย่างไม่สนว่าใครจะมอง ‘มันจะมากไปแล้ว...’ ยิ่งสายตาวับ ๆ แวม ๆ ที่ชายหนุ่มส่งมาให้ยิ่งทําให้อารมณ์โกรธที่มีอยู่แล้วปะทุขึ้นอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ‘คิดว่าฉันจะยอมเหรอ...’ หญิงสาวไม่คิดเปล่า มือยังไวเท่าความคิดอีกด้วย เพราะเมื่อตั้งสติได้ พริมโรสก็หยิบของที่ใกล้มือที่สุด นั่นก็คือกระทะอันร้อนระอุด้วยผัดผักรวมมิตรบนเตาที่เธอกําลังทําอยู่ ถูกนํามาใช้เป็นอาวุธอย่างไม่คิดเสียดายของ ...โพล้ง... เสียงกระทะที่ฟาดใส่เขมชาติอย่างไม่ออมแรง โชคดีที่ชายหนุ่มไหวตัวทันยกแขนขึ้นมาบังได้ ก่อนที่จะโดนเข้าเต็ม ๆ ที่ศีรษะ เป็นผลให้ผัดผักร้อน ๆ ลงไปกองบนแขนของชายหนุ่มก่อนจะหล่นลงพื้น โชคดีที่เขมชาติไม่เป็นอะไรมาก เพราะสูทตัวหนาที่สวมอยู่ช่วยกันไม่ให้ของร้อนสัมผัสกับผิว แค่ฟาดครั้งเดียวยังไม่ทําให้พริมโรสพอใจ เธอเงื้อมือขึ้นจะฟาดซํ้าลงไปอีก แต่ข้อมือเธอถูกคาร์ลอตเข้าจับไว้ ก่อนที่จะทันได้ทําร้ายเจ้านายตัวเองอีกรอบ แค่นั้นไม่สามารถจะหยุดพริมโรสได้ เพราะเธอใช้มืออีกข้างจับข้อมือข้างนั้นของคาร์ลอตก่อนจะบิดตัวออกจากการเกาะกุม แถมยังยกเท้าขึ้นถีบชายตัวใหญ่ให้กระเด็นออกไป คาร์ลอตกระเด็นไปถูกโต๊ะรับประทานอาหารกลางห้อง ทําให้ข้าวของที่วางอยู่บนนั้นหล่นกระจัดกระจาย เมื่อจัดการคนที่มายุ่งออกไปแล้ว พริมโรสก็หันมาเล่นงานเขมชาติต่อ แต่คราวนี้ชายหนุ่มไม่ปล่อยให้หญิงสาวได้ทําร้ายตัวเองตามใจชอบได้อีกแล้ว เขาใช้มือข้างหนึ่งยึดข้อมือข้างที่ถือกระทะไว้ ส่วนอีกข้างใช้หยุดหมัดที่ถูกปล่อยออก ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรวมข้อมือแล้ว กระชากร่างบางเข้ามากอด “ก็บอกว่าอย่าดื้อไง...ที่รัก” 'ผู้หญิงอะไรฤทธิ์เยอะชะมัด คอยดูจะกำราบให้อยู่หมัดเลย' พริมโรสที่ถูกจํากัดอิสรภาพไว้ในอ้อมกอดที่แข็งแรงของชายหนุ่ม ที่ทั้งกอดทั้งรัดไม่ปล่อยให้เธอมีโอกาสได้ใช้มือทําร้ายเขาได้อีก แต่หญิงสาวก็ไม่ได้ยอมหยุดอยู่แค่นั้น เพราะเธอยกเข่าขึ้นมาหมายจะแทงให้โดนจุดสําคัญของชายหนุ่ม แต่เขมชาติกลับหลบทันแถมยังใช้ขาตัวเองล็อกไว้อีกต่างหาก เรียกได้ว่าตอนนี้ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร เพราะกอดกันนัวเนียไปหมด และก็เป็นพริมโรสที่เสียทีเขมชาติ เพราะแรงที่เยอะกว่า แต่เธอเองก็ใช่ว่าจะยอมแพ้ง่าย ๆ ทั้งดิ้น ทั้งข่วน ให้เขมชาติปล่อย จนชายหนุ่มทนไม่ไหวต้องใช้มือข้างหนึ่งจับยึดต้นคอของหญิงสาวไว้ ก่อนจะก้มหน้าลงมาจูบอย่างรุนแรงเป็นการทําโทษที่หญิงสาวไม่ยอมอยู่นิ่ง จุมพิตที่ดูเนิ่นนานและรุนแรงกว่าครั้งแรก นานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ นานพอที่จะทําให้ผู้หญิงในอ้อมกอดเริ่มโอนอ่อนมาบ้างแล้ว จุมพิตที่รุนแรงในตอนแรกก็กลับกลายมาเป็นจุมพิตแบบอ่อนหวานแทน แต่...เขมชาติต้องรีบผลักพริมโรสออกไปสุดแขน เมื่อทั้งคู่แยกออกจากกันแล้ว ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์จึงมองเห็น คราบเลือดที่ติดอยู่บนริมฝีปากของคนทั้งคู่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเกิด อะไรขึ้น แต่ที่ไม่รู้คือ ต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นต่างหาก ‘ผู้หญิงหรือหมาบ้ากันแน่ กัดมาได้..’ ‘ไอ้!..ผู้ชายมักมากเอ้ย!’ ทั้งเขมชาติกับพริมโรสต่างจ้องมองกันเงียบ ๆ เพี่อประเมินท่าทีของอีกฝ่าย อีกทั้งแววตาที่ลุกโชนด้วยประกายไฟของคนทั้งคู่ทําให้ไม่มีใครกล้าเข้ามาขวาง เพราะตอนนี้ทั้งคู่เหมือนกับเสือสองตัวที่กําลังจ้องดูเชิงเพื่อหาทางเล่นงานกันอยู่ ใครเข้ามาขวางตอนนี้รับรอง...เละ เมื่อขยับตัวอีกครั้ง คราวนี้เป็นพายุของบินก็โหมกระหน่ำมาแบบไม่ยั้ง ข้าวของต่าง ๆ ที่เขมชาติกับพริมโรสซื้อมาให้เขมกรและพิชชภรณ์นั้น ตอนนี้ถูกพริมโรสนํามาเป็นอาวุธในการขว้างใส่เขมชาติอย่างไม่ลืมหูลืมตา แม้แต่ชงคมกับคาร์ลอตจะเข้ามาช่วยยังโดนลูกหลงไปด้วย เขมชาติได้แต่ยกแขนขึ้นมาป้องกันเท่านั้น เพราะยังไม่มีจังหวะลงมือ แต่เสียงของพิชชภรณ์ที่ดังขึ้นทําให้มือที่หยิบกระป๋องจะปาศัตรูค้างอยู่ กับที่ “พี่พริม...อย่าลืมสัญญาสิคะ พี่พริมสัญญากับคุณตาไว้อย่างไร” ได้ผลนอกจากมือจะชะงักแล้ว แววตาที่เป็นประกายเพลิงเมื่อครู่ก็ดับสนิทอย่างไม่น่าเชื่อ เขมชาติคิดว่าเขาเป็นหนึ่งที่ควบคุมอารมณ์ได้ดีแล้ว แต่เขาต้องยอมรับกับตัวเองอย่างไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ ว่า พริมโรสควบคุมได้ดีกว่าเขามาก...มากจนเขานึกกลัว อารมณ์ที่ระเบิดขึ้นเหมือนภูเขาไฟเมื่อครู่ดับสนิท กลายเป็นภูเขานํ้าแข็งที่เย็นยะเยือกอย่างไม่มีใครล่วงรู้ว่า ภายในภูเขานํ้าแข็งลูกนี้ซ่อนภูเขาไฟที่ปะทุอยู่ เขมชาติลอบสังเกตหญิงสาวตรงหน้าอย่างถี่ถ้วน มือที่ค่อย ๆ วาง กระป๋องบนโต๊ะอย่างช้า ๆ จากนั้นก็เลื่อนมาจับพนักพิงเก้าอี้ ข้างหน้า พร้อมกับหลับตาและสูดหายใจเข้าลึกอย่างจะเรียกสติที่ หายไปกลับคืนมานั้น ทําให้เขารู้สึกสงสัยไม่ได้ว่าเพราะอะไร หญิง สาวถึงได้ดูสงบขนาดนี่ ‘สัญญาอะไรไว้กันแน่’ เพราะคําพูดที่พิชชภรณ์เตือน ทําให้ภูเขาไฟที่กําลังระเบิดกลายเป็นภูเขานํ้าแข็งได้นั้น แสดงว่าพริมโรสต้องเป็นคนที่รักษาคําพูด ไม่ยอมผิดคําสัญญาแน่ ไม่อย่างนั้นคงไม่หยุดหรอก เขมชาติได้แต่วิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับพริมโรสในใจ แม้ว่าตอนนี้ เขาจะโมโหมากเพียงไหนก็ตาม แต่เขาไม่ใช่คนที่ชอบทําร้ายผู้หญิง หรือคนที่ไม่มีทางสู้ ‘เจ้าโรส...รับปากตาสิ สัญญากับตาก่อนว่าต่อจากนี้ จะไม่เอาอารมณ์และความรู้สึกมาอยู่เหนือเหตุผล และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ต้องเผชิญหน้ากับมันอย่างมีสตินะ อย่าเอาอารมณ์และ ความรู้สึกมาเกี่ยวข้อง...เจ้าดอกพริมโรสของตา รับปากตาสิ’ คําพูดของคุณตาที่เลี้ยงพริมโรสมาตั้งแต่บิดามารดาของเธอประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเมื่อเธอยังเล็กดังก้องเข้ามาในหัว ทําให้สติที่หายไปกลับคืนมา เธอปล่อยให้อารมณ์โกรธเข้าครอบงําได้อย่างไร เธอปล่อยให้ความรู้สึกมาอยู่เหนือเหตุผลได้อย่างไร ในเมื่อเกมนี้เธอเป็นคนเริ่ม แล้วเขมชาติมาสานต่อ ทุกอย่างเป็นไป ตามที่วางแผนไว้แล้ว เธอจะปล่อยให้แผนที่เตรียมมาพังไปเพราะอารมณ์ชั่วูบของตัวเองหรือการกระทำอันจาบจ้วงของใครบางคนได้อย่างไร ‘พวกมันต้องชดใช้...’ เมื่อคิดได้อย่างนี้ พริมโรสค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างพร้อมที่จะลุยเกมนี้ ต่อ ไม่ว่าอะไรจะเกิดต้องตั้งรับอย่างมีสติ นี่เป็นคําพูดของคุณตาที่ คอยพรํ่าสอนเธอมาตลอด เธอไม่เคยปล่อยให้อารมณ์ ความรู้สึก มาอยู่เหนือเหตุผล ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ครั้งนี้เธอต้องทนได้และต้อง ทําให้ได้ 'ฉันต้องชนะเกมนี้' คราวนี้เป็นฝ่ายพริมโรสบ้างที่ส่งยิ้มหวานมาให้เขมชาติที่กําลังยืนสงบสติอารมณ์อยู่ข้าง ๆ พร้อมกับเอื้อมมือมาจับแขนที่ใช้รองรับกระทะร้อนอย่างอ่อนโยน พร้อมกับคําพูดที่ทําให้คนฟังตั้งตัวไม่ติด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม